การหยิบนำนิยามที่ "ไร้กาลเวลา" มาถ่ายทอดเป็นงานสถาปัตยกรรมอันทรงเสน่ห์ "VARAVELA"

 

"VARAVELA" เปรียบเสมือนเป็นหญิงสาวที่มีชื่อว่า วาระเวลา โดยมีคาแรคเตอร์เป็นผู้หญิงที่สามารถเปลี่ยนได้หลากหลายสไตล์ ดูเก๋ แต่ก็มีความติดดินแบบมีเสน่ห์ ​

"VARAVELA" (ไร้กาลเวลา) มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Varavela Exclusive Functional hall สถานที่จัดงานแต่งงาน  ถ่ายโฆษณา และถ่ายทำการแสดง ที่มาแรงและกำลังได้รับความนิยมในขณะนี้ เป็นผลงานการออกแบบจาก RAD studios ที่หยิบนำนิยาม"ไร้กาลเวลา "มาถ่ายทอดเป็นงานสถาปัตยกรรมอันทรงเสน่ห์ โดยเปรียบเสมือนหญิงสาวที่มีชื่อว่า วาระเวลา โดยมีคาแรคเตอร์เป็นผู้หญิงที่สามารถเปลี่ยนได้หลากหลายสไตล์ ดูเก๋ แต่ก็มีความติดดินแบบมีเสน่ห์ 

"VARAVELA" การหยิบนำนิยามที่ "ไร้กาลเวลา" มาถ่ายทอดเป็นงานสถาปัตยกรรมอันทรงเสน่ห์

เมื่อคำว่าวาระ (โอกาสพิเศษ) และเวลามารวมกัน จึงได้ออกมาเป็น Timeless ซึ่งได้กลายมาเป็นจุดเด่นอีกอย่างของ วาระเวลา โดยถ่ายทอดผ่านกระบวนการออกแบบอย่างละเอียด ด้วยการออกแบบที่พยายามไม่ให้เกิดความรู้สึกแบ่งแยกระหว่าง outdoor และ indoor โดยภายในอาคารต้องการให้มีความรู้สึกเหมือนอยู่ภายนอกอาคารด้วยการใช้แสงธรรมชาติเข้ามาช่วยสร้างบรรยากาศให้เหมือนอยู่นอกอาคาร เป็นความตั้งใจที่ต้องการให้ผู้ที่มาใช้สถานที่มีความรู้สึกแบบนี้ 

Concept Design ซึ่งนอกจากจะหยิบนำนิยามที่ "ไร้กาลเวลา" มาใช้เล่าขาน Story แล้ว ยังมีแนวคิดขององค์ประกอบทางด้านการออกแบบ ที่มาจากการวางฟังก์ชั่นเพื่อการใช้งานเป็นหลัก จุดแรกเริ่มมาจากการหาสถานที่ที่ถูกใจตอบรับกับการจัดงานแต่งที่สามารถปรับเปลี่ยน Function ได้ตามความต้องการ โดย Varavela มีพื้นที่ทั้งหมด 3 ไร่  สร้างเป็นอาคารหลักพื้นที่ขนาด 300 ตารางเมตร และมีพื้นที่จอดรถจำนวน 120 คัน

 

หัวใจของอาคารมีองค์ประกอบหลัก 3 อย่าง ที่บ่งบอกถึงนิยามคำว่า "ไร้กาลเวลา"

1.บัว : เป็น Element หลักในการนำมาใช้ตกแต่งอาคาร จะเห็นได้ว่าในอดีตและปัจจุบันงานออกแบบและสิ่งก่อสร้างก็ยังคงมีบัวเป็นส่วนประกอบของอาคาร และสำหรับวาระเวลาบัวที่ประดับตกแต่งอาคารนั้นได้เขียนขึ้นมาเองทั้งหมดรับรองว่าไม่มีที่ไหนแน่นอน เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของวาระเวลาที่เดียว

2. อิฐ : เป็นอีกองค์ประกอบหลักในงานก่อสร้างอาคารมาตั้งแต่อดีตและยังคงอยู่ถึงปัจจุบัน โดยนำแพทเทิร์นการก่ออิฐแบบสลับกันมาใช้ทั้งโครงการ วิธีการใช้ไม่ได้มีการเสริมแต่ง แต่จะเน้นการโชว์สัจจะผิวจริงของอิฐเป็นสำคัญ

3. สีเขียว : สีเขียวของธรรมชาติ,ต้นไม้ มีอยู่ทุกยุคทุกสมัยอยู่แล้ว และโดยเฉพาะปัจจุบันนี้พื้นที่สีเขียวเป็นอีกบริบทหนึ่งที่สำคัญที่ทำให้สถานที่นั้นๆสวยงามน่าอยู่และดูมีชีวิตชีวาอีกด้วย

ซึ่งภาพรวมของโครงการสามารถปรับเปลี่ยน Function การใช้งานได้หลากหลาย แมททีเรียลที่ใช้จะเน้นการเปลือยวัสดุโชว์ผิวของแมททีเรียล เช่นการติดกระเบื้องไม่ยาแนว เพื่อโชว์ผิวของกระเบื้องจริงๆ ไม่เชื่อมรอยต่อของบัวผนังฝ้า เป็นต้น

คราวนี้เรามาชม Function ทั้งหมดของอาคารในแต่ละจุดกันบ้างครับ โดยจุดแรกจะเป็น ทางเข้า ซึ่งไม่ได้แบ่งเป็น indoor หรือ outdoor อย่างชัดเจนเมื่อแรกเห็น เป็น Timeless Holdway เพื่อสร้างความรู้สึกให้แขกปรับตัวก่อนเข้าไปภายใน

ห้องโหมโรง "The Overture"

เมื่อเราเดินผ่านทางเข้ามาตามทางเดินจะพบห้องที่ชื่อว่า The Overture หรือ ห้องโหมโรง จัดเป็นบริเวณ ลงชื่อเข้างาน ถ่ายรูป มีผนังกระจกหนึ่งด้านเพื่อให้แสงธรรมชาติเข้ามายังภายในห้อง อีกอย่างคือเพื่อต้องการให้คนภายนอกมองเห็นข้างในงาน (เป็นทั้งกุศโลบายว่า คนภายนอกที่มองเข้ามาจะได้รู้ว่าเป็นงานของใคร มาไม่ผิดงานนะ) พอถ่ายรูปเสร็จแล้วสามารถเดินทะลุสวนตรงกลางไปได้เลย (ห้องนี้ปูด้วยกระเบื้อง Cotto italia ลายไม้ปูสลับกัน)

ห้องต่อมาคือ โถงกึ่งกลางแจ้ง Duet Patio เป็นห้องที่อยู่ตรงกลางสองฝั่ง พื้นปูด้วยหญ้าเทียมจัดเป็นสวน ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ภายนอกอาคารออกแบบให้มีลมธรรมชาติด้วยการใช้พัดลมช่วย โดยจะมีพัดลมและลำโพงซ่อนอยู่ทุกจุด สามารถคอนโทรลเสียงของลำโพงได้ ใช้เป็นบริเวณให้บ่าวสาวเดินเปิดตัวเข้างาน  หรือจัดพื้นที่นั่งพื้นแบบเรียบง่ายสำหรับแขกก็ได้

โถงกึ่งกลางแจ้ง "Duet Patio"

 Hall (Varavela Chamber) มีแรงบันดาลใจมาจากถนนเส้นหนึ่งในเยอรมันชื่อ บอนน์ สตรีท (ถนนเชอรี่บลอสซัมสุดโรแมนติก ณ เยอรมัน)ในฮอลล์นี้จะมีวัสดุซับเสียง ใช้กระเบื้องโปร่งแสงทำให้ช่วงกลางวันใช้แสงธรรมชาติทั้งหมดโดยไม่ต้องเปิดไฟเลย ทั้งยังให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ภายนอกอาคารในฮอลล์นี้จะมีวัสดุซับเสียง ใช้กระเบื้องโปร่งแสงทำให้ช่วงกลางวันใช้แสงธรรมชาติทั้งหมดโดยไม่ต้องเปิดไฟเลย ทั้งยังให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ภายนอกอาคาร

 

Hall (Varavela Chamber)

บริเวณซุ้มที่เป็นอาร์ชโค้งทำมาจากอิฐจริง โดยมีการผ่าครึ่งอิฐก่อนที่จะนำมาก่อผนังเพื่อลดน้ำหนักของอิฐจริงลง ทั้งนี้ภายในฮอลล์ยังมีโครงฝ้าเพดานที่เตรียมไว้สำหรับตกแต่งและปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นการใช้งานได้ตามรูปแบบที่ชอบ

มาต่อกันที่ Signature Lounge เป็นห้องพิธีการสำหรับรดน้ำสังข์ ,จดทะเบียนสมรส หรือปรับเปลี่ยนเป็นพื้นที่สำหรับงานเลี้ยงช่วงเวลากลางคืนก็ได้ 

ห้องพิธีการ "Signature Lounge" 

ห้องแต่งตัวเจ้าสาว มีการนำแสงจากธรรมชาติเข้ามาช่วยให้แสงสว่าง ภายในห้องประกอบด้วยเค้าเตอร์ทำจากไม้อัดแอชให้สีและลายสวยเป็นธรรมชาติ และเก้าอี้ไม้ที่หมุนได้ นอกจากนี้ยังมีห้องส่งตัวเจ้าสาวที่อยู่ติดๆกัน โดยมีเก้าอี้ตัวสวยตั้งอยู่กลางห้อง ซึ่งช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้กับเจ้าสาวก่อนถึงเวลามงคล

 

ห้องแต่งตัวเจ้าสาว

ห้องน้ำ  เป็นจุดที่มีการตกแต่งเยอะที่สุด ให้ความรู้สึกทั้งภายในและภายนอกอาคาร จุดเด่นอีกจุดคือตัวหลังคา Skylight นอกจากจะให้แสงธรรมชาติเข้ามาเต็มที่แล้ว ยังมีหลอดไฟซ่อนอยู่ใช้เปิดเวลากลางคืนเป็นการเล่นแสงตอนช่วงเวลากลางคืนได้อีกด้วย

หลังคา Skylight ในส่วนของห้องน้ำ

และห้องสุดท้ายเป็นลานเอนกประสงค์ ห้องนี้สามารถจัดเป็นพื้นที่หรือซุ้มลงทะเบียน ,วางขนมหรือเครื่องดื่ม และสามารถเชื่อมไปยังห้อง The Overture ได้

และทั้งหมดนี้ ก็คือการหยิบนำนิยามที่"ไร้กาลเวลา" มาถ่ายทอดเป็นงานสถาปัตยกรรมอันทรงเสน่ห์ ผ่านตัวตนของหญิงสาวที่มีชื่อว่า "วาระเวลา" ได้อย่างมีอรรถรส  

รูปภาพประกอบโดย : wazzadu.com

#Wazzadu #Decorativesocialplatform #VARAVELA #วาระเวลา #RADstudios #ArchitectureDesign #AStoryofanordinarygal #INSPIRESPECTIVE

การศึกษา: จบจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
สาขาสถาปัตยกรรมภายใน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ไลฟ์สไตล์: ชื่นชอบการเดินทาง และหลงไหลในงานสถาปัตยกรรม ...

ไอเดียมาใหม่

บทความที่เกี่ยวข้อง

...

โพลสำรวจ

ถาม-ตอบ

Wazzadu.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานของคุณ