หลักการออกแบบภายใน คอนโดมิเนียมและอะพาร์ตเมนต์พื้นที่จำกัด

เนื่องจากปัจจุบันนี้รูปแบบการใช้ชีวิตของผู้คนหลายกลุ่ม มีความจำเป็นต้องอาศัยอยู่ในพื้นที่ซึ่งสามารถเดินทางได้สะดวก ซึ่งก็คงหนีไม่พ้นการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ดังนั้น แนวโน้มการมองหาที่พักอาศัยที่สามารถเดินทางได้สะดวกที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ ก็คือที่พักอาศัยรูปแบบคอนโดมิเนียมหรืออะพาร์ตเมนต์ และด้วยความที่รูปแบบที่พักอาศัยแบบอาคารชุดซึ่งเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้เกิดการลดลงของพื้นที่ลงไปด้วย โดยเฉพาะพื้นที่ภายในห้องซึ่งมีขนาดเล็กลงไปทุกที 

คอนโดมิเนียมหรืออะพาร์ตเมนต์ซึ่งมีพื้นที่จำกัดนั้นจะมีขนาดพื้นที่อยู่ที่ประมาณ 21-25 ตรม. ซึ่งการอาศัยอยู่ในพื้นที่จำกัดหรือคับแคบนานๆ อาจส่งผลให้ผู้อยู่อาศัยเกิดความเครียดโดยไม่รู้ตัว 

การตกแต่งนั้นส่งผลต่อผู้อยู่อาศัยเป็นอย่างมาก เพราะมนุษย์รับรู้ความรู้สึกผ่านประสาทสัมผัสต่างๆ การนำองค์ประกอบ เช่น เส้น แสง สี สไตล์ มาใช้ในการตกแต่ง ล้วนแล้วแต่ส่งผลต่อผู้อยู่อาศัยทั้งสิ้น วันนี้ Wazzadu ขอพาท่านผู้อ่านไปชมหลักการโกงพื้นที่ซึ่งมีอยู่จำกัด ให้ดูโปร่งโล่งและน่าอยู่มากขึ้น ด้วยรูปแบบวิธีต่างๆ ที่หลากหลาย ไปชมกันเลยครับ...

หลักการเลือกผังห้องสำหรับคอนโดมิเนียมหรืออะพาร์ตเมนต์พื้นที่จำกัด

"ผังห้องแบบหน้ากว้าง" เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า "ผังห้องแบบหน้าแคบ"

การเลือกผังห้องก็เป็นส่วนสำคัญที่ส่งผลต่อความอึดอัดของผู้อยู่อาศัย ถึงแม้ในกรณีที่ห้องจะมีขนาดพื้นที่เท่ากัน เช่น ขนาดพื้นที่ 21 ตรม. กลับพบว่าผังห้องที่มีรูปแบบหน้ากว้าง ส่งผลให้ผู้ที่อยู่อาศัยอึดอัดน้อยกว่าผังห้องที่มีรูปแบบหน้าแคบ การจัดห้องของผังห้องรูปแบบนี้สามารถทำได้หลากหลาย แต่ถ้าจะให้ดีที่สุดที่ควรเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีขนาดเล็กใหญ่คละกัน เพื่อลดทอนความเป็นกล่องของผังห้องแบบหน้ากว้างหรือสีเหลี่ยม และไม่ควรกั้นห้องแบบก่อกำแพงปิดกั้น เพราะจะทำพื้นที่ซึ่งน้อยอยู่แล้วยิ่งคับแคบมากกว่าเดิม

หลักการจัดวางเฟอร์นิเจอร์สำหรับห้องพื้นที่จำกัด

1. เลือกเฟอร์นิเจอร์แบบติดตาย (Built-in Furniture)

การตกแต่งห้องเพื่อลดความทึบตันโดยใช้เทคนิคการบิลท์อินเฟอร์นิเจอร์เป็นอีกรูปแบบที่ค่อนข้างได้รับความนิยมในการตกแต่งคอนโดมิเนียมพื้นที่จำกัดในปัจจุบันนี้ เพราะเป็นการใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า ถึงแม้การบิลท์อินจะทำให้เสียพื้นที่ไปส่วนหนึ่ง แต่คุณสามารถดีไซน์พื้นที่ให้เหมาะกับการใช้งานของคุณได้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุด หรือสามารถออกแบบให้พอดีกับพื้นที่ได้อย่างพอดี ไม่สูญเสียพื้นที่ไปโดยเปล่าประโชยน์ เช่น สามารถบิลท์อินเตียงให้มีพื้นที่เก็บของ สำหรับซ่อนของที่ไม่ได้ใช้งานให้เป็นระเบียบ หรือการบิลท์อินตู้เสื้อผ้าในมุมเล็กๆ ที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์อื่นๆ ได้

ข้อดีของเฟอร์นิเจอร์แบบแบบติดตาย (Built-in Furniture)

  • สามารถออกแบบได้ตามสไตล์ที่ต้องการ เช่น ในงานโครงการต่างๆ ที่อยากได้ความเฉพาะตัวก็จะสามารถดีไซน์ได้ตามความต้องการ
  • ช่วยให้สามารถใช้พื้นที่ได้เต็มประสิทธิภาพ ไม่เหลือช่องว่าง หรือที่ว่างที่ไร้ประโยชน์
  • เหมาะสำหรับห้องที่มีผังห้องแปลก หรือมีมุมที่ไม่สามารถวางเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัวได้
  • เป็นรูปแบบเฟอร์นิเจอร์ที่ให้ความรู้สึกดูแพง เสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดี

 

ข้อเสียของเฟอร์นิเจอร์แบบแบบติดตาย (Built-in Furniture)

  • หากติดตั้งแล้วจะไม่สามารถเคลื่อนย้ายเองได้ หากต้องการเปลี่ยนจะต้องรื้อออกเท่านั้น
  • เป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ราคาค่อนข้างสูง
  • มีขั้นตอนการติดตั้งหลายขั้นตอน และค่อนข้างใช้เวลา

 

(ขอบคุณภาพประกอบจาก Pinterest.com)

2. เลือกเฟอร์นิเจอร์แบบอรรถประโยชน์ (Multi-function furniture)

การเลือกเฟอร์นิเจอร์แบบอรรถประโยชน์ หรือรูปแบบเฟอร์นิเจอร์ 1 ชิ้นที่มีฟังก์ชันการใช้งานมากกว่า 1 อย่าง เป็นอีกตัวเลือกที่ดีสำหรับคอนโดมิเนียมหรืออะพาร์ตเมนต์พื้นที่จำกัด เพราะจะช่วยลดการใช้เฟอร์นิเจอร์ลงไปได้มาก ทำให้ประหยัดพื้นที่ อีกทั้งยังทำให้มีพื้นที่ว่างเหลือมากขึ้น อีกตัวเลือกหนึ่งคือการเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่สามารถหดหรือพับเก็บได้ เช่น เตียงนอนที่สามารถพับเก็บหรือเปลี่ยนให้กลายเป็นโซฟาได้ เตียงนอน 2 ชั้นที่มีชั้นวางหนังสือหรือลิ้นชักในตัว โต๊ะรับประทานอาหารที่สามารถพับเก็บเก้าอี้เข้าไปได้ในกรณีที่ไม่ต้องการใช้งาน

ข้อดีของเฟอร์นิเจอร์แบบอรรถประโยชน์ (Multi-function furniture)

  • ช่วยให้ประหยัดพื้นที่ไปได้มาก เพราะไม่ต้องใช้เฟอร์นิเจอร์หลายอย่าง
  • การใช้งานที่คุ้มค่า เพราะเฟอร์นิเจอร์ 1 ชิ้นสามารถใช้งานได้มากกว่า 1 อย่าง
  • ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อเฟอร์นิเจอร์หลายตัว
  • ห้องดูเป็นระเบียบเรียบร้อย
  • เหลือพื้นที่ว่างภายในห้องมากขึ้น หากใช้เฟอร์นิเจอร์ที่พับเก็บได้
  • ดีไซน์สวย ทำให้สนุกกับการใช้งาน

 

ข้อเสียของเฟอร์นิเจอร์แบบอรรถประโยชน์ (Multi-function furniture)

  • ราคาสูงเมื่อเทียบกับเฟอร์นิเจอร์ปกติ 
  • ความทนทานอาจจะน้อยกว่า เช่น ในกรณีของเฟอร์นิเจอร์ที่พับเก็บได้
  • การใช้งานอาจจะไม่ลงตัวเหมือนเฟอร์นิเจอร์ที่ทำขึ้นมาให้ใช้งานนั้นๆ โดยเฉพาะ

ขอบคุณภาพประกอบจาก dezeen.com

ขอบคุณภาพประกอบจาก livinginashoebox.com

3. เลือกเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว (Movable Furniture หรือ Loose Furniture) แต่จัดวางให้ชิดกำแพง

Movable Furniture หรือ Loose Furniture หมายถึง เฟอร์นิเจอร์ที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ สามารถจัดรูปแบบในการวางได้หลากหลายตามที่ต้องการ เฟอร์นิเจอร์ชนิดนี้จะผลิตสำเร็จที่โรงงานเฟอร์นิเจอร์ แล้วนำมาจัดวาง ซึ่งจริงๆ แล้วเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัว อาจจะเป็นตัวเลือกท้ายๆ ที่แนะนำสำหรับการจัดวางในห้องพื้นที่จำกัด แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ควรจัดวางเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ให้อยู่ชิดกำแพงให้ได้มากที่สุด เพื่อให้เหลือพื้นที่ว่างภายในห้อง ในสัดส่วนที่พอดี และไม่สร้างความทึบตันจนเกินไป

ข้อดีของเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว

  • ราคาของเฟอร์นิเจอร์จะมีราคาถูกกว่าเฟอร์นิเจอร์ติดตั้งกับที่ จึงช่วยประหยัดงบประมาณในการตกแต่งไปได้มาก
  • เคลื่อนย้ายสะดวก มีอิสระในการตกแต่งได้อย่างเต็มที่ เพราะเราสามารถโยกย้ายเปลี่ยนแปลงตำแหน่งการจัดวางได้ตามใจชอบ
  • หากต้องการเปลี่ยนแปลงการตกแต่ก็สามารถทำได้โดยง่าย ซึ่งตรงข้ามกับการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์แบบบิลท์อินที่ “ต้องรื้อทิ้งสถานเดียว”

ข้อเสียของเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว 

  • รูปแบบอาจจะซ้ำ เพราะผลิตครั้งละจำนวนมาก 
  • รูปแบบและขนาดจำกัดไม่สามารถปรับ เปลี่ยนให้เข้าพอดีกับพื้นที่ได้ และเฟอร์นิเจอร์ ที่มีความสูงมากๆ จะมีปัญหา เรื่องการสะสมตัวของฝุ่นบนหลังตู้ (เนื่องจากเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวสูงไม่เต็มพื้นที่) และอาจทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้ 
  • รูปแบบที่มีมักจะมีการผลิตเป็นจำนวน มากๆ เนื่องจากเป็น ระบบอุตสาหกรรม ทำให้ขาดความ เป็นเอกเทศ นอกจากนี้ งานตกแต่งภายใน ที่ใช้แต่เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวเพียงอย่างเดียวจะให้ ความรู้สึกเหมือนห้องเช่า และส่วนใหญ่ มักมีประโยชน์ใช้สอยไม่ครบถ้วน ตามพื้นที่ที่มีอยู่

 

ขอบคุณภาพประกอบจาก hidamari-home.jp/

หลักการเลือกวัสดุสำหรับกั้นห้องเพื่อลดความทึบตัน

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าความสำคัญของห้องพื้นที่จำกัด คือพื้นที่ว่างซึ่งช่วยลดทอนความคับแคบของพื้นที่จริง ดังนั้น การกั้นห้องด้วยวิธีการปิดล้อมแบบก่อกำแพง หรือใช้วัสดุที่มีความทึบตันจึงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีมากนัก หากมีความจำเป็นต้องกั้นห้องจริงๆ ควรเลือกใช้วัสดุที่มีความโปร่ง หรือใช้เฟอร์นิเจอร์แบ่งพื้นที่ไปเลย เช่น

  • เลือกใช้ผ้าม่านแบบโปร่งแสง เพื่อให้แสงสว่างส่องผ่านได้ ลดความทึบตัน
  • บานเซี้ยม สามารถเปิดปิดได้ตามต้องการ
  • กระจกบานเลื่อนแบบใส เพื่อสร้างความโปร่งโล่ง และแสงสว่างส่องผ่านทั่วถึง
  • ระแนงไม้กั้นห้อง เพื่อเพิ่มช่องแสงและการเชื่อมโยงของพื้นที่
  • ใช้เฟอร์นิเจอร์กั้นห้อง เช่น แบ่งพื้นที่ด้วยชั้นวางหนังสือ โซฟา ลดการปิดทึบของพื้นที่ เหลือที่ว่างมากขึ้น

(ขอบคุณภาพประกอบจาก Pinterest.com)

(ขอบคุณภาพประกอบจาก Pinterest.com)

หลักการใช้เทคนิคลวงสายตา

1.หลักการใช้เส้นลวงสายตา 

  • เส้นแนวนอน เพิ่มมิติความกว้าง

สำหรับห้องขนาดเล็กซึ่งมีพื้นที่จำกัดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกเทคนิคที่ง่ายและสามารถทำได้ทันที คือการใช้เส้นในการลวงสายตา เพราะเส้นแต่ละแบบสร้างมิติทางความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป เช่น เส้นแนวนอนซึ่งช่วยเพิ่มมิติความกว้างให้กับห้อง เทคนิคนี้ทำได้ง่ายที่สุดคือการเลือกวอลเปเปอร์ที่เป็นลายเส้นแนวนอนแบบใหญ่ แต่ไม่จำเป็นเสมอไป เพราะการสร้างมิติของเส้นแนวนอนสามารถทำได้ด้วยการใช้ลูกเล่นอื่นๆ เช่น การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีลักษณะเป็นเส้นแนวนอน อย่างการติดชั้นวางหนังสือ หรือชั้นวางของที่มีลักษณะแนวยาวบนผนัง ก็สามารถนำสายตาให้รู้สึกว่าผนังดูกว้างขึ้นได้เช่นกัน

เส้นแนวนอน เพิ่มมิติความกว้าง

(ขอบคุณภาพประกอบจาก Pinterest.com)

เส้นแนวตั้ง เพิ่มมิติความสูง

(ขอบคุณภาพประกอบจาก Pinterest.com)

2. ลวงตาโดยใช้แสง

คอนโดมิเนียมหรืออะพาร์ตเมนต์ที่มีพื้นที่จำกัด มักจะมีปัญหาเรื่องแสงสว่างที่ส่องเข้ามาภายใน เพราะรับแสงสว่างจากธรรมชาติเพียงด้านเดียว อีกทั้งเมื่อติดตั้งเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ เข้าไปก็ยิ่งไปปิดบังช่องทางของแสง ส่งผลให้ห้องซึ่งพื้นที่น้อยอยู่แล้วยิ่งรู้สึกคับแคบลงไปอีก ดังนั้น จึงต้องอาศัยการเพิ่มแสงประดิษฐ์จากไฟฟ้าเพื่อให้ห้องดูสว่างและโปร่งโล่งขึ้น เช่น ติดตั้งไฟเพิ่มในจุดที่อับแสง หรือโคมไฟต่างๆ เพื่อช่วยเพิ่มแสงสว่างให้กับภายในห้อง

จัดแสงในห้องให้สว่าง

ส่งผลต่อความรู้สึกโปร่งโล่งมากกว่า

(ขอบคุณภาพประกอบจาก Pinterest.com)

แสงสว่างในห้องน้อย มีแนวโน้มว่า

ส่งผลต่อความรู้สึกอึดอัดมากกว่า

(ขอบคุณภาพประกอบจาก Pinterest.com)

3. ลวงตาโดยใช้สีวรรณะเย็น

โทนสีที่เลือกใช้ตกแต่งก็มีความสำคัญต่อความรู้สึกของผู้อยุ่อาศัยเช่นกัน และแน่นอนว่า “สีวรรณะเย็น” มักจะส่งผลต่อความรู้สึกโปร่งโล่งหรือสบายตามากกว่าการเลือกใช้สีวรรณะร้อน  โดยเฉพาะกับการตกแต่งในพื้นที่จำกัด การเลือกใช้สีโทนเย็น หรือวรรณะเย็นสามารถทำได้หลายอย่าง เช่น การเลือกวอลเปเปอร์โทนสีฟ้า เขียวอ่อน สีพาสเทล หรือการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์สีอ่อนๆ แบบเอิร์ธโทน เช่น สีครีม ก็จะช่วยลดความรู้สึกทึบตันของพื้นที่ซึ่งมีอยู่อย่างจำกัดได้ดี

แต่อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้โทนสีเพียงโทนเดียวทั้งห้องก็อาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนัก ดังนั้น จึงควรเพิ่มโทนสีอื่นๆ เข้าไปด้วย เพื่อสร้างความกลมกลืนให้กับการตกแต่ง เช่น หากตกแต่งด้วยสีวรรณะเย็นไปแล้ว 70-80% อาจจะแทรกสีที่อยู่ในวรรณะร้อนเข้าไปประมาณ 20-30% เป็นเทคนิคเพื่อสร้างความสมดุลให้กับการตกแต่ง

โทนสีวรรณะเย็น

ส่งผลต่อความรู้สึกโปร่งโล่งมากกว่า

(ขอบคุณภาพประกอบจาก Pinterest.com)

โทนสีวรรณะร้อน

ส่งผลต่อความรู้สึกอึดอัดมากกว่า

(ขอบคุณภาพประกอบจาก Pinterest.com)

สรุปว่า เทคนิคการลวงตาให้ห้องดูกว้างที่ดีที่สุดคือ...

การใช้เส้นแนวนอน ห้องที่มีแสงสว่างมาก และสีวรรณะเย็น

หลักการเลือกใช้วัสดุสำหรับห้องขนาดพื้นที่จำกัด

1. กระเบื้องแกรนิตโต้ Granito Tile

เป็นวัสดุที่มีโทนสีอ่อนและมีพื้นผิววาว ช่วยเพิ่มมิติความกว้างให้กับห้องได้ วัตถุดิบ และส่วนประกอบขอกระเบื้องแกรนิตโต้ หลักๆ คือผงหินแกรนิตโต้บดที่ได้จากหินแกรนิตธรรมชาติ แล้วนำไปผ่านการเผาด้วยความร้อนสูง เคลือบผิวหน้าวัสดุด้วยสารเคลือบผิว เพื่อความเงางามและทำความสะอาดง่าย

ข้อดีของกระเบื้องแกรนิตโต้

  • รอยต่อระหว่างแผ่นน้อยกว่ากระเบื้องทั่วไป
  • มีความทนทานต่อการขีดข่วน หากเกิดรอยขีดสามารถขัดสีได้
  • เป็นวัสดุปูพื้นที่การดูดซึมน้ำต่ำ รับน้ำหนักได้ดี

ข้อเสียของกระเบื้องแกรนิตโต้

  • ค่าปูกระเบื้องแพงมากกว่ากระเบื้องแบบอื่นๆ
  • ปูค่อนข้างยากกว่าแบบอื่นๆ

 

2. วอลเปเปอร์ติดผนัง

วอลเปเปอร์เป็นอีกวัสดุที่สามารถนำมาใช้เป็นวัสดุที่ช่วยเพิ่มความกว้าง หรือความโปร่งโล่งให้กับห้องได้ ตัวอย่างเช่น วอลเปเปอร์ลายทางแนวนอน วอลเปเปอร์ลายปูนขัดมัน วอลเปเปอร์ลายอิฐสีขาว เป็นวัสดุที่ใช้ง่ายและไม่ซับซ้อนมากนัก 

ตัวอย่างวัสดุที่นำมาใช้ผลิตวอลเปเปอร์

  • Vinyl Wallpaper

วอลเปเปอร์ที่ใช้วัสดุบุผนังที่ผลิตจากกระดาษเคลือบผิวหน้า (Surface) ด้วยสารประเภทไวนิลพิมพ์สี และใช้การกดลาย (Emboss) เพื่อให้เกิดลวดลายต่างๆ ในบางชนิดมีการทำรีจิสเตอร์ (Register) เพื่อเพิ่มมิติเส้นของลวดลายต่างๆ ให้กับวอลเปเปอร์ โดยมีลักษณะผิวหน้ามันและผิวแบบด้าน 

ข้อดี - ไวนิลจัดเป็นประเภทวอลเปเปอร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะสามารถเช็ดทำความสะอาดได้ด้วยน้ำ ดูแลรักษาง่าย ไม่เป็นที่เกาะของฝุ่นละออง เหมาะกับการแต่งผนังห้องทั่วไป

ข้อเสีย - แต่เมื่อเวลาผ่านไป สี และลวดลายอาจจางเร็ว ถ้าหากเจอแสงแดดบ่อยๆ

  • Fiber Wall 

ไฟเบอร์ เป็นวัสดุบุผนังที่แตกต่างจากวอลเปเปอร์ทั่วไปคือ ผลิตจากวัสดุแผ่น ที่เป็นแผ่นยิปซัมรีดบาง แล้วเคลือบผิวหน้าด้วยการใช้เส้นใยไฟเบอร์มาถักเป็นโครงสร้างเส้นใย (NET) แล้วทำการพิมพ์สีลวดลายให้สวยงาม 

ข้อดี -  Backing ที่เป็นยิปซัม สามารถป้องกันการรั่วซึมของน้ำได้ดี อีกทั้งโครงข่าย (NET) ของไฟเบอร์ที่มีความเหนียว ยึดผนังไว้เป็นอย่างดี ช่วยผนังให้ไม่เกิดรอยร้าว และป้องกันรอยแยกได้ในระดับหนึ่ง

ข้อเสีย - อาจเกิดรอยลอก ล่อน ที่สี หรือพื้นผิวผนังเดิมเมื่อทำการลอกออก

  • Fabric Backing Wallpaper

ใช้วัสดุสิ่งทอเป็นด้านหลังแทนกระดาษ และเคลือบผิวหน้าด้วยสารพีวีซี (PVC)

ข้อดี - มีความทนทาน ป้องกันการกระแทกได้ดี เหมาะสำหรับพื้นที่ ที่มีการใช้งานมาก

ข้อเสีย - ต้องระวังเรื่องความชื้น 

 

3. พลาสวูด PLASWOOD

การตกแต่งด้วยวัสดุอย่างพลาสวูดช่วยให้ห้องดูสว่างขึ้น เพราะเป็นวัสดุโทนสีขาว มักจะถูกนำมาใช้เป็นวัสดุสำหรับการบิลท์อิน ผลิตภัณฑ์แผ่น PLASWOOD เป็นแผ่นพีวีซีชนิดแข็ง (PVC Foam Sheet) ที่ผลิตขึ้นเพื่อใช้ทดแทนไม้ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยอนุรักษ์ ทรัพยากรป่าไม้อันมีค่าซึ่งเหลืออยู่เพียงน้อยนิด ช่วยรักษาสมดุลย์ของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของโลก

4. กระจกเงา

กระจกเงาเป็นวัสดุที่ขาดไม่ได้หากคุณต้องการให้ห้องดูกว้างขึ้น โดยเฉพาะกระจกขนาดใหญ่ที่หากตกแต่งบริเวณผนังห้อง จะช่วยทำให้ห้องดูมีมิติและดูกว้างขึ้นได้มาก กระจกเงาเป็นกระจกที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย และสามารถนำไปประยุกต์ได้หลากหลายรูปแบบ เช่น ฉาบผิวด้านหนึ่งด้วยโลหะเงิน แล้วเคลือบด้วยสีหรือเชลแล็กอีกชั้น เพื่อป้องกันการขูดขีดหรือหลุดล่อนของโลหะเงิน หรือกระจกเงาแบบสีที่ช่วยเพิ่มสีสันและความน่าสนใจให้กับห้อง 

5. ไม้ลามิเนต

ไม้ลามิเนตเป็นวัสดุที่หาซื้อได้ง่าย มีหลายเกรด และที่สำคัญคือมีหลายสีให้เลือก การเลือกใช้พื้นไม้ลามิเนต หรือนำไม้ลามิเนตไปตกแต่งผนังสามารถเพิ่มมิติความกว้าง หรือสร้างเส้นนำสายตาได้แบบเนียนๆ ซึ่งหาเลือกใช้แบบโทนสีไม้แบบอ่อนๆ จะยิ่งช่วยเพิ่มความสว่างให้กับห้อง ลดความทึบตันของพื้นที่จำกัดได้ดี

ข้อดีของพื้นไม้ลามิเนต

  • มีผิวสัมผัสที่สวยงามให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับไม้จริง
  • สามารถเลือกสี หรือลายไม้ตามแบบที่เราต้องการได้
  • มีความทนทานต่อการรับน้ำหนัก และแรงกระแทกขีดข่วน 
  • มีน้ำหนักเบา
  • ติดตั้ง หรือ เปลี่ยนแผ่นแบบเฉพาะจุดโดยไม่ต้องรื้อใหม่ทั้งหมดเวลาเเผ่นใดแผ่นนึงเกิดความเสียหาย ซึ่งทำได้ง่ายรวดเร็วด้วยระบบกลไกการล๊อกที่เชื่อม

ข้อเสียของพื้นไม้ลามิเนต

  • ไม่ทนน้ำ และความชื้นสูง ถ้าหากโดนน้ำขังนานเกิน 12 ชั่วโมงขึ้นไป จะทำให้เกิดการพองบวม และบิดตัว
  • มีโอกาสโดนปลวกกินถ้าเลือกใช้เกรดไม่ดี
  • มักจะเกิดความเสียหายเวลาที่รับน้ำหนักวัตถุที่มีลักษณะเป็นเดือยแหลมคม เช่น ส้นของรองเท้าส้นแหลม เป็นต้น
  • ไม่สามารถทำความสะอาดด้วยการใช้แว๊กซ์ น้ำยาขัดเงา หรือ น้ำยาที่มีส่วนผสมของสบู่ เพราะจะทำให้พื้นลามิเนตเกิดความเสียหายได้

6. ระแนงไม้เทียมพลาสติกคอมโพสิต (Wood Plastic Composite Lath) 

การนำระแนงไม้มาใช้ในการกั้นห้อง ช่วยลดความรู้สึกอึดอัดของห้องที่มีขนาดพื้นที่จำกัดได้ดี เพราะระแนงไม้สังเคราะห์มีช่องว่างที่สามารถให้ความรู้สึกว่าพื้นที่ยังถูกเชื่อมโยงถึงกันอยู่ถึงแม้จะใช้ในการกั้นห้องก็ตาม ทำให้แสงสว่างและอากาศถูกส่งผ่านถึงกัน และยังสามารถเพิ่มลูกเล่นการตกแต่งแสงได้ เช่น ตกแต่งบริเวณที่แสงส่องผ่าน สร้างเงาที่สวยงามและน่าสนใจ 

ระแนงไม้เทียมรูปแบบที่เห็นได้บ่อยคือแบบที่วัสดุทำมาจากพลาสติกคอมโพสิต หรือ WPC วัสดุที่มีส่วนผสมของไม้ และพลาสติก มีทั้งหน้าตัดแบบกลวง และหน้าตัดแบบตัน ซึ่งคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์นั้นๆจะโดดเด่น และโน้มเอียงไปทางไหนก็จะขึ้นอยู่กับสัดส่วนของไม้ และพลาสติกที่นำมาผสมกันนั่นเอง โดยเฉลี่ยแล้วจะมีอายุการใช้งานไม่น้อยกว่า 10 ปี 

Minimal Style

ด้วยความที่สไตล์มินิมอลมีการใช้เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น เน้นการเลือกใช้แต่ของที่จำเป็น และของตกแต่งเหล่านั้นต้องมีความเรียบง่าย ทำให้การตกแต่งสไตล์นี้ มีพื้นที่ว่างเหลืออยู่มาก คือเป็นอัตราส่วนโดยประมาณ Space 60% : Decoration 40%

Modern Style

การตกแต่งที่สามารถตอบสนองประโยชน์ใช้สอยได้สูงสุด ลักษณะเด่นในการใช้รูปทรงเรขาคณิต เช่น สี่เหลี่ยมหรือเส้นโค้งที่เกิดจากส่วนของวงกลม สำหรับแนวคิดหลักของการออกแบบโมเดิร์นเป็นการเลือกใช้รูปทรง โครงสร้างและวัสดุที่สามารถตอบสนองการใช้งานได้อย่างดี 

Cozy Style

จะมีจุดเด่นในเรื่องของการสร้างบรรยากาศ การเล่นกับความรู้สึกของผู้อยู่อาศัย โดยจะเน้นให้ความรู้สึกที่อบอุ่น เบาสบาย และสร้างความผ่อนคลาย ทำให้เกิดสภาวะแห่งความสงบสุขเมื่อก้าวเข้าบ้าน การเลือกใช้โทนสีจึงเป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน โดยความผ่อนคลายนี้ถูกส่งผ่านทางการตกแต่งและโทนสีที่เลือกใช้ เช่น เฟอร์นิเจอร์สีเอิร์ธโทน หรือสีโทนสว่าง ที่สร้างบรรยากาศเย็นสบายตาและสร้างความสุขกับผู้อยู่อาศัย

 

ข้อมูลวัสดุศาสตร์อื่นๆ ที่น่าสนใจ

เขียน และเรียบเรียงโดย Wazzadu Encyclopedia

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก

  • วิทยานิพนธ์กระบวนการแก้ปัญหาด้านการออกแบบพื้นที่ขนาดเล็กด้วยวิธีการลวงตา โดยคุณ ณฤดี สีแก้วมี
  • Architect data
  • Wazzadu.com
  • https://www.estopolis.com/

แพลตฟอร์ม และเครื่องมือสำหรับการออกแบบตกแต่งบ้าน และงานสถาปัตยกรรม
โดยเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงกลุ่มผู้ใช้งานต่างๆ ตั้งแต่ สถาปนิก แบรนด์สินค้า ผู้จัดจำหน่าย และผู้ให้บริการต่างๆที่เกี่ยวข้อง ...

บทความอื่นๆ จากผู้เขียน

โพสต์เมื่อ

โพสต์เมื่อ

ไอเดียมาใหม่

บทความที่เกี่ยวข้อง

...

โพลสำรวจ

ถาม-ตอบ

Wazzadu.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานของคุณ