รวม 10 แบบบ้านชั้นเดียวสไตล์มินิมอล
Minimal Style หรือ Minimalism (มินิมอลลิสม์) เป็นรูปแบบของงานศิลปะซึ่งเริ่มเป็นกระแสในช่วงปี 1960 โดยศิลปินกลุ่มหนึ่งที่มีความเบื่อหน่ายกระแสงานศิลปะรูปแบบ Abstract Expressionism หรืองานศิลปะที่เน้นสีสัน มีการผสมผสานระหว่างอารมณ์ที่รุนแรง มีลักษณะเฉพาะ เป็นกบฏ และสับสนอลหม่าน เป็นรูปแบบงานศิลปะที่มีอิทธิพลและได้รับความนิยมก่อนหน้านั้น
ซึ่งแนวทางของงานศิลปะรูปแบบ Minimalism ก็จะเป็นในทิศทางตรงกันข้าม คือการถ่ายทอดสิ่งที่เรียบง่าย และตรงไปตรงมาผ่านงานศิลปะ ลดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็น มีความสงบและมักใช้ลักษณะการแสดงออกที่ตรงไปตรงมา เช่น รูปทรงสี่เหลี่ยม วงกลม และหลังจากนั้นอิทธิของ Minimalism ก็เริ่มแพร่ขยายเข้ามาในวงการงานสถาปัตยกรรม ในช่วงยุค 1980 ขึ้นไป โดยแสดงออกผ่านการออกแบบภายในหรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่มีดีไซน์เรียบง่าย ใช้สีน้อยๆ และเน้นความจำเป็น
และอีกส่วนหนึ่งเชื่อกันว่าการตกแต่งสไตล์นี้ ได้รับอิทธิพลมาจากแนวปรัชญาของพุทธนิกาย Zen ของเอเซีย หรือการตกแต่งที่มีที่มาที่ไปจากสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่น ตั้งแต่ช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 20 ตัวอย่างเช่น นักจัดบ้านชาวญี่ปุ่นที่เชื่อว่า เหตุการณ์ซึ่งมีส่วนในการทำให้ผู้คนชาวญี่ปุ่นหันมานิยมใช้การตกแต่งสไตล์นี้ คือเหตุการณ์แผ่นดินไหว ซึ่งสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก จนทำให้ผู้คนหันมาเริ่มตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งน้อยชิ้น และเน้นการฟื้นฟูสภาพจิตใจด้วยพื้นที่โปร่งโล่ง ไม่มีของตกแต่งมากชิ้นมาบดบังสายตา สร้างนิยามของสีหรือดีไซน์ที่ดูสบายตา ช่วยปลอบประโลมจิตใจให้สงบและอบอุ่น
Minimal Style คืออะไร ?
less is more...
คือคำจำกัดความของสไตล์นี้ การตกแต่งที่เน้นความเรียบง่าย ประหยัด ใช้เฟอร์นิเจอร์แบบน้อยชิ้น แต่ละชิ้นต้องมากด้วยประโยชน์ อีกทั้งยังต้องไม่ทิ้งดีไซน์เรียบๆ ไม่ว่าจะด้วยรูปทรง สี และต้องไม่มีลวดลายมากนัก ซึ่งการจัดวางต่างๆ จะอยู่ในลักษณะที่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย
เอกลักษณ์ในการตกแต่งสไตล์มินิมอล คือ การมีความสมดุลและความผ่อนคลาย มักจะมีโทนสีแบบโมโนโทนหรือสีอ่อนๆ เช่น สีขาว สีเทาอ่อน สีเทาเข้ม รวมถึงการออกแบบที่มีเส้นสายตาที่ตรงและชาร์ป
เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นที่คัดสรรมาตกแต่งในบ้านสไตล์นี้ มักจะตอบสนองการใช้งานได้อย่างครบครัน มีความพอดี ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป นอกจากนี้ ยังเน้นการจัดสเปสให้มีความว่างและดูกว้างขวาง โปร่งโล่ง สไตล์นี้จึงได้รับความนิยมมากเป็นพิเศษในหมู่คนรุ่นใหม่ที่รักความสงบและชอบการตกแต่งบ้านที่เน้นความสะอาด ปลอดโปร่ง และมีพื้นที่ว่างเยอะๆ
ลักษณะการตกแต่งที่บ่งบอกถึงความเป็น "มินิมอลสไตล์"
มีสเปซเหลือใช้เยอะ
ด้วยความที่สไตล์มินิมอลมีการใช้เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น เน้นการเลือกใช้แต่ของที่จำเป็น และของตกแต่งเหล่านั้นต้องมีความเรียบง่าย ทำให้การตกแต่งสไตล์นี้ มีพื้นที่ว่างเหลืออยู่มาก คือเป็นอัตราส่วนโดยประมาณ Space 60% : Decoration 40%
ใช้สีน้อยๆ หรือสีโมโนโทนในการตกแต่ง
สไตล์มินิมอลจะใช้โทนสีในการตกแต่งไม่มากนัก และส่วนใหญ่จะเป็นสีพื้นที่ช่วยเพิ่มความสว่างให้กับห้อง โทนสีที่ใช้สำหรับบ้านสไตล์มินิมอล ควรเป็นสีออกโมโนโทนหรือสีอ่อนๆ อย่างเช่น สีขาว เทาอ่อน เทาเข้ม น้ำตาลอ่อน
เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น แต่จำเป็น และมีดีไซน์เฉพาะตัว
เฟอร์นิเจอร์ในแบบมินิมอลสไตล์ ถึงแม้จะมีความเรียบ ไม่เน้นรวดลาย แต่ดีไซน์ต้องดูทันสมัย หรือมีรูปทรงที่น่าสนใจ เช่น โคมไฟเรียบๆ หรือดีไซน์บางเฉียบ เก้าอี้พื้นๆ ที่ไม่มีลวดลาย แต่มีรูปทรงที่ดูมีคอนเซ็ปต์ ลดทอนความเยอะและไม่จำเป็นให้เหลือแต่ความเรียบง่ายที่ดูโดดเด่นในแบบของตัวเอง
Minimal Style นิยมนำไปผสมผสานกับการตกแต่งอื่นๆ
ในสไตล์ใดได้บ้าง ?
1. Minimal Tropical
การจับเอาความเรียบง่ายของสไตล์มินิมอล มาผสมผสานกับสไตล์ทรอปิคอลถือเป็นอีกรูปแบบของงานตกแต่งภายในที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะในสภาพภูมิอากาศแบบร้อนชื้นในบ้านเรา เพราะทรอปิคอลคือสไตล์การตกแต่งที่เน้นให้บรรยากาศ และความรู้สึกที่ผ่อนคลาย สบายๆ และเป็นธรรมชาติ วัสดุที่ใช้ในการตกแต่งก็จะเป็นวัสดุ และเฟอร์นิเจอร์ที่สื่อถึงธรรมชาติ เช่น ไม้จริง ต้นไม้ หรือของตกแต่งจากวัสดุธรรมชาติ ดังนั้น เมื่อนำมาจับคู่กับสไตล์มินิมอล ที่เน้นความน้อย เรียบร้อยสะอาด ก็จะช่วยเพิ่มความรู้สึกผ่อนคลายในแบบธรรมชาติให้มีมากขึ้น
2. Minimal Cozy
สไตล์นี้ก็คือการนำเอาความเรียบง่ายของสไตล์ Minimal มาผสมผสานกับการตกแต่งที่มีความอบอุ่นในแบบ Cozy กล่าวคือ เป็นการจับเอาเทคนิคการตกแต่ง การเลือกใช้วัสดุ เฟอร์นิเจอร์ โทนสี และการออกแบบของทาง 2 สไตล์ เพื่อให้เกิดความกลมกลืนในแบบใหม่ๆ หากจะนึกให้เห็นภาพง่ายขึ้น สไตล์นี้เป็นสไตล์ที่นิยมนำไปตกแต่งคาเฟ่ หรือเป็นแบบบ้านของญี่ปุ่นที่มีให้เห็นกันบ่อยๆ โทนสีแบบเอิร์ธโทน ที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกสงบ ผ่อนคลาย อยู่ง่าย วัสดุที่ถูกพบเห็นได้บ่อยๆ คือวัสดุประเภทไม้ กับโทนสีอ่อนๆ เช่น สีน้ำตาลอ่อน สีครีม สีฟ้าอ่อน
4. Minimal Loft
สไตล์ลอฟท์เป็นการตกแต่งที่มีจุดเด่นตรงลักษณะของอาคารที่มีความกว้าง เพดานสูง มักตกแต่งด้วยวัสดุที่เป็นสัจจะวัสดุ หรือโชว์ความเรียลที่ไม่ต้องปกปิดใดๆ เช่น การใช้อิฐสีส้มหรือปูนเปลือยก่อผนัง โชว์ให้เห็นท่อเหล็กของภายในอาคาร และการเดินสายไฟโชว์ตามผนังแบบไม่ต้องซ่อนไว้ใต้ฝ้าหรือหลังกำแพง ซึ่งจะเห็นได้ว่าสไตล์ลอฟท์จะเน้นใช้วัสดุและลักษณะเด่นที่เน้นความ "ดิบ" ให้ความรู้สึกถึงโรงงานอุตสาหกรรมหนักในสมัยก่อน ซึ่งเมื่อจับมารวมกับสไตล์มินิมอล ก็จะได้ความรู้สึกเรียบและเท่ในเวลาเดียวกัน มู้ดแอนด์โทนที่ออกมาจะเป็นโทนขาวๆ เทาๆ สร้างบรรยากาศโปร่งโล่งสบายตาได้ดีทีเดียว
ประเภทของบ้านชั้นเดียว
บ้านชั้นเดียวแบบมีเสาและคานเป็นโครงสร้าง
งบประมาณก่อสร้างราวๆ 300,000 – 2,000,000 บาท (ราคาไม่รวมค่าที่ดิน)
รูปแบบของที่พักอาศัยที่มี 1 ชั้น โดยมีส่วนของคานและเสาเป็นโครงสร้างสำคัญที่ช่วยรับน้ำหนัก ซึ่งมาตรฐานของบ้านชั้นเดียวจะมีประมาณ 1-3 ห้องนอน พื้นที่โดยประมาณตั้งแต่ 50-300 ตารางเมตร โดยที่บ้านชั้นเดียวที่มีโครงสร้างเสาและคาน จะสามารถทำได้แบบติดพื้นและยกสูงเหนือจากพื้น ซึ่งแบบหลังค่อนข้างได้รับความนิยมเช่นกัน ด้วยเหตุผลเรื่องความสวยงาม และการยกพื้นช่วยลดความเสี่ยงในกรณีที่เกิดน้ำท่วม บ้านชั้นเดียวนั้นถูกออกแบบมาให้ในแต่ละห้องอยู่ชั้นเดียวกันหมด ไม่ว่าจะเป็น ห้องนั่งเล่น ห้องนอน ห้องรับแขก หรือห้องน้ำก็ตาม เพื่อให้สามารถเชื่อมต่อพื้นที่ถึงกันได้ง่าย และสะดวกต่อสมาชิกในบ้านที่มีเด็กหรือผู้สูงอายุ
บ้านน็อคดาวน์ (บ้านสำเร็จรูป)
งบประมาณก่อสร้างราวๆ 100,000 – 700,000 บาท (ราคาไม่รวมค่าที่ดิน)
บ้านน็อคดาวน์หรือบ้านสำเร็จรูป (Finished home) เป็นรูปแบบของที่พักอาศัยขนาดกระทัดรัด ที่ไม่มีส่วนของคานและเสาเป็นโครงสร้างในการรับน้ำหนัก แต่ใช้ผนังเป็นตัวรับน้ำหนักแทน โดยการนำเอาแต่ละชิ้นส่วนมาประกอบกันจนเป็นตัวบ้าน บ้านน็อคดาวน์นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในประเทศญี่ปุ่น บางประเทศในแถบยุโรป และประเทศที่มักเกิดเหตุแผ่นดินไหวบ่อยๆ จุดเด่นของบ้านรูปแบบนี้คือใช้ระยะเวลาในการติดตั้งไม่นาน เพียงแค่ 1-2 สัปดาห์ เท่านั้น ก็สามารถเข้าอยู่อาศัยได้เลย และราคาไม่สูงมากนัก หากต้องการโยกย้ายที่อยู่อาศัยก็สามารถรื้อเพื่อนำไปประกอบที่ใหม่ได้ แต่ข้อเสียคืออาจเกิดปัญหาบ้านทรุด อายุการใช้งานน้อย และอาจจะยากต่อการปรับปรุงต่อเติม
ตัวอย่างวัสดุปูที่เหมาะกับการตกแต่งแบบ Minimal Style
พื้นลามิเนต (Laminate flooring)
ช่วงราคาอยู่ที่ : 390-2,000 บาท/ตรม.
มีผิวสัมผัสที่สวยงามให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับไม้จริงข้อดีของพื้นไม้ลามิเนต สามารถเลือกสี หรือลายไม้ตามแบบที่เราต้องการได้ มีน้ำหนักเบาจึงมักถูกนำมาทดแทนการใช้ไม้จริง อีกทั้งยังสามารคติดตั้งได้ง่ายๆ เพราะมักจะใช้ลักษณะการติดตั้งแบบ Click Lock แต่จะมีข้อเสียตรงที่เป็นวัสดุที่ไม่ทนน้ำเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะหากน้ำท่วมและต้องแช่อยู่ในน้ำขังเกิน 12 ชม.ขึ้นไป มีโอกาสที่พื้นจะบวมพองและบิดตัว
พื้นกระเบื้องยาง (Rubber Tile Flooring)
ช่วงราคาอยู่ที่ : 165-1500 บาท/ตรม.
ช่วงราคาของวัสดุปูพื้นอย่างกระเบื้องยางไวนิลจะคล้ายกับพื้นประเภทลามิเนตคือมีตั้งแต่แบบถูกไปจนถึงแพง ขึ้นอยู่กับเกรดของพื้นกระเบื้องยาง วัตถุดิบของกระเบื้องยางคือมีส่วนผสมของโพลิเมอร์ที่ได้จากกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เช่น สารสังเคราะห์ไวนิล ยางพีวีซี โพลียูรีเทน ฯลฯ มีพื้นผิวให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบที่ใช้ภายใน และภายนอกอาคาร ทนทานต่อความชื้นได้ดี ไม่เป็นอาการของปลวก
พลาสวูด PLASWOOD
ช่วงราคาอยู่ที่ : 950 บาท – 3,750 บาท/แผ่น
ผลิตภัณฑ์แผ่น PLASWOOD เป็นแผ่นพีวีซีชนิดแข็ง (PVC Foam Sheet) ที่ผลิตขึ้นเพื่อใช้ทดแทนไม้ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยอนุรักษ์ ทรัพยากรป่าไม้อันมีค่าซึ่งเหลืออยู่เพียงน้อยนิด ช่วยรักษาสมดุลย์ของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของโลก
PLASTWOOD (Plaswood Sheet) แผ่นพลาสวูด แผ่นเรียบเอนกประสงค์ ขนาดหน้ากว้าง 1.20 ม. และสามารถผลิตได้ความยาวสูงสุดถึง 6 เมตร (สั่งทำ) มีความหนาตั้งแต่ 1 มม.ถึง 25 มม.เป็นผลิตภัณฑ์ PVC Foam Sheet ที่มีคุณภาพสูง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำมาใช้ทดแทนการใช้ไม้ธรรมชาติ ด้วยคุณสมบัติที่เหนือกว่าไม้ธรรมชาติ
ระแนงไม้เทียมพลาสติกคอมโพสิต (Wood Plastic Composite Lath)
ช่วงราคาอยู่ที่ : 450-2,700 บาท/ตรม.
ระแนงไม้เทียมพลาสติกคอมโพสิต หรือ WPC คือ วัสดุที่มีส่วนผสมของไม้ และพลาสติก มีทั้งหน้าตัดแบบกลวง และหน้าตัดแบบตัน ซึ่งคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์นั้นๆจะโดดเด่น และโน้มเอียงไปทางไหนก็จะขึ้นอยู่กับสัดส่วนของไม้ และพลาสติกที่นำมาผสมกันนั่นเอง โดยเฉลี่ยแล้วจะมีอายุการใช้งานไม่น้อยกว่า 10 ปี
กระจกนิรภัยเทมเปอร์ (Tempered Glass หรือ T/P)
ช่วงราคาอยู่ที่ : 90 บาท/ฟุต-600 บาท/ฟุต (ราคาขึ้นอยู่กับขนาดความหนา เเละความยาว)
กระจกนิรภัยเทมเปอร์ (Tempered Glass หรือ T/P ) หรือที่เรียกว่ากระจกอบ คือการนำกระจกธรรมดาไปผ่านกระบวนการอบที่ความร้อนสูงประมาณ 650 องศาเซลเซียส แล้วนำมาเป่าด้วยลมแรงดันสูงให้เย็นตัวลงทันที เพื่อให้กระจกเกิดความแข็งแกร่งกว่าเดิม 3-5 เท่า ทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ และมีความปลอดภัยมากขึ้น
ในกรณีที่กระจกเทมเปอร์เกิดการแตกหัก จะแตกออกเป็นเม็ดคล้ายเม็ดข้าวโพด ซึ่งมีความแหลมคมไม่มาก ทำให้มีโอกาสเกิดอันตรายน้อยกว่ากระจกธรรมดา เหมาะสำหรับงานที่มีความเสี่ยงต่อการแตกร้าว และต้องการความปลอดภัยที่เกิดจากกระจกแตกร้าว (safety)
ข้อมูลวัสดุศาสตร์อื่นๆ ที่น่าสนใจ
เขียน และเรียบเรียงโดย Wazzadu Encyclopedia
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก
- www.officemate.co.th
- www.estopolis.com
- www.archdaily.com
- www.wazzadu.com
ผู้เขียนบทความ
โดยเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงกลุ่มผู้ใช้งานต่างๆ ตั้งแต่ สถาปนิก แบรนด์สินค้า ผู้จัดจำหน่าย และผู้ให้บริการต่างๆที่เกี่ยวข้อง ... อ่านเพิ่มเติม