The Fynbos โครงการที่อยู่อาศัยไบโอโฟลิกแห่งแรกของแอฟริกาใจกลางเมืองเคปทาวน์ ( The Fynbos, Africa's first biofoul housing project in the heart of Cape Town )

อาคารมูลค่าโครงการราว 67 ล้านดอลลาร์สหรัฐแห่งนี้ ตั้งอยู่บนถนน Bree ในย่านธุรกิจใจกลางเมืองเคปทาวน์ เป็นอพาร์ตเมนท์ 689 ห้อง สูง 24 ชั้น ที่ห่างจากชายหาด Atlantic Seaboard เพียง 15 นาทีและห่างจากสนามบินนานาชาติ Cape Town เพียง 20 นาที ภายใต้แนวคิดไบโอฟิลิก (Biophilic Design) ออกแบบโดย TwentyEightZeroTwo อาคารนี้น่าสนใจอย่างไร วันนี้ InnivatorX และ Baramizi lap จะพาไปเจาะลึกวิธีการออกแบบของอาคารเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแห่งแรกในแอฟริกาแห่งนี้กันครับ

แนวคิดไบโอฟิลิกคืออะไร? (What is Biophilic Design?)

Biophilic Design คือแนวคิดการออกแบบที่เชื่อมโยงผู้คน เข้ากับธรรมชาติ เพื่อส่งเสริมความเป็นอยู่หรือ Well-being ของผู้อยู่อาศัยให้ดีขึ้นด้วยการเข้าถึงธรรมชาติได้ตลอดเวลา ผ่านการออกแบบที่ให้ธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็นพื้นที่สีเขียว ได้ยินเสียงนกเสียงแมลงหรือสัมผัสกับแสงแดดและลม รวมไปถึงการคำนึงถึงเรื่องของความยั่งยืนเป็นหลัก อยากให้มนุษย์กับธรรมชาติเป็นหนึ่งเดียวกันผูกพันด้านอารมณ์และเชื่อมโยงด้านจิตใจ

ด้วยแนวคิดนี้เองที่โครงการ The Fynbos เลือกใช้ เพราะมีเป้าหมายอยากให้อาคารแห่งนี้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยจะมีคุณสมบัติด้านความยั่งยืน จึงมีการวางแผนโครงการและกำหนดแนวทางการออกแบบหลายอย่างตั้งแต่แรกเริ่ม ซึ่งทำให้อาคารแห่งนี้กำลังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการขอรับใบรับรอง Green Star อย่างเป็นทางการจาก Green Building Council ของแอฟริกาใต้

Key highlight feature building

เจาะลึกเบื้องหลังการออกแบบ The Fynbos (Behind the design)

1. สวนแนวตั้งขนาด 1,200 ตร.ม. (Vertical garden of 1200 sq.m)

การนำเอาธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอาคารตามคอนเซปต์
ไบโอฟิลิกของ Fynbos นั้น สะท้อนให้เห็นผ่านสวนแนวตั้งขนาด 1,200 ตร.ม. ประกอบไปด้วยต้นไม้ 30 ชนิดและไม้พุ่ม 20 ชนิด ล้วนเป็นต้นไม้พื้นเมือง ด้วยความร่วมมือจากทีมนักพฤกษศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคที่นำโดย Donovan Gillman ซึ่งมีประสบการณ์มากกว่า 45 ปีในการปลูกพืชในพื้นที่ที่ยากลำบากทั่วแอฟริกา

2. การออกแบบที่สอดคล้องกับธรรมชาติ

2.1 แผนผังสำหรับการวางต้นไม้ทั่วโครงสร้าง ได้รับแรงบันดาลใจจากภูมิประเทศของ Table Mountain (ภูเขาโต๊ะ เป็นภูเขาที่มีด้านบนสุดหรือยอดเขาราบเรียบดูเหมือนโต๊ะ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองเคปทาวน์ ในประเทศแอฟริกาใต้)

• มีต้นไม้ที่ส่วนฐาน ไม้พุ่มและพืชที่ห้อยลงมาด้านบน
• ภายนอกอาคารก็จะเห็นต้นไม้ปกคลุมอาคารทั้งหลัง 
• ถนนภายในอาคารเองก็มีการเลียนแบบการเจริญเติบโตของรากไม้
• แรงบัลดาลใจน้ำตกแบบวงกลมที่เกิดจากรอยร้าวในหุบเขาหิน

2.2 เทคนิคการออกแบบที่อิงตามบทเรียนจากแบบอย่างระดับนานาชาติและการวิจัยเชิงชีววิทยา 

• ต้นไม้ถูกยึดให้มั่นคงเพื่อต้านทานลมกระโชก
• การออกแบบอาคารคล้าย “บอนไซ” ศิลปะแขนงหนึ่งของญี่ปุ่น เป็นการเพาะต้นไม้ลงในกระถางขนาดเล็กแล้วดูแลอย่างทะนุถนอม โดยเน้นย่อส่วนต้นไม้ใหญ่ในป่าธรรมชาติให้มาอยู่ในกระถางต้นไม้(การจำลอง) เปรียบอาคารเป็นกระถางจำลองของต้นไม้ตามธรรมชาตินั่นเอง
• มีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับลม ที่จะนำมาต่อยอดในการออกแบบ เกิดเป็นรอยแยกของอาคารที่ใช้คลุมต้นไม้เอาไว้ให้ปลอดภัย

3. รายละเอียดทางเทคนิคที่มีส่วนช่วยในเรื่องสวนของอาคาร

• ระบบสวนอันล้ำสมัยที่ออกแบบโดยทีมนักพฤกษศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
• ออกแบบระเบียงยื่นและขั้นบันไดที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งผสานรวมระบบเก็บน้ำฝนอันซับซ้อนเข้าไว้ด้วยกัน  ที่มีส่วนช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้น้ำและลดการใช้น้ำทั่วทั้งอาคาร
• มีการกรองน้ำแบบเจาะจุดและติดตั้งอุปกรณ์ประหยัดน้ำ
• ระบบสำรองน้ำสามชั้นจะทำให้มีน้ำจ่ายอย่างต่อเนื่อง และต้องมีการตรวจสอบการระบายน้ำอย่างใกล้ชิด
• การดูแลต้นไม้โดยระบบน้ำและสารอาหารที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง พร้อมเครื่องสแกนรากอัตโนมัติที่คอยตรวจสอบการเจริญเติบโต 
• นักจัดสวนบินได้ที่จะดูแลการบำรุงรักษาต้นไม้จากภายนอกอาคาร

4. การควบคุมสภาพอากาศและกลยุทธ์การเป็นอาคารสีเขียว

• มีแผงโซลาร์เซลล์ที่บูรณาการอย่างมีกลยุทธ์จะผลิตไฟฟ้าได้สองเท่าของโควตาที่จำเป็นสำหรับพื้นที่ส่วนกลาง ช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล
• มีระบบน้ำอุ่นส่วนกลางช่วยให้ประหยัดต่อขนาดมากกว่า หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องทำน้ำอุ่นแบบแยกเครื่อง
• หน้าต่างบานใหญ่และประตูบานเลื่อนกระจก จะมีกระจกสองชั้นแบบพิเศษ ซึ่งทำหน้าที่ช่วยลดเสียงรวมถึงลดปริมาณพลังงานที่ใช้ในการทำความร้อนในฤดูหนาว
• ต้นไม้ต่าง ๆ เป็นกำแพงกั้นที่ดูดซับได้ดี ซึ่งช่วยลดเสียงรบกวนจากธรรมชาติ ช่วยดูดซับสารเคมีที่เป็นอันตรายและช่วยฟอกอากาศ

InnivatorX และ Baramizi Lap จะพาไปวิเคราะห์และสรุปรูปแบบการพัฒนาโครงการว่ามีความสอดคล้องกับ Maga Trend ในด้าน Experien Design ด้านใดบ้าง 

ข้อมูล Experien Design เป็นวิจัยแนวโน้มการออกแบบประสบการณ์ในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่วิจัยโดย Baramizi Lap ซึ่งมีประเด็นที่สอดคล้องกับแนวคิดการออกแบบของ The Fynbos คือ

ประเด็นแรก Living with nature ผู้อยู่อาศัยคาดหวังการอยู่อาศัยและใช้ชีวิตกับธรรมชาติ

เรียกได้ว่าเป็นแนวคิดแกนหลักของโครงการ ที่เน้นการผสมผสานธรรมชาติเข้ากับสภาพแวดล้อมในเมือง ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูเมืองได้ เพราะเป็นที่อยู่อาศัยแนวสูงลดความหนาแน่นของเมือง และการมีพื้นที่สีเขียวช่วยลดระดับความเครียดของผู้คนทั้งในอาคารและผู้คนโดยรอบได้อีกด้วย

ถัดมาคือประเด็นเรื่อง Utopia-mind & sustain สังคมอุดมคติเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่เน้นในเรื่องของความยั่งยืน(Sustainability)

เพราะ Climate Change กลายเป็นประเด็นที่ทั่วโลกให้ความสนใจในปัจจุบัน และยังทวีความรุนแรงส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์มากขึ้นเรื่อย ๆ อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์เองก็มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการใช้พลังงานจำนวนมาก ดังนั้นแนวโน้มในอนาคตผู้คนจะหันมาใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น The Fynbos เองก็ได้เล็งเห็นถึงประเด็นปัญหานี้ ได้วางเป้าหมายเพื่อเป็นอาคารไบโอฟิลิกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแห่งแรกของแอฟริกา ออกแบบอาคารให้ยั่งยืนลดการใช้พลังงานให้มากที่สุด และคาดหวังว่าการให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมในวงการอสังหาริมทรัพย์ของThe Fynbos นี้ จะจุดประกายแนวคิดการออกแบบเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนให้เติบโตและมีจำนวนมาขึ้นเหมือนพืชประจำภูมิภาคอย่าง Fynbos นั่นเอง

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------

อ้างอิงข้อมูลโครงการ

https://www.thefynbos.com/

https://propertywheel.co.za/2023/12/construction-begins-on-africas-first-biophilic-building-in-cape-town/

https://www.engineeringnews.co.za/article/r12bn-fynbos-development-set-to-be-africas-first-biophilic-building-2023-08-31

อ้างอิงข้อมูลการวิจัยเทรนด์

Experion Design จากชุดข้อมูลการวิจัยแนวโน้มการออกแบบประสบการณ์สำหรับวงการอสังหาริมทรัพย์ ค้นคว้าและวิจัยโดย ศูนย์วิจัยเทรนด์และคอนเซปต์แห่งอนาคตบารามีซี่แลป