วัสดุเเนะนำ : ไม้ MDF BOARD (Medium Density FiberBoard) กับคุณสมบัติที่น่ารู้ก่อนจะนำเอาไปใช้งาน
มาพบกันอีกแล้ว กับ WAZZADU Material Review ไม้ MDF (Medium Density FiberBoard) หรือ เรียกว่าแผ่นใยไม้อัดความหนาแน่นปานกลาง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ประเภท Composite Panel ชนิดหนึ่งที่ได้จากการนำเส้นใยของไม้หรือพืชที่มีเส้นใย หรือเส้นใยของวัสดุลิกโนเซลลูโลส (Lignocelluloses Material) วัตถุดิบที่ใช้ ยูคาลิปตัส ยางพารา ฯลฯ นำมาผสมกับกาวสังเคราะห์ แล้วจึงอัดเป็นแผ่นโดยกรรมวิธีแห้ง คืออัดด้วยความร้อน (Dry Process) เพื่อให้เกิดความยึดเหนี่ยวระหว่างเส้นใยจนเป็นเนื้อเดียวกันโดยมีกาวเป็น ตัวช่วยประสาน โดยมีความหนาแน่นสูง มีผิวเนื้อในละเอียดเป็นเนื้อเดียวกันตลอดทั่วทั้งแผ่น มีความหนา ความแน่น และความเรียบสม่ำเสมอตลอดทั้งแผ่น สามารถขูดแต่งเนื้อไม้ได้เรียบเนียน งานที่ออกมาจึงดูเรียบร้อยไม่เป็นขุย สามารถนำมาพ่นสีในเนื้อไม้ได้สวยงาม
MDF ในประเทศไทยนั้น มีการผลิตด้วยวัตถุดิบ 2 ชนิด คือไม้ยูคาลิปตัสและยางพารา MDF ที่ผลิตจากยูคาลิปตัส จะมีผิวหน้าไม้ที่เรียบเนียนเหมาะกับงานทำสีมากกว่าเนื่องจากเป็นไฟเบอร์ ประเภทเส้นใยสั้น และไม่มีเม็ดยางลอยบนผิวหน้าบอร์ด
ไม้ MDF (Medium Density FiberBoard)
“ ไม้ MDF ” ซึ่งคำว่า MDF นี้ย่อมาจากคำว่า “Medium-Density Fiberboard” เราสามารถแปลเป็นภาษาไทยตรงๆ ตามชื่อความหมายภาษาอังกฤษของมันได้ว่า “แผ่นใยไม้อัดความหนาแน่นปานกลาง” โดยไม้ชนิดนี้ มีความคล้ายคลึงกับ ไม้ปาติเกิล (Particle Board) คือเอาเศษขี้เลื่อยของไม้ยางพารามาบดอัด ดั่งที่ได้กล่าวมาด้านบน แต่ว่า ไม้ MDF จะต้องผ่านกระบวนการอัดไม้ ด้วยเครื่องบดอัดไม้เฉพาะที่มีแรงอัดสูงมาก พร้อมกับความร้อน ด้วยเครื่องจักรเฉพาะทาง ความหนาแน่น จะอยู่ประมาณ 500 กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (kg/m3) ขึ้นไป
ด้วยกระบวนการผลิตที่มีความละเอียด ซับซ้อนขนาดนี้ จึงทำให้เนื้อไม้ มีความแน่น ละเอียด ผิวเนียนมากกว่าไม้ปาร์ติเกิ้ล แม้ว่าส่วนใหญ่ ไม้ MDF จะเศษขี้เลื่อยของ ไม้ยูคาลิปตัส ไม้ยางพารา แต่บางโรงงานถ้าอยากผลิตไม้ MDF ที่มีคุณภาพดีหน่อย เขาจะนำไม้ท่อน มาบดอัดแทนเพื่อให้ได้คุณภาพที่ดีกว่า
ส่วนผสมการผลิต ไม้ MDF (Medium Density FiberBoard)
Medium Density Fiber Board ได้มาจากการนำเอาเส้นใยของไม้ประเภทยูคาลิปตัส ยางพารา ฯลฯหรือ เส้นใยของวัสดุ ลิกโนเซลลูโลส(Lignocelluloses Material) นำมาอัดเป็นแผ่นโดยกรรมวิธีอัดด้วยความร้อน ( Dry Process) เพื่อให้เกิดการยึดเหนียวระหว่างเส้นใยจนเป็นเนื้อเดียวกัน เป็นผลิตภัณฑ์ประเภท Compositepanel ความหนาแน่น 400– 800 ก.ก./ ลบ.ม. มีความแข็งแรงและมีเนื้อไม้ละเอียดผิวเรียบเนียนกว่า พาร์ติเคิลบอร์ด (Particleboard) จึงเหมาะกับการทำ Built – In furniture สามารถปิดผิว ทำสี สลักลาย เซาะร่อง เหมาะกับมีผิวเนื้อในละเอียดเป็นเนื้อเดียวกันตลอดทั่วทั้งแผ่น มีความหนา ความแน่นและความเรียบสม่ำเสมอตลอดทั้งแผ่น สามารถขูดแต่งเนื้อไม้ได้เรียบเนียบ งานที่ออกมาจึงดูเรียบร้อยไม่เป็นขุยสามารถนำมาพ่นสีในเนื้อไม้ได้สวยงาม โดยส่วนมากนิยมใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ ทั้งลอยตัวและบิวท์อิน ไม่ว่าจะเป็น ตู้ โต๊ะเตียง พื้นอาคาร,กรุผนัง, นำไปปิดผิว พ่นสี และใช้ในอุตสาหกรรมตกแต่งรวมทั้งงานแกะสลักได้เกือบทุกชนิดหรือแม้กระทั่งกรอบรูป
กรรมวิธีการผลิต MDF (Medium Density FiberBoard)
1. วัสดุที่ใช้ในส่วนผสม ก็เอาไม้ยูคาลิป ต้นสน ต้นยางพารา เศษเยื่อไม้ที่เหลือจากการทำกระดาษ (ชนิดใดชนิดหนึ่งนำมาผลิต) และกากชานอ้อยที่ได้ จากโรงานทำน้ำตาลทรายแล้ว เป็นวัตถุดิบ
2. นำเข้าเครื่องบดให้เป็นผงละเอียด
3. ผสมกาว เข้าหม้อกวน จนได้ที่
4. มีท่อลำเรียงจากหม้อผสมมาโรยบนแท่นอัด
5. รีดด้วยความร้อนออกมาเป็นแผ่น
6. นำมาตัดให้ไซด์มาตรฐานคือ กว้าง 48 นิ้ว ด้านยาว 96 นิ้ว เป็นแผ่นมาตรฐานของไม้อัด
คุณสมบัติของ ไม้ MDF (Medium Density FiberBoard)
มีผิวเนื้อในละเอียดเป็นเนื้อเดียวกันตลอดทั่วทั้งแผ่น มีความหนา ความแน่น และความเรียบสม่ำเสมอตลอดทั้งแผ่น
สามารถขูดแต่งเนื้อไม้ได้เรียบเนียบ งานที่ออกมาจึงดูเรียบร้อยไม่เป็นขุย สามารถนำมาพ่นสีในเนื้อไม้ได้สวยงาม
และถ้าแบ่งตามลักษณะคุณสมบัติ แบ่งได้ 3 ประเภท คือ
1. ชนิดความหนาแน่นสูง โดยมากนิยมใช้ทำพื้นอาคาร, บ้านเรือน, นำไปปิดผิว พ่นสี ให้ดูดียิ่งขึ้น
2. ชนิดความหนาแน่นปานกลาง นิยมใช้ในอุตสาหกรรมตกแต่ง และเฟอร์นิเจอร์ รวมทั้งงานแกะสลักได้เกือบทุกชนิด
3. ชนิดความหนาแน่นต่ำ ปัจจุบันเริ่มมีใช้แพร่หลายทางยุโรป และอเมริกา นิยมใช้สำหรับทำเฟอร์นิเจอร์ Knock-down
เรื่องไม้ MDF (Medium Density Fiber Board) หรือเรียกว่าแผ่นใยไม้อัดความหนาแน่นปานกลาง
ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ประเภท Composite Panel ชนิดหนึ่งที่ได้จากการนำเส้นใยของไม้หรือพืชที่มีเส้นใย
หรือเส้นใยของวัสดุลิกโนเซลลูโลส (Lignocelluloses Material)
ขนาดมาตรฐานของไม้ MDF (Medium Density FiberBoard)
โดยขนาดมาตรฐานของ แผ่นไม้ MDF ที่ขายกันตามท้องตลาด อยู่ที่ 1.22 x 2.45 เมตร (หรือ 4 x 8 ฟุต) ต่อแผ่น สามารถบวกลบ (±) ได้นิดหน่อย เรื่องความหนาของแผ่นไม้ MDF ที่นิยมนำมาทำเฟอร์นิเจอร์ มีหลากหลายขนาด ตั้งแต่ 3 มิลลิเมตร ถึง 25 มิลลิเมตร กันเลยทีเดียว ขึ้นอยู่ว่าจะนำไปใช้ประกอบ หรือ รับน้ำหนักส่วนไหนของเฟอร์นิเจอร์ และในปัจจุบันนี้ไม้อัด MDF มีความหนาตั้งแต่ 2.6 มม.-25 มม. ขนาดใหญ่ที่สุดที่ความกว้างยาว 8x16 ฟุต หรือ 2.44x4.88 เมตร (2440x4880 mm.)
โดยพื้นผิวด้านนอก ของ ไม้ MDF นั้นสามารถปิดผิว ได้หลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น การปิดผิวด้วย กระดาษลายไม้ หรือลายอื่นๆ หรือจะ ปิดพื้นผิวด้านนอก ด้วยพีวีซี (PVC) ก็จะมีความแข็งแรงขึ้นมาอีกหน่อย รวมไปถึง การพ่นสีทับไปบนพื้นผิวด้านนอก ได้เช่นกัน
การใช้ประโยชน์ของไม้ MDF (Medium Density FiberBoard)
MDF (Medium Density Fiber Board) ซึ่งเป็นประเภทของไม้อัดเหมือนกัน แต่แตกต่างกันที่ไม้ Particle จะเป็นไม้ที่มีเนื้อหยาบกว่า ถ้าดูจากหน้าตัดของไม้ ก็จะเห็นเศษไม้ขนาดไม่เท่ากันกระจายอยู่ทั่ว แต่ในขณะที่ไม้ MDF จะเป็นไม้อัดที่มีเนื้อละเอียดกว่า จะเป็นผงๆเหมือนขี้เลื่อย ซึ่งถ้าเทียบราคากันแล้วไม้ MDF จะมีราคาที่สูงกว่ามาก ส่วนไม้ที่ใช้เป็นวัตถุดิบผลิต particle board และ MDF กว่า 90% จะเป็นไม้ยางพารา
ส่วนใหญ่จะใช้ทำบานเปิดเฟอร์นิเจอร์ หรือแม้แต่บานประตู แต่จะมีน้ำหนักมากกว่า แผ่นไม้จะให้เนื้อละเอียด เนียนเรียบเพราะหลังจากที่นำไม้มาสับละเอียดแล้วขึ้นเป็นแผ่น จะนำแผ่นนั้นมาบดเป็นผงอีกทีหนึ่ง แล้วจึงนำไปผสมกับกาวอบให้แห้ง เพื่อนำไปอัดแผ่น ด้วยความร้อนอีกครั้ง
บริการพิมพ์ลายบนวัสดุ
คุณสมบัติที่น่าสนใจไม้ MDF (Medium Density FiberBoard)
MDF เป็นวัสดุที่นิยมนำมาทำเป็นโครงเฟอร์นิเจอร์ บานเปิด เฟอร์นิเจอร์หรือชุด built-in เคาน์เตอร์ตามบ้าน แต่จากที่ได้ยินได้ฟังจากคนอื่นมาถึงปัญหาของเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากวัสดุพวกนี้ แต่ละรายก็สาหัสหนักเบาไม่เท่ากัน ทั้งบวม พอง ผุ พัง ขึ้นราหรือปลวกกิน ก็เลยเกิดสงสัยว่า ปัญหาบวม พอง พัง เป็นจุดอ่อนของ particle board หรือ MDF ที่แก้ไขไม่หายเลยหรือ และคนที่มาช่วยตอบคำถามพวกนี้ก็คือ คุณภูมิศักดิ์ จุลวัลลิภะ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท วนชัยกรุ๊ป ผู้ผลิตแผ่นไม้ทดแทนไม้ธรรมชาติ ส่งออกรายใหญ่รายหนึ่งของประเทศ
ราคารเฉลี่ยของ ไม้ MDF (Medium Density FiberBoard)
ไม้ MDF ตามท้องตลาดปัจจุบันแล้ว มีสินค้าราคาเกรดสูง-ตำ่ ราคารเฉลี่ยของ ไม้ MDF จะอยู่ที่ราคาประมาณ 200 - 800 บาท (ราคารขึ้นอยู่กับขนาดความหนา เเละความยาวของไม้)
ตัวอย่างของรายละเอียดสินค้า
ไม้ MDF 19 มิล ขนาดมาตรฐาน 4 x 8 ฟุต
เหมาะสำหรับทำเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว และ บิวท์อิน
ไม้ MDF มีตั้งแต่งขนาด 3 มิล ถึง 25 มิล
น้ำหนัก 36.9 kg./แผ่น
แหล่งร้านค้า/เเบรนด์/ตัวเเทนจำหน่ายสินค้า
มีเเหล่งร้านค้าและตัวแทนจำหน่าย : วนชัยกรุ๊ป,pornpalachai,บริษัทที่อยู่กบินทร์บุรี,rเค-เค-วู๊ด,ไทวัสดุ,HomePro
ตัวอย่างขั้นตอนการติดตั้งงของ การปิดผิว ( Lamination )
1. การปิดด้วยกระดาษความหนาต่างๆ ตั้งแต่ 30 , 40 , 60 , 70 แกรม ด้วยกาวลาเทกส์
2. การปิดผิวด้วย PVC และกาวปิดพลาสติก นำไปใช้งานเฟอร์นิเจอร์ บานหน้าต่าง โต๊ะ ช่วยให้กันน้ำได้
3. OPP เป็นการปิดผิวแบบกระดาษ หรือ PVC แต่จะบางกว่าใช้กาวประเภทเดียวกับ PVC
4. การปิดผิวแบบ Membrane เป็นการห่อหุ้มชิ้นงาน เข้าในซอกหรือร่องชิ้นงาน โดยการดูดอากาศออกจากกชิ้นงาน ใช้ใน งานเฟอร์นิเจอร์ และการตกแต่งภายใน ทำคิ้ว บัว
5. การปิดผิวด้วย Veneer ใช้เป็นส่วนประกอบ ประตู หน้าต่าง หรือ ตัวเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งดูภายนอกแล้วสวยงามเหมือนเป็นไม้จริง
6. การปิดผิวด้วย Melamine paper สามารถป้องกันน้ำได้ ป้องกันรอยขีดข่วน ผลิตภัณฑ์มีความทนทานต่อกรด
7. HPL ( High Pressure Laminate ) ที่นิยมเรียกกันว่าฟอร์เมกา ทำให้ผลิตภัณฑ์กันน้ำได้ ใช้ประกอบในการผลิตเครื่องครัวได้เป็นอย่างดี
8. การพ่นสีน้ำมัน ให้สีติดแน่นลบยาก ใช้ในการทำตกแต่งเฟอร์นิเจอร์การทำสีด้วยแลคเกอร์ ทำได้ทั้งสีโปร่ง และสีทึบ สามารถพ่นทับด้วย Polyurethane นิยมใช้กับเฟอร์นิเจอร์
9. ทาด้วยแลคเกอร์ พ่นทับด้วย PU ( Polyurethane ) ถ้าไม้ยูคาจะทำให้สรเข้มขึ้นอีก
10. การทำสีด้วย Polyurethane ทำให้ได้ความมันวาว เพื่อตกแต่งภายในครัว และพวกตู้ติดตั้งถาวร (Build in) จะมีการทำสีที่หลายขั้นตอน และสุดท้ายพ่นด้วยอะคิลิกแลคเกอร์ เคลือบหน้าเงา
วิธีการดูแลรักษา ไม้ MDF (Medium Density FiberBoard)
เฟอร์นิเจอร์ไม้นั้นเป็นวัสดุที่มีราคาแพงเพราะวัตถุดิบคือไม้ซึ่งมีราคาแพงและยังหายากในปัจจุบัน แต่ก็ยังคงมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ยังคงชื่นชอบวัสดุตกแต่งบ้านที่ทำมาจากไม้ เช่น เฟอร์นิเจอร์ไม้และเครื่องเรือนต่างๆ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะไม้เป็นวัสดุที่ให้ความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติ หรือใกล้ชิดธรรมชาติมากกว่าวัสดุทดแทนประเภทอื่นๆ นอกจากนั้นไม้ยังมีลายที่สวยงามหลากหลาย เพียงแต่ใช้วัสดุเคลือบเงา ไม่จำเป็นต้องทาสีก็ดูสวยงาม
ไม้ยังมีความแข็งแรงคงทนและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานแต่การที่จะให้ไม้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานได้นั้นจำเป็นต้องมีการดูแลรักษาที่ดีและถูกวิธี
1. เครื่องเรือนที่ทำด้วยไม้ต้องไม่วางใกล้แหล่งความร้อนหรือในที่ที่มี อุณหภูมิสูง
2. ไม่วางบนพื้นที่เปียกชื้น และไม่ควรให้ถูกแสงแดด แสงจากดวงโคมหรือแสงสปอตไลท์โดยตรง
3. ควรระวังรักษาไม่ให้เกิดรอยขีดข่วนบนเนื้อไม้ และระวังไม่ให้มีน้ำหยดลงบนเนื้อไม้เพราะสิ่งต่างๆเหล่านี้จะทำลายความสวยงามของเนื้อไม้และลายไม้ ทำให้ผิวของไม้ซีดจางลง
4. ศัตรูที่สำคัญของไม้ คือ ปลวกและแมลงต่างๆที่กัดกินเนื้อไม้จึงต้องหมั่นตรวจตราดูแลเสมอเพื่อที่จะช่วยให้สามารถรักษา ความสวยงามตามธรรมชาติและให้ไม้มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
ขอบคุณรูปภาพประกอบจาก
www.sakullandecor.com
www.plywoodthai.com
www.fatihormanurunleri.com
www.cmc.co.th
www.prachacheun.com
www.meidead.lnwshop.com
www.thanop.com
#WAZZADU #WazzaduMaterialEncyclopedia #CollectionMaterialIdea #WoodFlooring #MediumDensityFiberBoard
ผู้เขียนบทความ
โดยเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงกลุ่มผู้ใช้งานต่างๆ ตั้งแต่ สถาปนิก แบรนด์สินค้า ผู้จัดจำหน่าย และผู้ให้บริการต่างๆที่เกี่ยวข้อง ... อ่านเพิ่มเติม