ไฟภายนอก หรือโคมไฟสำหรับใช้งานภายนอกอาคาร แบ่งได้กี่ประเภท แต่ละประเภทมีวิธีนำไปใช้งานอย่างไร ?
Lighting Design หรือการออกแบบแสงสว่าง สามารถแยกย่อยได้ทั้ง Interior Exterior Landscape ไปจนถึง Light art installation ความสำคัญของการออกแบบแสงนั้น ไม่ใช่เพียงแค่วัตถุประสงค์ในการให้แสงสว่างเท่านั้น แต่ยังช่วยส่งเสริมคุณค่าของงานสถาปัตยกรรม ไปจนถึงสร้างความรู้สึกอภิรมย์ให้แก่ผู้อยู่อาศัย และวันนี้ Wazzadu Encyclopedia ได้ทำการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโคมไฟสำหรับใช้งานภายนอกอาคารที่นิยมใช้ในงานออกแบบ ว่ามีตัวอย่างที่น่าสนใจอะไรบ้าง และแต่ละประเภทมีวิธีนำไปใช้งานอย่างไร ติดตามในบทความนี้ได้เลยครับ
ประเภทของ "โคมไฟ"
สามารถเลือกมาตรฐานของโคมไฟแต่ละประเภทได้จากการดูค่า IP Standard หรือก็คือค่ามาตรฐานที่บ่งบอกถึงการป้องกันฝุ่นละออง หรือน้ำ ละอองน้ำในระดับความแรงต่างๆ ของอุปกรณ์ไฟฟ้า หรือ เครื่องจักรกลต่างๆ
1. โคมไฟ สำหรับใช้งานพื้นที่ภายในอาคาร 100% สามารถใช้โคมไฟ IP20 ได้เนื่องจากยังมีโอกาสที่จะเจอฝุ่น
2. โคมไฟ สำหรับใช้งานในพื้นที่กึ่งภายนอก เช่น ระเบียงบ้าน ชายคา ห้องน้ำ ทางเดินใต้อาคาร เหมาะกับการเลือกใช้โคมไฟ IP44 ขึ้นไป มาตรฐานการป้องกันฝุ่นขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 มิลลิเมตร และป้องกันปริมาณน้ำสาดกระเด็นหรือพรม จะพบมากในอุปกรณ์ไฟฟ้าจำพวกดาวน์ไลท์LED ที่ใช้ภายในอาคาร
3. โคมไฟ สำหรับใช้งานบริเวณสนามหรือพื้นที่กลางแจ้ง เช่น บริเวณสวน กำแพงบ้าน เหมาะกับการเลือกใช้โคมไฟ IP54 ขึ้นไป ซึ่งคือมาตรฐานการป้องกันฝุ่นได้ แต่อาจมีฝุ่นเล็กน้อยเล็ดลอดเข้าไป โดยฝุ่นที่เล็ดลอดเข้าไปนั้นต้องไม่มีผลใดๆ ต่อการทำงานของอุปกรณ์ และมีความสามารถที่จะป้องกันละอองน้ำที่ตกกระทบตัวอุปกรณ์ได้จากทุกทิศทาง
4. โคมไฟ สำหรับใช้งานกรณีใช้งานใต้น้ำ กรณีใช้งานใต้น้ำ เช่น สระว่ายน้ำ ควรใช้โคมไฟ IP68 ขึ้นไป ซึ่งเป็นมาตรฐานที่บ่งบอกว่าอุปกรณ์หรือเครื่องมือนั้นๆ สามารถป้องกันฝุ่นได้ และสามารถที่จะป้องกันการแทรกซึมของน้ำจากการแช่ตัวอุปกรณ์ในน้ำได้แบบถาวร
ตัวอย่างของโคมไฟภายนอกอาคาร
โคมไฟสนามหรือโคมไฟเสาเตี้ย (Bollard light)
โคมไฟสนามหรือโคมไฟเสาเตี้ย เป็นโคมไฟติดตั้งบริเวณทางเดินเพื่อให้แสงสว่าง ความสวยงาม และความปลอดภัย โดยทั่วไปมีความสูงประมาณ 0.3-1 เมตร มักจะมีการกำหนดระยะความห่างตามดีไซน์ของผู้ออกแบบ ข้อดีคือไม่ทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกว่าแสงที่ได้รับไม่สว่างจนแสบตา
การใช้งาน
- ติดตั้งบริเวณทางเดินเพื่อให้แสงสว่าง ให้แสงมีลักษณะเป็นจุดๆ
ข้อแนะนำเพิ่มเติม
- ควรใช้หลอดไฟ LED เนื่องจากโคมไฟเสาเตี้ย ส่วนใหญ่มักจะเปิดช่วงเวลากลางคืนเป็นเวลานาน
- ควรใช้โคมไฟมตรฐาน IP54 ขึ้นไป (มาตรฐานการป้องกันฝุ่นได้ และป้องกันละอองน้ำที่ตกกระทบตัวอุปกรณ์ได้จากทุกทิศทาง)
- ควรเลือกใช้แบบที่กระจายแสงได้ดี
โคมไฟฝังพื้น (In-ground Uplight)
รูปแบบทั่วไปของโคมไฟฝังพื้น มักมีลักษณะเป็นวงกลมและสี่เหลี่ยมจตุรัส เพื่อติดตั้งได้ง่ายและให้ดูกลมกลืนกับบริเวณทางเดิน มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของดวงโคมเริ่มที่ 10 ซม. ตัวโคมไฟส่วนใหญ่ทำจากวัสดุอลูมิเนียม เป็นการส่องแสงสว่างแบบวงเล็กๆ พอให้มีแสงสว่างเป็นประปราย เน้นสร้างบรรยากาศให้ดูสวยงาม
การใช้งาน
นิยมนำไปใช้สำหรับไฮไลท์วัตถุในรูปแบบแนวตั้ง เช่น บริเวณป้ายที่ตั้งพื้นต่ กำแพงอาคาร หรือตกแต่งบริเวณพื้นระเบียงหรือทางลาดยาว
ข้อแนะนำเพิ่มเติม
การเลือกโคมไฟฝังพื้นควรเลือกค่ามาตรฐานที่ IP67 ซึ่งเป็นค่ามาตรฐานที่บ่งบอกว่าอุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดนั้นสามารถป้องกันน้ำจากการจุ่มลงน้ำในระดับ 1 เมตร ไม่เกิน 30 นาที ซึ่งก็คือโคมไฟที่สามารถป้องกันฝุ่นและน้ำฝนได้
โคมไฟส่องต้นไม้ (Tree Uplight)
ลักษณะของโคมไฟจะมีการกระจายแสงแบบวงกว้างและวงแคบเพื่อเลือกใช้จัดแสงตามทรงของต้นไม้ให้เหมาะสม และให้เห็นสีสันของใบไม้, ลำตัน, รูปทรง ของต้นไม้ได้ชัดเจน โดยทั่วไปมีการให้แสง2แบบ คือแบบแสงกว้างสำหรับต้นไม้ทรงพุ่มกว้าง และแบบแสงมุมแคบสำหรับตันไม้ที่มีลำต้นสูงยาว
การใช้งาน
ใช้ตกแต่งต้นไม้และสวนให้สวยงามยามกลางคืน ให้เห็นสีสันของใบไม้, ลำตัน, รูปทรง ของต้นไม้ได้ชัดเจน
ข้อแนะนำเพิ่มเติม
- ควรใช้หลอดไฟ LED เพื่อลดความร้อนจากไฟที่จะส่องกระทบต้นไม้
โคมไฟดาวน์ไลท์ภายนอก (Downlight)
เป็นโคมไฟที่มีให้เลือกใช้ทั้งแบบภายในอาคารและภายนอกอาคาร โคมไฟดาวน์ไลท์ คือ ไฟที่ใช้ส่องแสงลงพื้นไปในทิศทางเดียว มีรูปแบบหลายชนิดเพื่อปรับให้เข้ากับวิธีติดตั้งตามแต่ละหน้างาน อาทิ แบบลอยตัว, แบบฝัง, แบบห้อยเพดานและแบบกึ่งฝังกึ่งลอยตัว
การใช้งาน
นิยมติดบนผนัง ฝ้าเพดาน หรือติดตั้งกับพื้นที่กึ่งภายนอก (Semi outdoor) เช่น ระเบียง, ที่จอดรถ, สวนหย่อม, บริเวณลานกว้างที่มีกันสาดหรือหลังคาบังแดด
โคมไฟฝังผนัง
เทคนิคการติดตั้งโคมไฟฝังผนัง หากอยากให้บริเวณที่ติดตั้งดูโล่ง มักจะใช้วิธีทำช่องว่างเพื่อใส่ตัวโคมไฟเข้าไป ผลลัพธ์ที่ได้คือบริเวณที่ติดตั้งจะไม่มีโคมไฟโผล่ออกมา ดูกลมกลืนไปกับรอบข้าง ซึ่งแสงของโคมติดผนังมีหลายแบบเช่นโคมไฟกิ่งส่องขึ้นและลง หรือโคมไฟกิ่งให้แสงสว่างรอบโคม มีรูปแบบดวงโคมให้เลือกหลากหลายทั้งแบบ ทันสมัยและคลาสสิก
การใช้งาน
เป็นโคมไฟที่ใช้สำหรับติดบริเวณผนัง เพื่อเป็นแสงนำทาง ส่วนใหญ่มักติดตั้งตามแนวกำแพงเลียบทางเดินและบริเวณบันได
ข้อแนะนำเพิ่มเติม
พื้นที่ที่ต้องใช้งานตลอดทั้งคืนควรเลือกใช้หลอดไฟ LED เพื่อช่วยประหยัดพลังงาน
โคมไฟใต้น้ำ (Underwater light)
โคมไฟใต้น้ำเป็นโคมไฟที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานในน้ำโดยเฉพาะ ส่วนใหญ่ต้องต่อผ่านหม้อแปลงเพื่อแปลงกระแสไฟฟ้าให้เหลือ 12V หรือ 24v เป็นการป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายแก่ผู้ที่สัมผัสน้ำโดยตรงในกรณีที่เกิดกระแสไฟฟ้ารั่ว สำหรับตัวโคมไฟใต้น้ำจะใช้วัสดุเป็นสเตนเลสเพื่อป้องกันการกัดกร่อนของน้ำในสระ และมียางกันน้ำไม่ให้มีรูรั่วซึมเข้าไฟ โดยแบ่งเป็น 2 รูปแบบคือ แบบฝังผนังกับติดลอย
การใช้งาน
ใช้ตกแต่งตามสระน้ำ, บ่อน้ำตก, บ่อปลาและสระว่ายน้ำ เพื่อความสวยงามและความปลอดภัยต่อผู้ใช้งานในเวลากลางคืน
ข้อแนะนำเพิ่มเติม
การเลือกรูปแบบการใช้งานควรพิจารรณาตามความเหมาะสมของพื้นที่นั้นๆ เช่น หากเป็นการใช้งานในสระว่ายน้ำที่มีคนว่าย ไม่ควรใช้แบบติดลอยเพราะอาจเกิดอันตรายกับผู้ใช้งานได้
ข้อมูลวัสดุศาสตร์อื่นๆ ที่น่าสนใจ
เขียน และเรียบเรียงโดย Wazzadu Encyclopedia
ข้อมูลอ้างอิงจาก
https://www.ligman.com/
https://www.ledlighting.in.th/
https://www.floodlightled.net/
www.omi.co.th
https://dreamaction.co/
ขอบคุณภาพประกอบจาก Pinterest .com
ผู้เขียนบทความ
โดยเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงกลุ่มผู้ใช้งานต่างๆ ตั้งแต่ สถาปนิก แบรนด์สินค้า ผู้จัดจำหน่าย และผู้ให้บริการต่างๆที่เกี่ยวข้อง ... อ่านเพิ่มเติม