เปลี่ยนร้านขายยาสุดโทรม..เป็นบูติคโฮสเทลตอนที่ 3 : กระบวนการออกแบบมาสร้างให้เป็นจริงได้!!

จากความเดิมตอนที่ 2 จากที่เราและน้องสาวไปตะลุยพื้นที่ที่ปลาชุมด้วยเครื่องมือวิจัยการออกแบบที่พยายามเจาะรูปแบบและสไตล์ของการออกแบบโรงแรมและการออกแบบแบรนด์ เรามาต่อกันที่การเอาส่ิงที่ค้นพบจากงานวิจัยนั้น สู่การออกแบบว่า เราจะเปลี่ยนร้านขายยาเก่าแสนโทรมให้ออกมาเป็นโรงแรมรูปแบบไหนอย่างไรกันนะคะ

ทวนสักนิด เพื่อทวนความจำ ^^ น้องสาวเราได้ทำเครื่องมือวิจัยไว้ 3 บอร์ดภาพ เพื่อใช้คุยกับกลุ่มเป้าหมาย

ขอบคุณภาพประกอบจากทุกแหล่งอีกครั้งนะคะ

จริงๆ ในใจของเราและน้องสาว อยากทำงานออกแบบแบบตามบอร์ดที่ 2 มากที่สุด เพราะว่ามันยังเป็นช่องว่างที่ยังไม่ค่อยมีโรงแรมไหนนำเสนอและยังเป็นเรื่องราวที่เขียนออกมาจากใจจาก Story ของครอบครัวของเราจริงๆ ซึ่งจากผลวิจัยก็พบว่า แนวทางแบบที่ 2 นี้ ไม่มีนักท่องเที่ยวรายไหนไม่ชอบในลักษณะที่ Bias เลยค่ะ และในขณะเดียวกันแบบที่ 1 และแบบที่ 3 นั้น มีข้อดีอีกหลายอย่างที่เราเอามาเสริมทัพให้งานออกแบบโรงแรมของเราตอบโจทย์ได้เพิ่มมากขึ้นได้ ซึ่งมันดีมากเลยที่ได้ทำขั้นตอนนี้ : )

เนื่องจากก่อนหน้านี้ประมาณ 3 ปี เราเพิ่งได้มีการทำบ้านไป มีการใช้นักออกแบบภายในท่านหนึ่งที่เป็นคนรู้จักของน้องสาว (เคยทำงานด้วยกัน) ชื่อว่าคุณเบิร์ด จาก Philosstudio เป็นนักออกแบบภายในอิสระที่แยกตัวออกมาจากการทำงานกับออฟฟิศ มาเปิด Studio ของตัวเอง ผ่านผลงานมาอย่างโชกโชนทั้งงานออกแบบบ้านพัก คอนโด ร้านค้า ร้านอาหาร (อย่าง Barbq Plaza บางสาขาก็เป็นฝีมือของคุณเบิร์ดนะ) ที่สำคัญเป็นคนที่คุยง่าย เค้ามีความอินในงานที่ทำ และมีความพยายามในการดึงเอาความต้องการของ Owner ออกมามากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ มาเป็นวิธีคิดในการออกแบบของงานทำให้เราทำงานในขั้นตอนการออกแบบร่วมกันได้เป็นอย่างดี

ตึกแถวแห่งนี้ มีลักษณะ 5 ชั้น โดยมีการเล่นระดับ (ตามสมัยนิยมของอาคารพาณิชย์รุ่นเก่า) โดยประกอบด้วย

1. ห้องใต้ดินขนาดเล็กๆ

2. ชั้น 1 ที่เป็นหน้าร้าน

3. ชั้นลอย เป็นพื้นที่ตอนกลางและตอนหลังที่เป็นครัว

4. ชั้นสองเต็ม Floor

5. ชั้นสามเต็ม Floor

6. ชั้นสี่เต็ม Floor

7. ชั้นห้าครึ่ง Floor + ดาดฟ้า

เล่าแบบนี้เพื่อนๆ อาจจะไม่เห็นภาพว่าสภาพเดิมมันยากขนาดไหน เพื่อให้เกียรติกับฝีมือการจินตนาการของคุณเบิร์ด ขอพาเพื่อนๆ ไปชมภาพ Before ของ Site นี้กันสักหน่อยละกันค่ะ

ภาพภายนอกที่เสี่ยงตายไปยืนกลางถนนถ่ายมา 55

มองจากด้านหน้าภายนอกจะมีทั้งหมด 5 ชั้นค่ะ

นี่คือภาพที่ถ่ายจากการยืนอยู่ชั้นลอยมองออกไปทางหน้าร้าน ขณะตอนเกิดโครงการนี้ร้านยังเปิดขายเป็นร้านขายยาอยู่...ของเยอะเบอร์นี้เลยค่ะ >_<

เพื่อให้เข้าใจ Space ต่างระดับของ Site มากขึ้น ภาพนี้เป็นภาพถ่ายตอนที่รื้อทุกอย่างออกหมดแล้ว โดยถ่ายจากมุมมองที่ยืนอยู่หน้าร้านมองกลับเข้ามา จะเห็นว่ามีการยกระดับขึ้นไปเป็นชั้นลอย และมีการลดระดับลงไปเป็นชั้นใต้ดิน

เราได้ Space ใต้ดินมา แต่ก็แลกกับการที่พื้นที่ใช้สอยชั้นลอยค่อนข้างจะเตี้ย ก็เป็นโจทย์ที่ทาง Designer ต้องช่วยเราคิดว่า มันจะยัดเอาฟังก์ชั่นสำหรับการเป็นโรงแรมใส่เข้าไปได้อย่างไร

ชั้น 2-3-4 ขึ้นไปไม่มีอะไรมากค่ะ เป็นชั้นเต็มๆ เหมือนรูปแบบตึกแถวทั่วไปตามปกติ...เพียงแต่ที่ชั้น 3 เรามีโจทย์ให้ Designer ว่า อยากให้เก็บเฟอร์นิเจอร์ชุดนี้ที่เป็นไม้จริงที่ยังคงสภาพดีอยู่ไว้ให้ได้มากที่สุด

โถงบันไดนี้ ตอนเราอยู่มาตลอด 10 ปี ไม่เคยคิดว่าลูกกรงและราวมือจับนี้สวยเลย...แต่ Designer คุณเบิร์ดบอกว่า ลูกกรงสวยมากกก!!!....โอเค...เราจะรอดู 55

บริเวณหน้าบ้านก็มีระเบียงเล็กน้อย และ Facade ด้านหน้าก็เป็นเหล็กดัดตามสมัยนิยมของตึกแถว

ดาดฟ้า เมื่อมองไปยังด้านหน้าอาคาร

ชั้นดาดฟ้า หรือชั้น 5 เมื่อมองจากภายนอกมีลักษณะด้านหน้าเป็นห้อง ส่วน Bay เสาสุดท้ายจึงเป็นที่เปิดโล่งในตอนนั้น ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรนอกจากใช้วางแทงค์น้ำ

โดยสรุปแล้วความยากของ Site นี้คือ

1. จริงๆ แล้วบ้านแคบมากเลย แคบกว่า 5 เมตร แถมสอบเข้าด้านหลังแคบกว่าด้านหน้าอีก

2. การเล่นระดับของด้านบ้านกับ Bay เสากลาง (ทั้งหลังมี 3 Bay เสา) มีทั้งได้ประโยชน์และความยากมาคู่กัน คือชั้นลอยเตี้ยมาก แต่ก็ได้พื้นที่ใช้สอยห้องใต้ดินเพิ่ม

3. การปรับปรุงตึกแถวให้เป็นโรงแรมนี่....ความยากคงเหมือนกันหมดตรงที่มันนึกไม่ออกอ่ะนะคะว่ามันจะออกมาหน้าตาเป็นโรงแรมได้อย่างไร...

โดยเมื่อข้อมูลทั้งหมด รวมถึงข้อมูลด้านแบรนด์ที่ทางเราวิเคราะห์และออกแบบกันมา ส่งถึงมือคุณเบิร์ด คุณเบิร์ดก็เริ่มทำการออกแบบ Layout Plan มาให้ครั้งที่ 1 เพื่อมาหารือกันว่า เราเห็นด้วยตรงกัน และพึงพอใจกับฟังก์ชั่นการใช้งานที่เกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหนอย่างไร

(ชอบนักออกแบบตรงน้ีล่ะ เค้าไม่อารัมภบทไม่พูดพร่ำทำเพลงมากในงานประเภท Renovate นี้ มีแต่ต้องเอาความคิดที่คิดอยู่นั้นออกมาให้เป็นภาพเท่านั้นแหละ เราทุกคนจึงจะมีหลักยึดที่จะ Discuss และหารือกันให้งานมันดีขึ้น)

งานที่คุณเบิร์ด Sketch มาให้เราดูในครั้งแรกเป็นอย่างนี้ค่ะ

คุณเบิร์ดเริ่มต้นด้วยภาพของการ Sketch การเปลี่ยนโฉมภายนอกอาคาร โดยเนื่องจากน้องสาวเราเค้าคอยติดตาม Material ใหม่ๆ ผ่าน Wazzadu.com เลยไปสนใจเข้ากับสินค้า Aluminium Facade ของแบรนด์ Alumet รุ่น Piano ซึ่งมีแรงบันดาลใจมาจากคีย์เปียโน น้องสาวบอกว่ามันจะผูกโยงเข้ากับ Story ของเพลงลูกกรุง ซึ่งเป็นเพลงสมัยพ่อแม่จีบกันได้ (เราว่าแถนะ...5555 แต่เอาเถอะ) เลยให้โจทย์กับคุณเบิร์ดไปให้ลองเอาแบบนี้มาใช้ ภาพออกมาสวยสุดใจเลย ถ้าทำได้จริงน่าจะกลายเป็นตึกแถวที่ดูดีที่สุดในเจริญนครเลยล่ะ ^^

....แต่แอบบอกก่อนนะว่า Final แล้วไม่ได้ใช้รุ่นนี้หรอก 55

Layout Plan ชั้น 1

คุณเบิร์ดได้ออกแบบให้จากทางเข้าหน้าถนนเข้ามาเป็นส่วนของ Lobby ที่เคาน์เตอร์รับแขกอยู่ด้านหน้า ขณะเดียวกันนั้นก็เจียดพื้นที่เล็กๆ ริมกระจกให้เป็นที่นั่งรับรองแบบ Bench ยาว ภายในเคาน์เตอร์นั้น นอกจากจะใช้เป็นฟังก์ชั่นการ Check in ของแขกที่มาพักแล้ว เรายังขอให้คุณเบิร์ดพยายามวางฟังก์ชั่นในที่อันน้อยนิดนี้ ให้สามารถชงกาแฟได้อีกด้วย เพราะตัวเราเองนั้นชอบกาแฟมาก และคิดว่าก็น่าจะดีต่อแขกที่มาพักและเป็นการหารายได้เพิ่มไปอีกทาง ตอนกลาง (Bay เสาที่ 2 ของตึก) จัดเป็น Dining Area แต่มีความเชื่อมโยงกับด้านหน้าโดยไม่ปิดทึบ และ Bay เสาสุดท้าย เดิมเป็นครัวและห้องน้ำ คุณเบิร์ดก็ยังคงฟังก์ชั่นตามเดิม โดยเรากับน้องมีไอเดียว่า อยากให้เป็นครัวที่แขกเข้าไปใช้งานได้ด้วย (ตาม Concept ของ Family Hostel ที่มักจะมี Pantry หรือครัวให้แขกที่มาพักใช้งานได้)

ส่วน Layout Plan ชั้น 2

คุณเบิร์ดออกแบบมาเป็นห้องแยกหน้าหลังธรรมดา...แต่เมื่อพิจารณาดูแล้ว เราได้แจ้งคุณเบิร์ดไปว่าอยากให้เป็นห้อง Combine เพื่อการขาย และเพื่อตอบคอนเซปท์ด้วย คือ PAMAhouse ที่เราวางแนวทางไว้คือต้องการให้เป็น Boutique Hostel คือ คือจะไม่เน้นส่วนของ Dorm แต่จะมีลักษณะเป็นห้องๆ มากกว่า โดยหวังจับ Segment ของคนที่มาเป็นกลุ่ม โดยเฉพาะครอบครัว แล้วอยากได้ที่พักในระดับราคาคล้ายๆ กับ Hostel และเรามี Believe ว่า การมาไกลต่างแดนถึงเพียงนี้แล้ว จุดแข็งของ Hostel ที่น่าสนใจกว่าโรงแรมใหญ่คือมีพื้นที่ส่วนกลางให้ได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน ไม่ใช่ต่างคนต่างแยกย้ายเข้าห้องนอนเพราะเหนื่อยแล้วและเพราะโรงแรมอาจไม่มีพื้นที่ส่วนกลางที่เป็นส่วนตัวและอบอุ่นพอ หรือไม่ก็ต้องไปใช้บริการร้านต่างๆ ของโรงแรมซึ่งต้องเสียเงินอีก แบบนี้ก็ไม่ได้ใช้เวลาร่วมกันพอดี ชั้นนี้จึงเป็นพื้นที่ที่ตอบโจทย์สิ่งที่เราคิดได้ เลยขอให้คุณเบิร์ดช่วยปรับแก้ให้ใหม่

ในการเสนองานครั้งแรกนี้ นอกจากคุณเบิร์ดจะพยายามหาภาพ Reference มาร่วมกับ Plan ให้เราเข้าใจภาพและวัสดุที่ใช้แล้ว ก็ยังมีการ Sketch ภาพประกอบเพื่อให้เห็นเป็น 3 มิติคร่าวๆ เพราะงาน Renovate มันเป็นเรื่องที่ต้องใช้จินตนาการสูงมากทีเดียว ป่ะป๊ากับหมะม้าของเราก็มีความพยายามในการมอง Plan แต่ก็ยังยากอยู่ พอเห็นภาพ Sketch แบบนี้ก็คุยกันรู้เรื่องมากขึ้น

แค่เห็นภาพ Sketch เราก็ว่ามันต้องสวยแล้วล่ะงานนี้ เห็นทีเราจะได้เป็นเจ้าของตึกที่สวยที่สุดในเจริญนครกันแน่นอน : )

Layout Plan ชั้น 3

คุณเบิร์ดออกมาเป็นห้อง Combine แต่ทางเราขอสลับกับชั้น 2 เพราะชั้น 3 เป็นชั้นที่ห้องนอนใหญ่มีเฟอร์นิเจอร์เก่าที่พอใช้งานได้ต่อ เลยขอให้คงสภาพไว้

Layout Plan ชั้น 4

ต้องยอมรับว่า Draft แรกของคุณเบิร์ดนี้ สุดยอดแห่งความคุ้มในการใช้พื้นที่อย่างมาก สามารถใช้พื้นที่ทุกติ่งให้กลายเป็นห้องนอนได้หมด 555 เราเห็นแล้วยังอยากนอนในห้องเล็กๆ ตรงที่ขึ้นบันไดมาแล้วเจอเลยเลย 55 แต่สุดท้ายเราค้นพบปัญหาคือ ห้องน้ำของเราน่าจะไม่เพียงพอต่อผู้ใช้ เพราะฉะนั้นก็จะเป็นโจทย์ให้ต้องพัฒนาแบบต่อ

บอร์ดนี้ด้านขวาเป็น Layout Plan ชั้น 4 อีก 1Option ได้ห้องน้อยลงมาหน่อย แต่ก็ยังห้องนำ้น้อยไปอยู่ คาดว่าจะยังคงไม่ตอบโจทย์

ส่วน Layout Plan ชั้น 5 (ด้านซ้ายของบอร์ดภาพ)

คุณเบิร์ดก็จัดมาให้ถึง 2 ห้อง และคงเหลือพื้นที่ดาดฟ้าไว้ให้เป็น Gimmick ในการสร้างพื้นที่ Sharing Space กันแบบ Pocket แต่ตรงนี้ น้องสาวเราบอกเลยว่า ต้องจัดให้เป็น Hilight ของงานให้ได้!! ก็เป็นโจทย์ในการพัฒนาแบบเช่นกัน

มาถึงตรงน้ีแล้ว...หวังว่าเพื่อนๆ คงพอเริ่มเห็นภาพ Momentum บางอย่างที่กำลังจะเห็นอะไรๆ มันเปลี่ยนไป

จากเดิมบอกตามตรงว่าเราเองก็คิดภาพไม่ออกเลยว่ามันจะเปลี่ยนออกมาได้อย่างไร แต่รู้ว่าต้องมีใครสักคนทำมันได้ ก็ใน Internet ก็มีให้เห็นมากมายที่เค้าทำกัน เพียงแต่เราแค่นึกภาพของเราเองไม่ออกเท่านั้น

เราได้ทำหน้าที่ให้โจทย์ให้ดีที่สุด และทำงานร่วมกันกับทาง Interior Designer ที่ก็พยายามทำความเข้าใจโจทย์ทางธุรกิจ และโจทย์ทางความชอบของทุกคนในบ้าน ....น่านับถืออาชีพนี้จริงๆ ที่ต้องพยายามล้วงเอาความคิดของทุกคนออกมา และแปรสภาพมันเป็นงานออกแบบที่สวยงาม

ตอนนี้เรามีห้องรวมกันทั้งหมด 10 ห้อง ซึ่งเอาจริงๆ พอทบทวนแล้วคิดว่ามันยังมากเกินไปและไม่ Balance กับห้องน้ำอยู่ (ความยากของการเปลี่ยนตึกแถวเป็นโรงแรมก็น่าจะอีตรงห้องน้ำนี่ล่ะ เราถึงวาง Positioning เป็นเพียง Hostel ล่ะเพราะถ้าห้องน้ำไม่สามารถเซิร์ฟได้ทุกห้องแล้วคงยากที่จะถึงระดับโรงแรม) แต่ก็เริ่มเห็นแววละ....แววที่ความฝันของเราจะเป็นจริง : P เดี๋ยวในครั้งต่อไป เราจะเอาแบบ Perspective ที่ถูกพัฒนาประมาณ 3 ครั้ง จนสามารถได้แบบที่ลงตัวเป็นที่พอใจของทุกคนในบ้าน (โดยเฉพาะน้องเราที่เรื่องมากมากๆ (55)) มาให้ดูกันนะคะ ว่าจากความฝันพอมันมา Fit อยู่ในสถานที่จริงที่เป็นที่แห่งความผูกพันของครอบครัวแล้วมันจะออกมาเป็นอย่างไร แล้วพบกันตอนที่ 4 ค่ะ : )

 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม หรือส่งข้อความทักทายกันได้ที่ Facebook Fanpage "PAMAhouse Boutique Hostel" ตามลิงค์นี้นะคะ

https://www.facebook.com/pamahousehostel/

เราเป็น User ของ Wazzadu.com ที่ชอบเรื่องการออกแบบตกแต่ง และตอนนี้กำลังทำการ Renovate ตึกแถวของทางบ้านให้กลายเป็น Boutique Hostel เราเลยตัดสินใจอยากบันทึกเรื่องราวตลอดเส้นทางไว้เป็นความทรงจำของงานใหญ่ของครอบครัวครั้งนี้ : )

มาลุ้นไปพร้อมๆ กันกับเรานะ 55 ...

ไอเดียมาใหม่

บทความที่เกี่ยวข้อง

...

โพลสำรวจ

ถาม-ตอบ

Wazzadu.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานของคุณ