เปลี่ยนร้านขายยาสุดโทรม..เป็นบูติคโฮสเทลตอนที่ 4 : สร้างฝันให้เป็นจริงได้!! (ภาคต่อ)

เปลี่ยนร้านขายยาเก่าเป็นบูติคโฮสเทล คอลัมน์นี้เดินทางมาถึงครั้งที่ 4 แล้ว เรื่องราวแห่งความจริงตอนนี้เดินทางมาไกลกว่าเรื่องในบทความเล็กน้อย ที่แอบหายไปสักพัก เพราะว่าไปวุ่นๆ อยู่กับหน้างานให้มันคืบหน้านี่ล่ะค่ะ แต่ตอนนี้การก่อสร้างคืบหน้าไปมากใกล้ความจริงมากขึ้นทุกทีแล้วค่ะ : )

อย่างไรก็ตาม เรามาต่อตอนที่ 4 ที่ยังอยู่ในประเด็นของการออกแบบกันต่อก่อนนะคะ ความเดิมตอนที่แล้ว เราได้แชร์ผลงานการ Sketch ของคุณเบิร์ด Interior Designer ที่เราเลือกมาทำงานด้วย ซึ่งเป็นการผลงาน Sketch ครั้งแรกหลังจากที่รับโจทย์และดู Site ไป แค่นั้นครอบครัวของเราก็ตื่นตาตื่นใจกันมากพอสมควรแล้ว เพราะใครกันจะคิดออกว่าบ้านที่อยู่มาตั้งเป็นสิบๆ ปี จะสามารถระเบิดบู้ม กลายเป็นโกโก้ครันช์ 555 ไม่ใช่สินะ (มุกบอกอายุมากเลย) เอาเป็นว่าภาพ Sketch คราวนั้นได้ระเบิดกรอบความคิดของเรา และทำให้มั่นใจมากขึ้นว่าตึกแถวหลังเก่านี้ มันจะมีศักยภาพซ่อนอยู่อย่างที่เราคาดหวังไว้จริงๆ

รวมภาพ Sketch ที่สร้างจินตนาการให้เราเห็นศักยภาพของการใช้งานออกแบบมาช่วยเสริมศักยภาพของอาคารเก่า

หลังจากการนำเสนองานครั้งที่ 1 ก็ได้เกิดการ Develop งานออกแบบกันอีก 2-3 ครั้ง โดยแต่ละครั้งงานออกแบบก็พัฒนาขึ้น สวยงามขึ้น เส้นสายและลวดลายลงตัวอย่างน่าพอใจ (พอใจน้องเราน่ะนะ 55 ทั้งบ้านจริงๆ ก็โอเคกับทุกครั้งที่นำเสนออยู่แล้ว แต่น้องโจ้งของเราผู้คุมแบรนด์ PAMAhouse ยังคงไม่พอใจ และทำบรี๊ฟด้านเรื่องราวของแบรนด์เพิ่มเติมอีกจนทำงานในที่สุด งานออกแบบภาพ Perspective ประมาณครั้งที่ 4 ก็ออกมาตอบโจทย์ ลงตัวและถูกใจทุกคน)

เรื่องราวของแบรนด์ของเราที่จะถูกถ่ายทอดผ่านงานออกแบบสถาปัตยกรรม คือ

"The Vital Memory of our Family" หรือหมายถึง ความทรงจำที่สดใส สนุกสนานของครอบครัวของเรา

เราและน้องเห็นพ้องตรงกันที่เรื่องราวนี้ เพราะะว่าเป็นเรื่องที่เราอินที่จะเล่ามากที่สุด คนฟัง (ว่าที่ลูกค้าของเรา) ก็น่าจะสนใจที่จะฟังในระดับหนึ่ง เรามีความเชื่อว่า เรื่องราวของคนไทย ที่ฝรั่งหรือชาวต่างชาติได้ยินได้ฟังอยู่ตอนนี้ มักจะบิดเบือนและเป็นเรื่องที่เหมารวมเกินไปว่าทั้งประเทศจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เราเชื่อว่าต้องมีกลุ่มลูกค้าประเภท อยากรู้อยากเข้าใจความเป็นประเทศไทย คนไทย ครอบครัวไทย ที่เป็นวิถีชีวิตจริงๆ ในปัจจุบัน ที่ทำให้เค้าเอาไปเล่าให้เพื่อนๆ ของเค้าฟังต่อได้ว่า จริงๆ แล้วคนไทยเป็นอย่างนี้นะ ไม่ใช่อย่างที่พวกแกไปฟังข่าวหรือไปอ่านรีวิวอะไรมา เหล่านั้นมันเป็นแค่เศษเสี้ยวส่วนเดียว เราคิดว่า เราอยากให้เกิด Effect อย่างนี้ และเราอยากได้ลูกค้าแบบนี้มาพักที่ Hostel ของเรา ลูกค้าที่มาเที่ยวเพราะอยากรู้จักประเทศนั้นๆ ลึกมากขึ้น อยากเข้าใจว่าคนที่นี่เป็นอย่างไร บ้านเมืองเป็นอย่างไร คิดอ่านอย่างไร นอกเหนือจากแค่ได้มาเพื่อไปเหยียบย่างยังสถานที่สำคัญๆ ที่เว็บทุกเว็บต่างรีวิวว่าเป็น Destination ของประเทศไทย และที่สำคัญที่สุดที่เราเลือกเรื่องราวนี้ เพราะว่าแน่นอนว่าเป็นเรื่องราวที่เป็น Unique เฉพาะสำหรับครอบครัวเราเท่านั้น ไม่มีทางมีใครเหมือน และไม่เหมือนใครลอกเลียนแบบไม่ได้นั่นเอง

"The Vital Memory of our Family" จะถูกเล่าผ่านบรรยากาศการออกแบบที่เป็นมิตร อบอุ่น เป็นเนื้อแท้ มีรากของวัฒนธรรมบางอย่าง ในภาพรวมที่มีกลิ่นอายของสถาปัตยกรรมยุค 1970s หรือการเล่าเรื่อง Lifestyle ของยุคนั้นผ่าน Prop ตกแต่ง และการออกแบบทั้งหมดคุมสไตล์ไว้ภายใต้สไตล์ที่เรียกว่า "Industrial Neat" คือมีการใช้วัสดุและ Space ละม้ายคล้ายยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม (Industrial) ซึ่งได้แก่ บรรดา ไม้ เหล็ก กระจก ปูนเปลือย แต่เป็นไปอย่างสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย (Neat)

ซึ่งการเล่าเรื่องของเรานั้น เริ่มต้นจากภาพภายนอกของอาคาร และโถงล็อบบี้ต้อนรับแขก ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นพื้นที่สรัาง First Impression ให้กับแขกที่มาพัก ภาพ Perspective สุดท้ายที่เป็นที่พอใจของทุกๆ คน ออกมาเป็นอย่างนี้ค่ะ

Exterior Perspective มุมมองจากภายนอกอาคาร ภาพ Render เป็นประมาณนี้ (ตบกันมาหลายครั้งเลยทีเดียวกว่าจะได้ภาพนี้)

ใช้ Facade ALUMINIUM ลายไม้ของ ALUMET รุ่น Flexi ที่มีคุณสมบัติ

- ลายไม้ สร้างความโดดเด่นจากสภาพแวดล้อม และตอบโจทย์ Style Industrial Neat ที่เรากำหนดเอาไว้

- น้ำหนักเบา ข้อนี้สำคัญมากสำหรับการ Renovate อาคารเก่า

- ทนทาน สีไม่ซีดจางยาวนาน ไม่ต้องการการดูแลรักษาที่วุ่นวาย เรื่องนี้ก็สำคัญมากเลย แทบจะเป็นตัวกำหนดคุณสมบัติหลักๆ ของการเลือกใช้วัสดุของโครงการนี้เลย

- การติดตั้งไม่ยุ่งยาก สามารถติดตั้งได้เรียบร้อยภายในไม่เกิน 3 วัน และช่างอลูมิเนียมหรือผู้รับเหมาทั่วไปสามารถทำได้โดยง่ายผ่านการเทรนเล็กน้อยก็ทำได้ด้วยตัวเอง

ภาพ Interior 1: Lobby ต้อนรับ มุมนี้เป็นมุมที่ถูกใจครอบครัวเรามากที่สุด แค่เห็นภาพก็อยากมานั่งที่นี่ทุกวันแล้ว ^^

ภาพ Interior 2: Dining Room

เมื่อเดินเข้ามาผ่าน Lobby แล้ว เดินขึ้น Step มาประมาณ 5-6 ขั้น จะเจอกับชั้นลอยที่เราจัดไว้ให้เป็นส่วนทานอาหารที่ให้ความรู้สึก Homey และมีความต่อเนื่องจากด้านหน้าเข้ามาโดยมีชั้นวางของโชว์ได้ที่กึ่งทึบกึ่งโปร่ง

ภาพ Interior 3: Kitchen

ครัวที่โดดเด่นด้วยเคาน์เตอร์ครัวสั่ง Built-in ใช้วัสดุหลักเป็นบานไม้สน มีบาร์เล็กๆ กั้นระหว่าง Dining และครัวอยู่

บอกตามตรงว่าชอบที่ความสวยงามของมัน แต่ยังไม่มีประสบการณ์ใช้งานมาก่อน ยังไม่แน่ใจเรื่องความทนทานหรือการดูแลรักษาเท่าไหร่นัก แต่พอเอาอารมณ์นำแล้ว ชอบบบบบ 555

เหล่านี้คือเรื่องราวที่ปรากฏอยู่ในพื้นที่ส่วนกลางด้านล่างทั้งหมด ซึ่งเชื่อว่าสร้างความประทับใจให้แขกที่มาพักได้แน่นอน

ต่อมา เราจะพาเพื่อนๆ เข้าไปเยี่ยมในห้องพักกันนะคะ เรื่องราวของห้องพักจะถูกแบ่งการเล่าเรื่องราวไปตามแต่ละชั้น ซึ่งมีห้องทั้งหมด 7 ห้อง 4 ชั้น (จำนวนชั้นพอดีกับจำนวนสมาชิกในครอบครัวเราเลย) ชั้นที่ 2 เป็นชั้น PAPA's Floor โดยจัดให้เป็นห้อง Family Room เชื่อม 2 ห้องต่อเนื่องกันโดยมีโถงกลางนั่งเล่นรวมกันได้สำหรับครอบครัวที่มา 4-8 คน ชั้นนี้ตกแต่งด้วยบรรยากาศ Modern Contemporary อุ่นๆ เรียบๆ สบายๆ ใส่เรื่องราวการเดินทางที่ล้อไปกับคาแรกเตอร์ของป่ะป๊า ที่มีพาหนะหลักคือจักรยานคู่ใจ เดินทางเข้าทุกตรอกซอกซอยอย่างชำนาญพื้นที่ และให้ความรู้สึกอิสระเสรี วัสดุหลักที่ใช้เล็งๆ ไว้เป็นไม้วีเนียร์สีธีรรมชาติ แต่นำมาสร้าง Pattern ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของโครงการเรา (มีการทำเป็นรูปไฟฉายด้วย ดังภาพที่เห็น 55 คิดได้ชอบที่ Designer เราแอบขี้เล่นที่จะคิดอะไรแบบนี้)

ภาพ Interior 4: ชั้น 2 PAPA's Floor เล่าเรื่องการเดินทางในบรรยากาศ Modern Contemporary

ชั้น 3 MAMA's Floor ชั้นนี้ มีความพิเศษตรงที่มีห้องนอนใหญ่ที่มีเฟอร์นิเจอร์ไม้จริงเดิมอยู่แถมห้องน้ำยังมีอ่างอาบน้ำอยู่ด้วย (Existing) เราจึงวางให้เป็นห้อง Deluxe Room ที่มีห้องน้ำในตัว

ชั้นนี้ ทำการเล่าเรื่องราวความเป็นไทยที่อาจจะ Traditional กว่าภาพรวมของโครงการ เนื่องจากเรากำลังเล่าเรื่องราวของหม่าม้า ผู้ซึ่งหลงใหลอะไรไทยๆ พื้นถิ่นๆ เช่น การสะสมผ้าไทย หรือการสะสมเครื่องประดับหิน งานทำมือ ชั้นนี้จึงจะทำให้แขกที่มาพักได้สัมผัสกลิ่นอายของความเป็น Culture มากหน่อยวัสดุหลักใช้ผ้าไทย หวาย และไม้จริง เป็นตัวเล่าเรื่อง

ภาพ Interior 5: MAMA's Floor ภาพบริเวณโถงทางเดินหน้าห้อง จุดนี้ยังคงความเรียบเพื่อให้เชื่อมต่อกับชั้นอื่นๆ ได้

ภาพ Interior 6: ชั้น 3 MAMA's Floor ห้องด้านหน้าเป็น Deluxe Room

ภาพ Interior 7: ชั้น 3 MAMA's Floor ห้องด้านหลัง Twin Room ในบรรยากาศ Traditional Thai

หลังจากผ่านเรื่องราวต่างๆ มาถึงชั้น 3 แล้ว บ้านนี้ช่างเป็นคนช่างเล่าเรื่องจริงๆ ทุกคนคงคิดอย่างนั้น 55 ถูกต้องแล้ว เรื่องของเรายังไม่หมดแม็ก ชั้น 4 จะทำให้คุณเปลี่ยนโหมดอารมณ์แทบไม่ทัน ชั้นนี้เป็นชั้นเดียวที่เราตัดสินใจจัดให้เป็น Dorm KasiPA's Floor (ชั้นของเราเองล่ะ) เราตัดสินใจเลือกเรื่องราวแนวล้ำๆ ดู Modern จัดๆ เข้ามาเป็นบรรยากาศของชั้นนี้ ด้วยโครงสร้างของของเดิม ชั้นนี้เป็นชั้นที่มีห้องน้ำไม่เยอะ แต่สามารถซอยห้องได้เยอะ เราจึงตัดสินใจขายเป็นห้อง Dorm ที่มีราคาถูกลง ในบรรยากาศเหมือนนอนหอพักตอนม.ต้น และแลกกับการที่ห้องน้ำต้องใช้ร่วมกันนะ ซึ่งแอบชอบเพราะลงตัวทั้งการปรับใช้ Existing แบบไม่เปลี่ยน ไม่ฝืนมากเกินไป และลักษณะห้องและการตกแต่งก็สอดคล้องกับ Character ของเรา (KasiPA) ที่เป็นคนนำพาเทคโนโลยีต่างๆ มาสู่ครอบครัว โดยวัสดุที่เลือกใช้ จะโดดเด่นด้วยพื้น Epoxy ที่เงาวับ และเตียง 2 ชั้นสั่งทำ ที่มีวัสดุหลักเป็นเหล็กทำสีพ่นสีขาวกับไม้สน

ภาพ Interior 9: ชั้น 4 KasiPA's Floor ห้อง Mix Dorm 6 Beds ในบรรยากาศ Modern Prospective

ภาพ Interior 10: ชั้น 4 KasiPA's Floor ห้อง Ladies Dorm 4 Beds ห้องด้านหลังวางเตียง 2 ชั้นได้ 2 เตียง

ภาพ Interior 11: ชั้น 4 KasiPA's Floor ภาพ Isometric เห็นภาพรวมของชั้นนี้

และเมื่อเดินทางมาถึงชั้นสุดท้าย ชั้น 5 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของโครงการ PAMAhouse Boutique Hostel แห่งนี้ ชั้นนี้เรายกให้เป็นเรื่องราวของน้องสาวเรา PoraMA's Floor มีเพียง 1 ห้องซึ่งเราจัดให้เป็น Superior Room ซึ่งค่อนข้างกว้าง มีห้องน้ำในตัว วิวดีที่สุด แต่ข้ึนมาสูง จึงมองว่าจะเหมาะกับคู่รักต้องการความสวีทในทริปและต้องการความเป็นส่วนตัวมากหน่อย ส่วนด้านหลังของชั้นก็มีดาดฟ้าสุดชิลล์ ซึ่งเป็น Hilight ของโครงการเราด้วย

ความแตกต่างระหว่างโรงแรมทั่วไป กับ Hostel คือ การมีพื้นที่ Collaborate ซึ่งเปิดให้ใช้งานได้ฟรีๆ สำหรับผู้มาพักทุกคน และเป็นพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้แขกผู้มาพักทำความรู้จักกัน ลองนึกภาพเราเดินทางไปต่างประเทศและเลือกพักโรงแรมใหญ่ๆ หรือแม้แต่ Boutique Hotel เล็กๆ ก็ตาม เหล่านี้ เมื่อเรากลับมาถึงโรงแรมจากการเที่ยวข้างนอกมาทั้งวันแสนจะเหน็ดเหนื่อย เราจะต้องมุ่งเข้าห้องนอนและหมกตัวอยู่ในนั้นเท่านั้น แล้วถ้าเรามาเที่ยวกัน 4 คนล่ะ เราก็ต่างคนต่างอยู่ในห้องของเรา แล้วเจอกันอีกทีพรุ่งน้ีเช้านะทุกคน บาย....เราไม่อยากให้เกิดภาวะแบบนั้นที่ PAMAhouse นี้ การมีพื้นที่ดาดฟ้า และออกแบบให้เป็นพื้นที่ส่วนกลางที่ทุกคน ทุกครอบครัวสามารถมาใช้งานได้อย่างอิสระ เป็นหนึ่งในปรัชญาของ PAMAhouse ที่ต้องการให้เวลาทุกนาทีของการมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทยครั้งนี้ ของแขกผู้มาพักทุกคน ได้ใช้มันอย่างเปี่ยมคุณภาพ (Quality Time) ซึ่งมันคือเวลาของครอบครัวที่หาได้ยากขึ้นทุกวันๆ เมื่อคุณทำงาน ใช้ชีวิตประจำวันที่บ้านเกิดของคุณเอง เราอยากให้มันเป็นเวลาของครอบครัว (Family Time) ที่คุณจะต้องจารึก และเป็นความทรงจำที่ดีที่เปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นในบรรยากาศที่เป็นกันเอง ดาดฟ้านี้ คือเครื่องมือหนึ่งที่จะช่วยส่งเสริมให้สิ่งที่เราคิดและปรัชญาของเราเป็นความจริง

การตกแต่งห้องนอนชั้น 5 นี้ เป็นไปสไตล์เรียบ หรู ติดกลิ่นอายของ Vintage นิดๆ แต่ไม่ Feminine เพราะใช้สีออกเทาๆ เท่ๆ เป็นความชอบส่วนตัวของน้องสาวเรา ส่วนดาดฟ้าถูกตกแต่งในบรรยากาศที่สบายๆ น่านั่ง อบอุ่น และยืดหยุ่นที่จะใช้ทำอะไรก็ได้ตามแต่ที่ครอบครัวแขกผู้มาพักจะเลือก

ภาพ Interior 12: PoraMA's Floor ห้องนอน Superior room

ภาพ Interior 13: ดาดฟ้า (Rooftop) Collaboration Area ที่เป็นพื้นที่ส่วนกลางสำหรับแขกทุกคน สะท้อนปรัชญาของเรา "Family Time, Quality Time"

ภาพ Interior 14: ดาดฟ้า (Rooftop) Collaboration Area เมื่อมองกลับไปยังตัวอาคารจะเห็นหน้าห้อง PoraMA's Room

มาถึงตรงนี้แล้ว เชื่อว่าเพื่อนๆ คงจะเริ่มตื่นตาตื่นใจ ว่าตึกแถวห้องเดียวริมถนนเจริญนครจะทำได้ขนาดนี้จริงหรือ....เช่นเดียวกับเราขึ้นมาทุกที ตอนน้ีครอบครัวมั่นใจมากว่าเราจะได้ Boutique Hostel อย่างที่เราฝันไว้เป็นแน่แล้ว แต่ด่านต่อไปที่ต้องฝ่าฟันคือ การเลือกวัสดุจริง การเขียนแบบ และการต่อสู้กับงบประมาณแล้วล่ะ 55 ซึ่งจะมาเล่าสู่กันฟังในตอนต่อๆ ไปนะคะ : )

ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม เจอกันใหม่ตอนหน้า ตอนที่ 5 ค่ะ

Credit ภาพ: ภาพ Perspective ทั้งหมดเป็นฝีมือของ Philosstudio และเป็นความสามารถของคุณเบิร์ดที่เอาความต้องการของทุกคนมาถ่ายทอดเป็นภาพที่สวยงามและตอบโจทย์เข้ากับสภาพหน้างานจริง ขอบคุณมากๆ ค่ะ

 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม หรือส่งข้อความทักทายกันได้ที่ Facebook Fanpage "PAMAhouse Boutique Hostel" ตามลิงค์นี้นะคะ

https://www.facebook.com/pamahousehostel/

เราเป็น User ของ Wazzadu.com ที่ชอบเรื่องการออกแบบตกแต่ง และตอนนี้กำลังทำการ Renovate ตึกแถวของทางบ้านให้กลายเป็น Boutique Hostel เราเลยตัดสินใจอยากบันทึกเรื่องราวตลอดเส้นทางไว้เป็นความทรงจำของงานใหญ่ของครอบครัวครั้งนี้ : )

มาลุ้นไปพร้อมๆ กันกับเรานะ 55 ...

ไอเดียมาใหม่

บทความที่เกี่ยวข้อง

...

โพลสำรวจ

ถาม-ตอบ

Wazzadu.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานของคุณ