รายละเอียดการออกแบบ และติดตั้งงานกระจกในโปรเจคระดับโลกอย่าง Apple Campus : Foster + Partners

สำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของ Apple ในเมืองคูเปอร์ติโน รัฐแคลิฟอร์เนีย

สำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของ Apple ขนาด 2.8 ล้านตารางฟุต ในเมืองคูเปอร์ติโน รัฐแคลิฟอร์เนีย อาคารแห่งนี้เป็นเจ้าของสถิติงานผนังกระจกโค้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน ด้วยจำนวนกระจกที่มากกว่า 3,000 แผ่น

การออกแบบรูปทรงอาคารที่คล้ายกับยานอวกาศนี้ ถูกนำเสนอโดยสถาปนิกมือฉมังอย่าง Foster + Partners ซึ่งเขาตั้งใจออกแบบให้มันเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่เป็นเอกลักษณ์ที่สุดในโลก จึงไม่น่าแปลกใจที่โครงการเช่นนี้จะแสวงหามาตรฐานการออกแบบ และการเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพสูงตามไปด้วยเช่นกัน

ในแง่ของการสร้างผลิตภัณฑ์ Apple เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของความเรียบง่าย และแฝงไว้ด้วยรายละเอียดที่แม่นยำในการออกแบบผลิตภัณฑ์

เพื่อให้สถาปัตยกรรมแห่งนี้ มีความกลมกลืนสอดคล้องกับ DNA ของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีระดับโลก มันจึงเป็นสิ่งสำคัญที่งานสถาปัตยกรรมจะต้องทำหน้าที่สะท้อนเป้าหมาย หรือ ตัวตนของ Apple ออกไปสู่สาธารณะชนทั่วโลก

รูปตัดแสดงรายละเอียดผนังกระจกโค้งแบบสองชั้น (Double Skin) ครีบกันสาดบังแดด

และรายละเอียดช่องระบายอากาศเหนือขอบผนังกระจกชั้นนอก

เพื่อให้การออกแบบบรรลุตามจุดประสงค์ที่ตกลงร่วมกับทาง Apple ไว้ ทีมผู้ออกแบบ Foster + Partners ได้จับมือกับผู้ผลิตกระจกที่มีความเชี่ยวชาญสูงจากเยอรมัน Seele ซึ่งเคยฝากผลงานด้านกระจกในงานสถาปัตยกรรมของ Apple มาแล้วหลายแห่ง นอกจากนี้ยังได้ร่วมมือกับ Sedak ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Seele ที่จะเข้ามาดูในส่วนงานติดตั้งผนังกระจกโดยเฉพาะ

ในกระบวนการออกแบบ ผนังกระจกภายนอกของอาคารแห่งนี้มีความยาวรวมเกือบสี่ไมล์  โดย Apple ยอมลงทุนกับงานกระจกด้วยงบมหาศาล ถึงขนาดที่ CEO Tim Cook ต้องลงมาดูรายละเอียดงานกระจกกับทีมสถาปนิก และผู้ผลิตอยู่หลายตลบเหมือนกัน เพราะมันเป็นวัสดุที่สามารถถ่ายทอดปรัชญาทางธุรกิจหลักของ Apple ก็คือ ความโปร่งใส ได้อย่างแจ่มชัดที่สุด

นอกจากความโปร่งใสแล้วเมื่อยามแสงดวงอาทิตย์ส่อง ผนังกระจกของอาคารแห่งนี้จะเปล่งประกายดุจคริสตัล ซึ่งเป็นการสะท้อนภาพลักษณ์ภายนอกของแบรนด์ในสายตาสาธารณะชนที่เน้นความเรียบหรู แต่ลึกในรายละเอียดที่ซ่อนอยู่ภายใน

Apple ยอมลงทุนกับงานกระจกด้วยงบมหาศาล ถึงขนาดที่ CEO "Tim Cook"

ต้องลงมาดูรายละเอียดงานกระจกกับทีมสถาปนิก และผู้ผลิต

ในการสร้างหน้าต่างกระจกสำหรับอาคารสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของ Apple ทาง Sedak เลือกที่จะดัดโค้งกระจกแล้วนำมาเข้ากระบวนการลามิเนตเพื่อเพิ่มความแข็งแรง ก่อนที่จะทำการเคลือบเต็มรูปแบบ ดังนั้นการจะผลิตกระจกจำนวนมากกว่า 3,000 แผ่น แล้วต้องอบด้วยความร้อนเพื่อให้เป็นกระจกนิรภัย พวกเขาจำเป็นต้องพัฒนาเครื่องจักรใหม่ทั้งหมดเพื่อใช้ในการอบกระจกจำนวนมากเหล่านี้ให้เสร็จทันตามเวลาที่กำหนด

เครื่องจักรใหม่ที่ใช้ในการอบกระจก มีความยาวถึง 246 ฟุต มันถูกออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับโครงการนี้ มันสามารถซ้อนกระจกได้ทีเดียวถึง 5 แผ่น ในหนึ่งรอบของการอบ

เครื่องจักรที่ Seele และ Sedak พัฒนาขึ้นมาใหม่ทั้งเครื่องอบกระจก

และเครื่องดัดโค้งกระจก เพื่อโปรเจคนี้โดยเฉพาะ

นอกจากการสร้างเครื่องจักรที่ใช้ในการอบกระจกขึ้นมาใหม่ Seele และ Sedak ยังได้ร่วมกันสร้างเครื่องขึ้นรูปกระจกแบบต่างๆสำหรับใช้ในการโดัดโค้งกระจกขึ้นมาใหม่ด้วยเช่นกัน ก็เพื่อใช้ในการทำหน้าต่างกระจกโค้งรอบอาคาร Apple Park โดยเฉพาะ 

ผนังกระจกโค้งที่สะท้อนภาพบริบทแวดล้อมภายนอกได้อย่างสวยงามกลมกลืน

ผนังกระจกลามิเนตไร้รอยต่อขนาดใหญ่ (ถูกออกแบบเป็นแผ่นยาวเพื่อให้มีรอยต่อน้อยที่สุด)

แผงหน้าต่างกระจกภายนอกแผ่นที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีความยาวประมาณ 47 ฟุตสูง 10 ฟุต มันถูกสร้าง และติดตั้งอย่างประณีตเพื่อให้โปรเจคนี้ เป็นแบบอย่างของงานออกแบบ และติดตั้งกระจกที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่มีเพียงแห่งเดียวในโลก ซึ่งได้รับการพัฒนาโดยเฉพาะสำหรับโปรเจคของ Apple เท่านั้น

นอกจากนี้ Seele และ Sedak ยอมให้มีค่าความคลาดเคลื่อนในงานกระจกเฉลี่ยเพียง 0.8 มม. ซึ่งเป็นระดับความแม่นยำที่ไม่มีใครเทียบในงานสถาปัตยกรรมสเกลดังกล่าว

ภาพขณะที่ทีมงานของ Seele และ Sedak กำลังติดตั้งผนังกระจก

หน้าต่างกระจกแต่ละแผ่นมีความหนักเฉลี่ยเกือบๆ 3 ตัน มันถูกดูด และยกขึ้นไปยังตำแหน่งที่จะติดตั้ง ด้วยหุ่นยนต์ Cimolai  ซึ่งมันทำหน้าที่ดูดจับกระจกแต่ละแผ่น และยกขึ้นเพื่อติดตั้งในจุดต่างๆที่ระบุไว้รอบๆอาคาร

Apple และทีมออกแบบภูมิใจกับการนำเสนออาคารแห่งนี้มาก เพราะตั้งใจออกแบบให้อาคารแห่งนี้มีความยั่งยืน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด โดยหลังคาของอาคารแห่งนี้ถูกติดตั้งด้วยแผงโซล่าเซลล์เกือบเต็มพื้นที่ เพื่อใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับหมุนเวียนใช้ภายในอาคาร

หน้าต่างกระจกหนักเกือบ 3 ตัน มันถูกดูด และยกขึ้นไปยังตำแหน่งที่จะติดตั้ง ด้วยหุ่นยนต์ Cimolai 

นอกจากนี้ยังมีหลังคากระจกขนาดใหญ่มากกว่า 16 จุด ทั่วอาคารที่แสงอาทิตย์สามารถส่องสว่างลงมาได้จนถึงชั้นล่าง เป็นการนำแสงสว่างจากธรรมชาติมาใช้ภายในอาคารเพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้าในช่วงกลางวันได้เป็นอย่างดี

ในส่วนงานผนังอาคาร ถูกออกแบบให้เป็นผนังกระจกโค้งแบบสองชั้น (Double Skin) โดยมีช่องว่างระหว่างผนังกระจกชั้นในกับผนังกระจกชั้นนอก เพื่อช่วยในการรักษาสมดุลของอุณหภูมิระหว่าง Space ภายนอกและภายใน 

โดยมีช่องระบายอากาศเหนือขอบผนังกระจกชั้นนอก เพื่อระบายความร้อนที่สะสมอยู่ภายในช่องว่างระหว่างผนังกระจกชั้นในและชั้นนอกออกสู่ภายนอกอาคาร และช่วยในการถ่ายเทหมุนเวียนอากาศให้ภายในอาคารมีสภาวะน่าสบาย อีกทั้งยังมีครีบกันสาดในแต่ละชั้นช่วยในการบังแดดในวันที่แสงจ้า

สำหรับในส่วนด้านหน้าอาคาร ถูกออกแบบให้เป็นผนังกระจกลามิเนตไร้รอยต่อขนาดใหญ่ (ถูกออกแบบเป็นแผ่นยาวเพื่อให้มีรอยต่อน้อยที่สุด) มันช่วยให้ด้านหน้าอาคารมีความสวยงามโดดเด่น และช่วยสร้างความปลอดโปร่งให้แสงสว่างภายในอาคารได้อย่างเหมาะสม อีกทั้งยังเป็นการสะท้อนปรัชญาทางธุรกิจหลักของ Apple ก็คือ ความโปร่งใส ได้อย่างแจ่มชัดอีกด้วย

(Sponsored Ads)

ภาพการติดตั้งผนังกระจกลามิเนตขนาดใหญ่ด้านหน้าอาคาร

หลังคากระจกขนาดใหญ่ ที่แสงอาทิตย์สามารถส่องสว่างลงมาได้จนถึงชั้นล่าง

เป็นการนำแสงสว่างจากธรรมชาติมาใช้ภายในอาคารเพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้า

ปัจจุบันอาคารแห่งนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงคุณค่างานสถาปัตยกรรมที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมได้อย่างทรงพลัง นอกจากนี้ Apple Park ยังเผยถึงอนาคตของนวัตกรรมงานออกแบบกระจกสำหรับศตวรรษที่ 21 และต่อๆไป

ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

แพลตฟอร์ม และเครื่องมือสำหรับการออกแบบตกแต่งบ้าน และงานสถาปัตยกรรม
โดยเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงกลุ่มผู้ใช้งานต่างๆ ตั้งแต่ สถาปนิก แบรนด์สินค้า ผู้จัดจำหน่าย และผู้ให้บริการต่างๆที่เกี่ยวข้อง ...

บทความอื่นๆ จากผู้เขียน

โพสต์เมื่อ

การออกแบบ และเลือกใช้วัสดุ
หน้าต่างในงานสถาปัตยกรรม (Window type in architecture)

ไอเดียมาใหม่

โพสต์เมื่อ

โพสต์เมื่อ

โพสต์เมื่อ

บทความที่เกี่ยวข้อง

...

โพลสำรวจ

ถาม-ตอบ

Wazzadu.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานของคุณ