ระบบดับเพลิงภายในอาคารที่นิยมใช้งานในปัจจุบันมีกี่รูปแบบ และพื้นที่เสี่ยงในการเกิดอัคคีภัยแบ่งออกได้กี่รูปแบบ
ระบบดับเพลิง และป้องกันอัคคีภัยภายในอาคาร (Fire Protection System) ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ออกแบบ และเจ้าของอาคารควรคำนึงถึงเป็นอันดับแรกๆ เมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ การส่งสัญญาณเตือนภัย และการทำงานของระบบควบคุมเพลิงภายในอาคาร ล้วนมีบทบาทสำคัญที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งานภายในอาคาร และตัวอาคารได้ ดังนี้
- ในกรณีเพลิงไหม้ในระดับความรุนแรงเล็กน้อย-ปานกลาง ระบบดับเพลิงและป้องกันอัคคีภัยภายในอาคารที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยหยุดเหตุการณ์เพลิงใหม้ให้สงบลงได้
- ในกรณีเพลิงไหม้ระดับรุนแรงสูงสุด ระบบดับเพลิงและป้องกันอัคคีภัยภายในอาคารที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยทุเลาความรุนแรง และประวิงเวลาเพื่อเพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้กับผู้ที่ติดอยู่ในอาคารได้
- ระบบดับเพลิงและป้องกันอัคคีภัยภายในอาคารที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยควบคุมพื้นที่การลุกลามของเปลวไฟไม่ให้ลามไปจุดอื่นๆ ของอาคาร ทำให้ความเสียหาย และความรุนแรงไม่กระจายลุกลามในวงกว้าง
- ระบบหัวกระจายนํ้าดับเพลิงอัตโนมัติที่ถูกออกแบบอย่างถูกต้องตามหลักวิศวกรรม จะให้ความรวดเร็วในการดับไฟ ทำให้ควบคุมเพลิงได้ทันท่วงที โดยเฉพาะในพื้นที่ ที่นักผจญเพลิง และรถดับเพลิงเข้าถึงได้ยาก หรือ ต้องใช้เวลานานกว่าจะไปถึงจุดที่เกิดเพลิงไหม้ลุกลาม
ในปัจจุบันระบบดับเพลิงและป้องกันอัคคีภัยภายในอาคารที่นิยมใช้งานอย่างแพร่หลายในระดับสากลมี 2 รูปแบบหลักๆ ได้แก่
- ระบบท่อยืน และตู้หัวฉีดดับเพลิง
- ระบบหัวกระจายนํ้าดับเพลิง
ระบบท่อยืน และตู้หัวฉีดดับเพลิง
แบ่งออกได้ 2 รูปแบบ คือ
- ระบบท่อเปียกโดยอัตโนมัติ (Automatic wet) เป็นระบบท่อยื่นซึ่งต่อกับแหล่งจ่ายน้ำ และสามารถจ่ายน้ำได้อัตโนมัติ โดยมีความดันและปริมาณการไหลของน้ำอย่างมีประสิทธิภาพตามความต้องการของระบบ
- ระบบท่อเปียกควบคุมด้วยมือ (Manual wet) เป็นระบบท่อยืนที่ต่อกับแหล่งจ่ายน้ำประปาในอาคาร เช่น ระบบน้ำใช้ โดยมีความมุ่งหมายให้มีน้ำอยู่ในระบบท่อเท่านั้น ซึ่งแหล่งจ่ายน้ำในลักษณะนี้ไม่สามารถให้ความดันและปริมาณการไหลของน้ำเพียงพออย่างมีประสิทธิภาพตามความต้องการของระบบ เมื่อเกิดเพลิงไหม้ระบบท่อนี้จะสามารถรับน้ำจากแหล่งน้ำภายนอกได้ เช่น เครื่องสูบน้ำดับเพลิงของรถดับเพลิง ซึ่งจะจ่ายน้ำเข้าสู่ระบบเพื่อให้ความดัน และปริมาณการไหลของน้ำตามความต้องการของระบบได้
*** ห้ามไม่ให้ใช้ระบบท่อเปียกควบคุมด้วยมือกับอาคารสูง
หลักเกณฑ์การเลือกใช้วัสดุท่อนํ้าในระบบท่อยืน และตู้หัวฉีดดับเพลิง จะต้องเป็นท่อเหล็กผิวเรียบ ทาสีแดง ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 33 ซึ่งจะต้องเป็นท่อที่ได้มาตรฐาน ASTM, JIS และ BS เท่านั้น
ระบบหัวกระจายนํ้าดับเพลิง
แบ่งออกได้ 2 รูปแบบ คือ
- ระบบท่อเปียก (Wet pipe system) เป็นระบบที่นิยมใช้มากในอาคารทั่วไป เหมาะสมที่จะติดตั้งทั่วทุกพื้นที่ภายในอาคาร เพราะระบบจะมีน้ำอยู่ในเส้นท่อตลอดเวลา เมื่อใดที่เกิดเพลิงไหม้หัวกระจายน้ำดับเพลิงที่ติดตั้งอยู่เหนือบริเวณนั้นจะแตกและฉีดน้ำออกมาดับเพลิงทันที
- ระบบท่อแห้ง (Dry pipe system) เป็นระบบที่เหมาะสำหรับใช้งานในพื้นที่ ที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง ไม่ต้องการให้มีน้ำภายในระบบท่อตลอดเวลา เพราะอาจเกิดการแข็งตัวของน้ำในระบบ เช่น พื้นที่แช่เย็น (Refrigerated Area), ห้องเย็น (Cold Storage) เป็นต้น
หลักเกณฑ์การเลือกใช้วัสดุท่อนํ้าในระบบท่อยืน และตู้หัวฉีดดับเพลิง จะต้องเป็นท่อเหล็กผิวเรียบ ทาสีแดง ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 33 ซึ่งจะต้องเป็นท่อที่ได้มาตรฐาน ASTM, JIS และ BS เท่านั้น
นอกจากนี้ยังได้มีการแบ่งหลักเกณฑ์สำหรับการพิจารณาประเภทพื้นท่ี ท่ีมีอันตรายน้อยไปยังอันตรายมาก เพื่อพิจารณาความเสี่ยงในการเกิดอัคคีภัย ซึ่งจะช่วยให้การออกแบบและคํานวณมีความปลอดภัยต่อการใช้งานออกได้ 3 รูปแบบหลักๆดังนี้
พื้นที่อันตรายน้อย (Light hazard occupancies)
ได้แก่ที่พักอาศัย ,สํานักงานท่ัวไป ,ภัตตาคาร(ส่วนรับประทานอาหาร), โรงภาพยนตร์ และศูนย์การประชุม (ไม่รวมเวที และเวทีหลังม่าน), วัด, สถานศึกษา, สถาบันต่างๆ, โรงพยาบาล, ห้องสมุด (ยกเว้นห้องสมุดท่ีมีชั้นวางหนังสือขนาดใหญ่) และพิพิธภัณฑ์
พื้นที่อันตรายปานกลาง (Ordinary hazard occupancies) แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ
- ประกอบด้วย ที่จอดรถยนต์ และห้องแสดงรถยนต์, โรงงานผลิตอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์, โรงงานผลิตเครื่องดื่ม, ร้านทําขนมปัง, ร้านซักผ้า, โรงงานผลิตอาหารกระป๋อง, โรงงานผลิตแก้ว, ภัตตาคาร (ส่วนบริการ) และโรงงานผลิตเครื่องบริโภคประจําวัน
- ประกอบด้วย โรงงานผลิตสินค้าที่ทําจากหนังสัตว์, โรงงานผลิตลูกกวาด, โรงงานผลิตสิ่งทอ, โรงงานยาสูบ, โรงงานประกอบผลิตภัณฑ์ไม้, โรงพิมพ์และสิ่งพิมพ์โฆษณา, โรงงานที่ใช้สารเคมี, โรงสีข้าว, โรงกลึง, โรงงานประกอบผลิตภัณฑ์โลหะ, โรงต้มกลั่น, อู่ซ่อมรถยนต์, โรงงานผลิตยางรถยนต์, โรงงานแปรรูปไม้ด้วยเครื่อง, โรงงานกระดาษและผลิตเยื่อกระดาษ, โรงงานผลิตภัณฑ์กระดาษ, ร้านค้า, ท่าเรือ, โรงงานผลิตอาหารสัตว์, เวทีแสดง, ที่ทําการไปรษณีย์, ห้องสมุด (มีชั้นเก็บหนังสือขนาดใหญ่) และร้านซักแห้ง
พื้นที่อันตรายมาก (Extra hazard occupancies) แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ
- พื้นที่กลุ่มน้ีจะมีลักษณะการใช้งานท่ีเกี่ยวข้องกับ ของเหลวติดไฟ (Combustible liquid) หรือของเหลวไวไฟ (Flammable liquid) ในปริมาณไม่มาก ได้แก่ โรงเก็บและซ่อมเครื่องบิน, โรงงานผลิตไม้อัดและไม้แผ่น, โรงพิมพ์ (ใช้หมึกพิมพ์ที่มีจุดวาบไฟตํ่ากว่า 37.9 °C), อุตสาหกรรมยาง, โรงเลื่อย, โรงงานสิ่งทอรวมท้ังโรงฟอก ย้อม ปั่นฝ้าย เส้นใย สังเคราะห์ และฟอกขนสัตว์ และโรงทําเฟอร์นิเจอร์ด้วยโฟม
- พื้นที่กลุ่มนี้จะมีลักษณะการใช้งานที่เก่ียวข้องกับของเหลวติดไฟ (Combustible liquid) หรือของเหลวไวไฟ (Flammable liquid) ปริมาณมากๆ ได้แก่ โรงงานผลิตยางมะตอย, โรงพ่นสี, โรงกลั่นน้ํามัน, โรงงานผลิตนํ้ามันเครื่อง, โรงชุบโลหะที่ใช้นํ้ามัน, อุตสาหกรรมพลาสติก, พื้นที่ล้างโลหะด้วยสารละลาย หรือ การเคลือบสีด้วยการจุ่ม
ตัวอย่างการติดตั้งใช้งานท่อดับเพลิงมาตรฐาน ASTM ในอาคารสาธารณะ
สำหรับท่านที่สนใจท่อเหล็กที่ใช้ในงานระบบดับเพลิงภายในอาคาร
สามารถสอบถามข้อมูล และติดต่อแบรนด์ได้ที่ Cotco Call Center 02-285-2700
Website : www.cotcometalworks.co.th ,FB Page : Cotco Metal Works Ltd.
ผู้เขียนบทความ
ผู้ผลิตท่อเหล็ก เหล็กรูปพรรณขึ้นรูปเย็น และศูนย์บริการเหล็ก ... อ่านเพิ่มเติม