Six Senses Krabey Island รีสอร์ตที่ร้อยเรียงเรื่องราววิถีชีวิตชาวกัมพูชา ไว้ในทุกขั้นตอนการออกแบบ

Six Senses Krabey Island อีกหนึ่งผลงานการออกแบบและตกแต่งภายในจาก Din Studio รีสอร์ตที่ร้อยเรียงเรื่องราวงานดีไซน์ขึ้นจากวิถีชีวิต วัฒนธรรม และความเป็นอยู่ที่เรียบง่ายของชาวกัมพูชา ถ่ายทอดผ่านองค์ประกอบแต่ละส่วนภายในรีสอร์ต ด้วยความต้องการ Craft ประสบการณ์ที่น่าจดจำให้แก่แขกผู้เข้าพัก

รีสอร์ตแห่งนี้ ตั้งอยู่บนเกาะส่วนตัวในเมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา เลือกใช้วัสดุธรรมชาติที่ตอบโจทย์ความต้องการใช้งาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก ประกอบไปด้วย Private พูลวิลล่า ทั้งหมด 40 ห้อง โดยในแต่ละส่วนของรีสอร์ต จะถ่ายทอดเรื่องราวที่แตกต่างกันไป ดังนี้

1. Pool Villa

เล่าเรื่องราววิถีชีวิตท้องถิ่นของชาวกัมพูชา โดยถอดรูปแบบบ้านไม้ของกัมพูชามาใช้เป็นองค์ประกอบต่างๆ ภายในห้องพัก เช่น ผนังไม้ และเฟอร์นิเจอร์ รวมทั้งปรับให้มีความทันสมัยมากขึ้น ส่วนหมอนอิงใช้ผ้าไหมทอจากฝีมือของชาวบ้านท้องถิ่นเช่นกัน และอีกหนึ่ง Signature ของเกาะกระเบย์ (กระเบย์แปลว่า "กระบือ" ในภาษาไทย) ที่ถ่ายทอดผ่านพูลวิลล่าแห่งนี้ คือ Painting รูปกระบือที่มีเขางอกออกมาเป็นต้นไม้ที่กำลังเบ่งบาน แสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติบนเกาะกระเบย์

2. Main Facility Building

ออกแบบและตกแต่งด้วยคอนเซ็ปต์บ้านชาวประมง จากองค์ประกอบ 4 อย่างของบ้านชาวประมงในกัมพูชา ได้แก่ หลังคา ระเบียงบ้าน พื้นที่ภายในบ้าน และใต้ถุนบ้าน แตกออกมาเป็นพื้นที่ใช้สอยทั้ง 4 ส่วนภายในอาคาร Main Facility ดังนี้

•  Lobby Lounge  ถ่ายทอดเรื่องราวในส่วนหลังคาบ้านของชาวประมงที่มีลมพัดเย็นสบาย และมักจะตากอุปกรณ์สำหรับจับปลาไว้บนหลังคา โดยออกแบบโคมไฟให้มีลักษณะเหมือนตะกร้าสานที่ถูกลมพัด และเนื่องจากเลานจ์ตั้งอยู่ชั้นบนสุดของอาคาร ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่ง จึงต้องใช้วัสดุที่สามารถทนต่อแดด ลม และฝน ได้เป็นอย่างดี เช่น ผ้าที่ใช้ทำหมอนอิง หรือเบาะบริเวณโซฟา ต้องใช้เป็น Outdoor Fabric ส่วนฐานโซฟาที่ทำจากหวายจริง ก็มีการยกให้สูงขึ้นจากพื้นเพื่อกันน้ำและความชื้น ในส่วนของโซฟา เลือกใช้หวายจริงเป็นวัสดุ เพื่อให้ผู้ใช้งานรู้สึกอบอุ่นจากการได้สัมผัสกับวัสดุธรรมชาติ โดยสามารถใช้ผ้าคลุมสำหรับกันแดดและฝนได้นั่นเอง ผนังที่โอบล้อมเป็นฉากหลังให้กับส่วนโซฟา คืองานไม้ไผ่สาน โดยทีมกรกต อารมย์ดี

• Sunset Bar ถ่ายทอดเรื่องราวในส่วนระเบียงของบ้านชาวประมง ส่วนเพดานทำจากไม้จริงซึ่งเป็นไม้ท้องถิ่นของชาวกัมพูชา ชื่อว่า Koki Wood ที่มีสีดั้งเดิมเป็นสีแดง แต่เมื่อถูกแดด ลม และฝน จึงกลายเป็นสีน้ำตาลอมเทาดังภาพ ส่วนฝูงปลาที่ห้อยอยู่ด้านบน เป็นผลงานของทีมคุณกรกต อารมย์ดี นักออกแบบที่มีความผูกพันกับวิถีชีวิตชาวประมง โดยองค์ประกอบของฝูงปลา ประกอบไปด้วย ก้านเหล็กทำสี สำหรับยึดตัวปลาเข้ากับเพดาน และเพื่อความทนทานต่อแรงลม รวมถึงตัวปลา ที่ทำจากผ้าอัดน้ำยากันน้ำ โดยมีก้านเล็กๆ ภายในตัวปลาที่ทำขึ้นจากไม้ไผ่ และผูกเข้ากับตัวโครงเหล็กเพื่อห้อยไว้บนเพดาน ส่วนวัสดุปูพื้นบริเวณ Sunset Bar ทำขึ้นจากหิน Limestone สี Coffee ผิวหน้าพ่นไฟ ไม่เรียบลื่น ที่สะดวกต่อการใช้งาน และช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ

• Aha Restaurant ถ่ายทอดเรื่องราวภายในบ้านของชาวประมง ในบรรยากาศของการนั่งล้อมวงรับประทานอาหารกันอย่างอบอุ่น ตกแต่งด้วยวัสดุธรรมชาติแทบจะทุกส่วน เริ่มจาก Pattern ไม้ บริเวณผนัง ที่ถอดแบบมาจากราวกันตกบริเวณระเบียงบ้านของชาวกัมพูชา และปรับให้มีรูปแบบเรียบง่ายยิ่งขึ้น ส่วนพื้นไม้ เลือกใช้ไม้เก่าจากที่ต่างๆ นำมาปรับใช้ให้เข้ากับดีไซน์โดยรวม อย่างเช่น ไม้เก่าจากโรงนาชาวบ้าน เสาผูกเรือเก่า จึงทำให้สีของไม้ดูมีมิติ พร้อมด้วย texture ที่ไม่ซ้ำกันในแต่ละแผ่น มอบกลิ่นอายความคลาสสิก และเป็นธรรมชาติได้อย่างลงตัว

• Ice-cream Parlour ถ่ายทอดเรื่องราวบริเวณใต้ถุนบ้านของชาวประมง เริ่มจากส่วนเสารับชั้นบริเวณเคาน์เตอร์บาร์ ได้แรงบันดาลใจมาจากเสาค้ำใต้บ้านของชาวกัมพูชา ส่วนสีส้มและสีชมพู สีหลักของการตกแต่ง Ice cream Parlour ได้มาจากสีของปะการัง ซึ่งแสดงถึงความใกล้ชิดกับท้องทะเล ส่วนพรมบริเวณที่นั่ง เลือกใช้เป็นเสื่อกันน้ำที่ทำจากป่านศรนารายณ์ เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้งาน เนื่องจาก Ice cream Parlour อยู่ใกล้กับสระว่ายน้ำ ผู้ใช้งานส่วนใหญ่มักจะเข้ามาใช้งานหลังว่ายน้ำ จึงต้องเลือกวัสดุที่เหมาะกับการใช้งานในส่วน Outdoor

3. The Tree Restaurant ตกแต่งด้วยคอนเซ็ปต์ Dining in the Jungle หรือการนั่งทานข้าวในป่า โดยมีต้นไม้ล้อมรอบ วัสดุที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นหวายจริง ไม้จริง รวมถึงไม้ไผ่ที่ใช้ในส่วนฝ้าเพดาน ตกแต่งเป็น Panel รังผึ้ง ด้วยวิธีขึ้นโครง ดัด และผูกเข้าด้วยกัน จากผลงานของทีมคุณกรกต อารมย์ดี ส่วนโคมไฟรูปผลไม้ที่ห้อยอยู่ด้านบน ทำจากไม้จริง ติดตั้งเข้ากับเพดานฝ้าเปลือย โชว์งานระบบ

4. Spa ถ่ายทอดเรื่องราวความผูกพันระหว่างชาวกัมพูชากับความเชื่อ รวมถึงความผูกพันกับแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ จึงสร้างลูกเล่นให้กับฝ้าเพดานไม้ ที่ทำขึ้นจากไม้จริงอัดประกอบ และ CNC แบบแยกชิ้น ให้เป็นเหมือนวงน้ำ โดยนับเป็นการสร้างบรรยากาศให้พื้นที่ภายในห้อง Treatment แห่งนี้ได้อย่างดีเยี่ยม

ส่วนพื้นที่ต้อนรับ (Reception) บริเวณสปา มีการตกแต่งโดยใช้เสาจำนวนมากรายล้อมอยู่รอบๆ พื้นที่ทั้งหมด นับเป็นการล้อฟอร์มระหว่างเสามะหวดภายในนครวัด นครธม กับฟองน้ำที่ลอยขึ้นสู่ผิวน้ำ โดยใช้ลูกมะหวดหลากหลายรูปแบบ เรียงสลับกันให้เหมือนฟองน้ำที่ลอยอยู่ด้านบน ส่วนโคมไฟที่ลอยอยู่เหนือเคาน์เตอร์ Reception เลือกใช้คอนเซ็ปต์เดียวกันในการตกแต่ง ทางด้านสระว่ายน้ำภายในสปาก็เลือกสร้างบรรยากาศให้เหมือนกับโบราณสถานศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง