“ตะเกียบกินได้” นวัตกรรมฝีมือคนไทยที่ช่วยลดขยะใช้แล้วทิ้ง
ปัจจุบัน โลกกำลังให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงเรื่องของสุขภาพที่คนหันมาดูแลตัวเองกันมากขึ้น เมื่อไปทานก๋วยเตี๋ยวตามร้านต่าง ๆ ถ้าไม่ใช้ส้อม ทางร้านก็จะมีตะเกียบให้ บางร้านก็เป็นตะเกียบไม้ที่ใช้แล้วล้างและนำกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งถ้าตากไม่แห้งจะทำให้เกิดเชื้อราที่ตะเกียบ ซึ่งเมื่อเราใช้แล้วสัมผัสโดนปาก ก็ไม่ดีต่อสุขภาพ บางร้านเป็นตะเกียบไม้ไผ่ที่ใช้แล้วทิ้ง จึงมองว่าเป็นการเพิ่มปริมาณขยะ และทำลายป่าไม้ด้วย
จึงได้เกิดนวัตกรรม “ตะเกียบกินได้” ที่ต้องการช่วยลดปริมาณขยะที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งที่แต่ละวันมีเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังคำนึงถึงสุขภาพของผู้บริโภค ของการใช้ตะเกียบแบบใช้ซ้ำอาจทำให้เกิดเชื้อราและไม่สะอาด ซึ่งจะส่งผลต่อสุขภาพของผู้บริโภคได้
ตะเกียบกินได้ ถูกคิดค้น โดยนายปวัชร เพ็งสุขแสง, นายรชานนท์ แซ่ตั้ง และนางสาวกุลรญา สินถิรมั่น นักศึกษาชั้นปีที่ 4 ภาควิชาวิศวกรรมอาหาร คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง ที่ทำสำเร็จภายในระยะเวลาเพียง 8 เดือน เท่านั้น
โดยทำมาจากแป้งข้าวโพด 57% แป้งถั่วเหลือง 30% สารทำให้เกิดความชื้น (INS 422) สารทำให้คงตัว (INS 412) และสารป้องกันการจับเป็นก้อน (INS 470(III)) ซึ่งสารผสมทั้งหมดนี้ไม่เกินค่ามาตรฐาน อย. อีกทั้งยังมีกลิ่นเหมือนน้ำเต้าหู้ รสชาติจืด ทำให้รสชาติอาหารไม่เปลี่ยน
ตัวตะเกียบมีลักษณะค่อนข้างแข็ง และหนากว่าตะเกียบทั่วไป โดยมีขนาดความยาว 20 เซนติเมตร ปลายใหญ่และกว้าง 0.9 เซนติเมตร ปลายเล็กกว้าง 0.7 เซนติเมตร และหนา 0.6 เซนติเมตร เมื่อโดนน้ำ บริเวณที่โดนน้ำก็เปื่อยและนิ่มขึ้น จนสามารถทานไปพร้อมกับอาหารได้ หรือนำไปทิ้งก็ย่อยสลายเองตามธรรมชาติ
สามารถใช้งานได้ในสภาวะปกติ เช่น ใช้รับประทานก๋วยเตี๋ยว จะมีระยะเวลาการใช้งานประมาณ 10 นาทีเป็นอย่างต่ำ ส่วนที่โดนน้ำหรือนำไปจุ่มน้ำในอุณหภูมิ 75 องศาเซลเซียส สามารถทนความร้อนได้ประมาณ 3 นาที
ทั้งนี้ได้มีเป้าหมายที่จะพัฒนาต่อยอด ด้วยการใส่สารเคลือบป้องกันน้ำ พัฒนารสชาติ และเพิ่มอายุการใช้งานให้มากยิ่งขึ้นด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งในนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมที่น่าสนใจมากทีเดียวครับ
อ้างอิงจาก
- https://mgronline.com/greeninnovation/detail/9620000103599
- https://www.facebook.com/449802885073962/posts/4315800235140855/
เรียบเรียงโดย Wazzadu Encyclopedia ซึ่งเป็นทีมวิจัย และพัฒนาความรู้ด้านการออกแบบ และวัสดุศาตร์ทางด้านสถาปัตย์ฯ
สำหรับท่านที่สนใจในนวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อม สามารถติดต่อเพื่อโปรโมตผลงานของท่านเกี่ยวกับนวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อมทั้งการออกแบบ, เทคโนโลยี, วัสดุศาสตร์ เพื่อคุณภาพชีวิตของผู้คนได้แล้วที่ wazzadu .com. โดย inbox เข้ามาได้ที่ www.facebook.com/Wazzadu
ผู้เขียนบทความ
ด้วยการเกณฑ์การประเมินคาร์บอนฯ ที่แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่
1. Low Carbon CFO (Carbon Footprint for Organization) : การประเมิน carbon footprint ขององค์กร
2. Low Carbon CFP (Carbon Footprint of Product) : การประเมิน carbon footprint ของผลิตภัณฑ์
ทั้งนี้เพื่อผลักดันให้ผู้ผลิตและผู้พัฒนาวัสดุที่มีความมุ่งมั่นในการลดคาร์บอนจากวัสดุที่จำหน่าย มุ่งสู่เส้นทาง Low Carbon material ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทางโครงการมีการแบ่งเฟสที่บอกระดับว่าแต่ละองค์กรอยู่ที่จุดไหนแล้วบ้าง ได้แก่
Phase 1 : Committed เข้าร่วมโครงการ Wazzadu Low Carbon Material Library สู่เส้นทาง Low Carbon
Phase 2 : On-Track ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
Phase 3 : Achieved สามารถปล่อยคาร์บอนฯ ต่ำได้แล้วเมื่อเทียบจากครั้งก่อนๆ
หวังว่าห้องสมุดที่รวมวัสดุคาร์บอนฯ ต่ำนี้จะช่วยให้ทุกท่านได้พบกับวัสดุที่สามารถใช้ออกแบบให้เกิดเป็นสถาปัตยกรรมคาร์บอนต่ำได้จริง ... อ่านเพิ่มเติม