วิวัฒนาการภูมิปัญหาท้องถิ่นที่ช่วยให้บ้านเย็น สู่นวัตกรรมผนังประหยัดพลังงานเพื่อ Green Building

ประเทศไทย เป็นหนึ่งใน 11 ประเทศอาเซียน ที่มีพื้นที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยอยู่ใกล้แนวเส้นศูนย์สูตร มีลักษณะเป็นประเทศเขตร้อน ที่มีอากาศแบบร้อนชื้นเป็นส่วนใหญ่ และบางภูมิภาคก็มีฝนตกชุก ดังนั้นการออกแบบก่อสร้างที่พักอาศัยในอาณาเขตประเทศไทยในอดีต จึงค่อนข้างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ชัดเจนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

ยุคโบราณ

ภูมิปัญญาด้านการสร้างที่พักอาศัยของชาวไทยในอดีต หรือที่เราเรียกว่ะ และตามอัตภาพการดำรงชีพในยุคนั้นๆ โดยมีองค์ประกอบอาคารที่สำคัญ เช่น จันทัน, อกไก่, อเส, ขื่อ, พรึงไม้ ,รอดไม้ ,ราไม้ ,ฝาปะกน ,แปลาน ,ปันลม ,แผงหน้าจั่ว ,ค้ำยัน ,เหงาไม้ ,ค้างคาวไม้ ,สะพานหมู ,ผักมะขามไม้ ฯลฯ

ชาวไทยโบราณในภูมิภาคต่างๆ จะนิยมปลูกสร้างที่พักอาศัยในลักษณะยกใต้ถุนสูงเพื่อถ่ายเทอากาศ ป้องกันน้ำท่วม และเป็นฟังก์ชั่นการใช้งานในร่มแบบเอนกประสงค์ เช่น เลี้ยงสัตว์ ทำหัตถกรรม เก็บของ หรือ เป็นพื้นที่พักผ่อนในช่วงกลางวัน  

นอกจากนี้ยังออกแบบให้จั่วสูงเพื่อช่วยในการระบายความร้อน และความอับชื้น ทำให้อากาศหมุนเวียนถ่ายเทได้ดี อีกทั้งยังระบายน้ำฝนได้ดีอีกด้วยในฤดูมรสุม

บ้านพักของชาวบ้านทั่วไปจะเน้นไปที่ฟังก์ชั่นการใช้งานเป็นหลัก จะไม่ได้เน้นในเรื่องความงดงามมากนัก โดยมักนิยมใช้วัสดุก่อสร้างตามธรรมชาติที่หาได้ง่ายในท้องถิ่น 

ในขณะที่พักอาศัยของระดับเจ้าขุนมูลนาย พ่อค้า หรือ ผู้มียศศักดิ์ จะมีการตกแต่งที่สวยงามประณีตมากขึ้น โดยได้รับอิทธิพลด้านสถาปัตยกรรมจากเปอร์เซียและยุโรป วัสดุที่นิยมใช้จะเป็นไม้เนื้อแข็ง การก่ออิฐถือปูน และของประดับตกแต่งชั้นดี ที่บางชิ้นได้จากเรือสำเภาสินค้าจากต่างประเทศที่ได้เข้ามาทำการค้า ทั้งในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลางและตอนปลาย รวมไปถึงยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น

ยุคสถาปัตยกรรมสมัยใหม่เฟื่องฟูในไทย

ยุคนี้เริ่มมีการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมไทยเข้ากับสถาปัตยกรรมตะวันตกมากขึ้น โดยเฉพาะอิทธิพลโมเดิร์นที่ได้แพร่กระจายในไทยอย่างแพร่หลาย ที่สำคัญเริ่มมีการประยุกต์นำตำราทฤษฏีการออกแบบทางสถาปัตยกรรมมาใช้อย่างเป็นจริงเป็นจังมากขึ้น ดังเช่น

การวางตำแหน่งอาคารให้สัมพันธ์กับทิศทางแดดและกระแสลม

เพราะอาคารจะต้องอยู่คู่กับเราไปอีกหลายสิบปี ฉะนั้นควรวางแผนในการออกแบบให้ดีเพื่อให้เกิดสภาวะน่าสบายตลอดอายุการใช้งานของตัวอาคาร

  • ทิศตะวันตก และทิศใต้ จะได้รับผลกระทบจากแสงแดดที่รุนแรงเป็นเวลา 8-9 เดือนต่อปี เพราะมุมของแสงแดดที่ส่องนั้นเป็นมุมต่ำที่สามารถเข้าสู่อาคารได้ง่าย เพราะฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงการสร้างอาคารที่หันไปในทิศตะวันตก และทิศใต้  โดยออกแบบให้พื้นที่ในทิศดังกล่าวเป็นส่วนหลังบ้าน ,ห้องเก็บของ ,ห้องน้ำ ,โถงบันได ,ห้องครัว ,ที่จอดรถ หรือ พื้นที่ซักล้าง 
  • ทิศเหนือ และทิศตะวันออก จะเป็นทิศที่ได้รับลมมากที่สุด และโดนแสงแดดน้อยที่สุดตามลำดับ จึงเหมาะที่ออกแบบให้พื้นที่ในทิศดังกล่าวเป็นฟังก์ชั่นการใช้งานที่ต้องใช้เวลาอาศัยอยู่เกือบทั้งวัน หรือ เป็นฟังก์ชั่นการใช้งานที่ต้องการความผ่อนคลาย เช่น ห้องนอน ,ห้องนั่งเล่น หรือ ส่วนรับประทานอาหาร

การเจาะช่องเปิดในทิศที่เหมาะสม

ทิศที่ควรหลีกเลี่ยงการเจาะช่องเปิด หรือ ช่องหน้าต่าง

  • ในทิศใต้ และทิศตะวันตก สามารถมีหน้าต่าง หรือ ช่องเปิด ไม่ควรเกิน 20% ของพื้นที่ระนาบผนังทั้งหมด
  • ในด้านทิศใต้ และทิศตะวันตก จะเป็นด้านที่ได้รับผลกระทบจากความร้อนและแสงจ้าค่อนข้างมาก ฉะนั้นการออกแบบตำแหน่งของหน้าต่าง หรือ ช่องเปิดภายในอาคารควรหลีกเลี่ยงการติดตั้งในทิศตะวันออกให้มากที่สุด

ทิศที่สามารถเจาะช่องเปิด หรือ ช่องหน้าต่าง ได้อย่างเหมาะสม

  • ในทิศเหนือ และทิศตะวันออก สามารถมีหน้าต่าง หรือ ช่องเปิด ได้ตั้งแต่ 50-75% ของพื้นที่ระนาบผนังทั้งหมด 
  • การติดตั้งหน้าต่างช่องเปิดควรติดตั้งในทิศตะวันออก และทิศเหนือ  โดยออกแบบให้หน้าต่าง หรือช่องเปิดที่มีขนาดเท่ากันอยู่ตรงข้ามกันเพื่อให้ลมพัดผ่านถ่ายเทได้ตลอดเวลา ซึ่งช่วยให้บรรยากาศภายในห้องมีความปลอดโปร่ง ให้ความสว่างที่เหมาะสม และไม่ก่อให้เกิดการสะสมเชื้อโรคจากความอับทึบ

การสร้างร่มเงา

  • ปลูกต้นไม้ในบริเวณบ้าน ต้นไม้สามารถช่วยสร้างร่มเงาเพื่อบังแดด และยังช่วยลดความร้อนที่จะเข้าสู่อาคารได้โดยเฉพาะในทิศใต้ และทิศตะวันตก แต่ทว่าในการปลูกต้นไม้ใหญ่ ควรเว้นระยะจากตัวอาคารไม่น้อยกว่า 5 เมตร เพราะว่ารากไม้นั้นสามารถสร้างความเสียหายกับโครงสร้างของอาคารได้
  • ทำระแนง หรือ กันสาด เพื่อกรองแสงให้กับหน้าต่างกระจก หรือช่องเปิดโดยระแนง หรือ กันสาดในระนาบแนวนอนจะเหมาะสมกับหน้าต่าง ที่อยู่ทางทิศเหนือ และทิศใต้ เพราะสามารถบังแสงอาทิตย์ในช่วงเที่ยงและช่วง บ่ายได้ ส่วนกันสาดในระนาบแนวตั้งเหมาะสมกับหน้าต่าง หรือช่องเปิดที่อยู่ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก

ยุคสถาปัตยกรรมเพื่อความยั่งยืน

เป็นยุคที่วงการสถาปัตยกรรมและการก่อสร้างของไทยเริ่มตระหนักในด้านการใช้พลังงาน และให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ในด้านการออกแบบสถาปัตยกรรมก็จะมีมาตรฐานที่เป็นข้อกำหนด ที่ถูกนำมาใช้ประเมินมาตรฐานอาคารประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นระบบอาคารเขียวที่ถูกนำมาใช้ทั่วโลก รวมถึงใช้เฉพาะในประเทศไทย เช่น LEED certification, TREES ฯลฯ

ในด้านการพัฒนาวัสดุ ผู้พัฒนาวัสดุเพื่องานก่อสร้างและตกแต่งในไทย ก็ได้มีการพัฒนาคุณสมบัติของตัววัสดุให้สามารถช่วยประหยัดพลังงาน ไม่มีสารตกค้าง มีส่วนผสม และมีกระบวนการผลิตที่คำนึงต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

เช่นเดียวกับ อิฐมวลเบา Smartblock G4 จากแบรนด์ Smartblock ที่ได้รับการพัฒนาให้เป็นนวัตกรรมวัสดุผนังประหยัดพลังงานเพื่อสำหรับ Green Building โดยเฉพาะ ซึ่งจะสามารถช่วยให้อาคารประหยัดพลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ (Eco & Energy Saving) โดยมีคุณสมบัติสำคัญ คือ

  • มีคุณสมบัติเป็นฉนวน จึงช่วยป้องกันความร้อนจากภายนอกก่อนที่จะเข้าสู่ภายในอาคารได้เป็นอย่างดี 
  • สามารถป้องกันความร้อนจากภายนอกได้มากกว่าผนังที่ก่อด้วยอิฐมอญ 4-8 เท่า
  • มีค่าการนำความร้อน และค่าการถ่ายเทความร้อนรวมที่ต่ำ จึงทำให้สามารถระบายความร้อนได้ดี ไม่สะสมความร้อน
  • ช่วยรักษาสมดุลอุณหภูมิภายในอาคาร จึงทำให้พื้นที่ภายในอาคารมีสภาวะน่าสบาย ไม่อบอ้าว ช่วยลดการใช้เครื่องปรับอากาศ
  • ผ่านมาตรฐานการทดสอบ ASTM C177-04

นอกจากจะช่วยป้องกันความร้อนแล้ว อิฐมวลเบา Smartblock G4 ยังช่วยป้องกันเสียงรบกวนได้อีกด้วย เนื่องจากผลิตโดยผ่านกระบวนการอบไอน้ำที่มีการควบคุมอุณหภูมิ และความดันอย่างเหมาะสม (Autoclaved) จึงทำให้รูพรุนที่เกิดขึ้นในมวลโครงสร้างของอิฐมวลเบา มีคุณสมบัติเป็นเสมือนฉนวนป้องกันความร้อน และเสียงรบกวนจากภายนอก จึงช่วยลดทอนความดังของเสียงจากภายนอกอาคาร และภายในระหว่างห้องได้เป็นอย่างดี

อีกทั้งยังผ่านเกณฑ์รับรอง และได้รับการติดฉลากเบอร์ 5 ประหยัดพลังงานประสิทธิภาพสูง ในกลุ่มวัสดุอิฐมวลเบา จากกรมพัฒนาพลังงานทดแทน และอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กระทรวงพลังงาน เพื่อแสดงให้เห็นว่า อิฐมวลเบา Smartblock G4 เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐาน ช่วยส่งเสริมสิ่งแวดล้อมที่ดีในการอยู่อาศัย และช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน

ข้อมูลวัสดุศาสตร์อื่นๆ ที่น่าสนใจ

แพลตฟอร์ม และเครื่องมือสำหรับการออกแบบตกแต่งบ้าน และงานสถาปัตยกรรม
โดยเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงกลุ่มผู้ใช้งานต่างๆ ตั้งแต่ สถาปนิก แบรนด์สินค้า ผู้จัดจำหน่าย และผู้ให้บริการต่างๆที่เกี่ยวข้อง ...

บทความอื่นๆ จากผู้เขียน

โพสต์เมื่อ

การออกแบบ และเลือกใช้วัสดุ
หน้าต่างในงานสถาปัตยกรรม (Window type in architecture)

ไอเดียมาใหม่

บทความที่เกี่ยวข้อง

...

โพลสำรวจ

ถาม-ตอบ

Wazzadu.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานของคุณ