หลักการออกแบบห้องครัวพื้นที่จำกัด
หลักการออกแบบห้องครัว (Kitchen Design) คือ
การออกแบบวางผังพื้นที่ปรุงอาหาร (ครัว) ในภาพรวม ให้มีความเหมาะสมสัมพันธ์กับรูปแบบการใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพ ถูกต้องตามหลักสุขลักษณะ ให้ความสะดวกสบาย ให้ความปลอดภัยในการใช้งาน และช่วยยกระดับสุขอนามัยที่ดี หรือ คุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ผู้อยู่อาศัย หรือ ผู้ใช้งาน และถึงแม้ห้องครัวจะมีพื้นที่จำกัด ก็สามารถจัดสัดส่วนการออกแบบให้ได้พื้นที่การใช้งานที่คุ้มค่าได้ จะมีรายละเอียดที่น่าสนใจอย่างไร ติดตามในบทความนี้ได้เลยครับ...
ห้องครัวพื้นที่จำกัด จัดเป็นรูปแบบใดได้บ้าง ?
การจัดวางผังครัวแบบ I หรือ I-Shaped Kitchen
เหมาะกับพื้นที่ขนาดเล็ก 3-5 ตร.ม. ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นห้องในอาคารชุด เช่น อพาร์เม้นท์ คอนโดมิเนียม หรือ ทาวน์เฮ้าส์ พื้นที่ครัวลักษณะนี้มักจะมีพื้นที่ทั้ง 3 โซน อยู่ในแถวเดียวกัน โดยออกแบบเรียงลำดับพื้นที่ใช้งานจากซ้ายไปขวา เริ่มจากพื้นที่สำหรับเก็บของ ทั้งของสดและของแห้ง (Zone 1) พื้นที่สำหรับล้าง และทำความสะอาด (Zone 2) พื้นที่สำหรับเตรียมของ และปรุงอาหาร (Zone 3) ตามลำดับ
การจัดวางผังครัวแบบ L หรือ L-Shaped Kitchen
เหมาะกับพื้นที่ตั้งแต่ 6 ตร.ม. ขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็นห้องชุดคอนโดมิเนียมที่มีขนาดใหญ่ หรือ บ้านพักอาศัยทั่วไป แต่การจัดผังครัวในลักษณะนี้มักไม่มีรูปแบบการวางฟังก์ชั่นที่ตายตัว 100% ดังนั้นการจะจัดวางตำแหน่งฟังก์ชั่นใดๆ จะขึ้นอยู่กับการพิจารณาจากตำแหน่งพื้นที่ตั้ง จำนวนช่องเปิด และบริบทสภาพแวดล้อมเป็นหลัก
แต่ส่วนใหญ่โดยทั่วไปแล้วมักจะจัดให้พื้นที่สำหรับเก็บของ ทั้งของสดและของแห้ง (Zone 1) และพื้นที่สำหรับล้าง และทำความสะอาด (Zone 2) อยู่เคาน์เตอร์ด้านที่มีความยาวมากที่สุด และมักจัดวางในบริเวณใกล้เคียงกัน โดยในส่วนพื้นที่สำหรับเตรียมของ และปรุงอาหาร (Zone 3) จะจัดวางอยู่ในบริเวณเคาน์เตอร์ด้านที่มีความยาวสั้นกว่า ซึ่งการจัดวางฟังก์ชั่นต่างๆในลักษณะนี้ลักษณะพื้นที่ห้องมักจะมีช่องเปิดอย่างน้อย 2 จุด
การจัดวางผังครัวแบบเส้น 2 ด้าน หรือ Gallery Kitchen
เป็นการจัดวางผังครัวที่เหมาะกับพื้นที่ขนาด 9 ตร.ม. ขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็นบ้านพักอาศัย หรือ อาคารสาธารณะ เช่น ครัวโรงแรม หรือ ครัวในร้านอาหาร
การจัดวางผังครัวในลักษณะนี้จะมีลักษณะคล้ายกับผังแบบ U หรือ U-Shaped Kitchen เพียงแต่จะไม่มีเคาน์เตอร์ด้านสั้นมาเชื่อมให้เป็นตัว U เท่านั้น ซึ่งจะจัดวางพื้นที่สำหรับเก็บของ ทั้งของสดและของแห้ง (Zone 1) และพื้นที่สำหรับเตรียมของ และปรุงอาหาร (Zone 3) ให้อยู่ตรงข้ามกัน
และจัดวางพื้นที่สำหรับล้าง และทำความสะอาด (Zone 2) และพื้นที่สำหรับเตรียมของ และปรุงอาหาร (Zone 3) ให้อยู่ในฝั่งเดียวกัน โดยพื้นที่ตรงกลางจะมีความกว้างตั้งแต่ 90 ซม. ขึ้นไป ซึ่งเป็นความกว้างที่สามารถเดิน หมุนตัว หรือ กลับตัวทั้งด้านหน้า และหลังในระหว่างปรุงอาหารได้อย่างสะดวก และไม่เป็นอันตราย
ทริคการออกแบบเคาน์เตอร์ครัวให้พอดีกับสัดส่วนของสรีระ
ใช้วิธีการคำนวนโดยนำส่วนสูงของผู้ใช้งานมาเป็นหลักในการหาขนาดความสูงของเคาน์เตอร์ครัวที่พอดีกับสรีระ โดยสูตรการคำนวนคือ ส่วนสูงหาญด้วย 2 และบวก 5 เซนติเมตร เช่น 160÷2+5 = 85 ดังนั้น ผู้ที่มีส่วนสูง 160 เซนติเมตร เหมาะกับการเลือกใช้เคาน์เตอร์ที่มีความสูงประมาณ 85 เซนติเมตร จะเป็นความสูงที่พอดีในการใช้งาน ทำให้ไม่ต้องโค้งตัวจนเกินไป หรือสูงจนทำครัวไม่ถนัด
ลักษณะพื้นที่ใช้สอยแบบต่างๆ ของห้องครัว (Function Zoning)
สามารถแบ่งออกได้ 3 Zone ดังนี้
Zone 1 : พื้นที่สำหรับเก็บของ ทั้งของสดและของแห้ง
องค์ประกอบหลักของพื้นที่ส่วนนี้ คือ ที่เก็บวัตถุดิบทั้งแบบสด และแบบแห้ง ประกอบด้วย
- ตู้ และชั้นลอย (สำหรับเก็บของแห้ง)
- ตู้เย็น (สำหรับเก็บของสด) ควรจัดวางห่างจากผนังอย่างน้อย 15 ซม. เพื่อให้ตู้เย็นมีพื้นที่รอบๆสำหรับระบายความร้อนได้อย่างเหมาะสม ในด้านรูปแบบส่วนใหญ่แล้วตู้เย็นจะมีตั้งแต่แบบ 1 ประตู 2 ประตู และ 3 ประตู โดยมีลักษณะการเปิดที่แบ่งได้ดังนี้ เปิดจากด้านซ้าย (นิยมเป็นส่วนใหญ่) เปิดจากด้านขวา (นิยมเป็นส่วนน้อย) และบานเปิดคู่ (ส่วนใหญ่ใช้กับครัวขนาดใหญ่)
ในการออกแบบพื้นที่ส่วนนี้ ควรจัดให้อยู่ใกล้กับบริเวณทางเข้าห้องครัวมากที่สุด และเพื่อความสะดวกในการหยิบจับใช้สอยได้ง่าย จึงควรแยกชนิดวัตถุดิบต่างๆ อย่างชัดเจน
Zone 2 : พื้นที่สำหรับล้าง และทำความสะอาด
องค์ประกอบหลักของพื้นที่ส่วนนี้ คือ ซิงค์ล้างจาน และที่พักจาน ในการออกแบบควรจัดพื้นที่สำหรับล้าง และทำความสะอาดให้อยู้ใกล้กับช่องเปิด หรือ หน้าต่าง สำหรับให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อป้องกันเชื้อรา และกลิ่นเหม็นอับ
นอกจากนี้ควรจัดวางอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับตู้เย็น เพราะจะสะดวกต่อการจัดเตรียมวัตถุดิบ เช่น สามารถนำวัตถุดิบสด เช่น เนื้อ ผักประเภทต่างๆ หรือ ผลไม้ มาล้างทำความสะอาดก่อนปรุงอาหารได้อย่างสะดวก
Zone 3 : พื้นที่สำหรับเตรียมของ และปรุงอาหาร
องค์ประกอบหลักของพื้นที่ส่วนนี้ ประกอบด้วย
- ท็อปครัว (สำหรับเตรียมอาหาร)
- พื้นที่เตาประกอบอาหาร และเครื่องดูดควันสำหรับถ่ายเทอากาศ (สำหรับปรุงอาหาร)
- เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เช่น เครื่องปั่น ตู้อบ หรือ ไมโครเวฟ ฯลฯ (สำหรับปรุงอาหารด้วยกรรมวิธีอื่นๆนอกเหนือจากเตาประกอบอาหาร)
ในการออกแบบพื้นที่ส่วนนี้ควรจัดวางเตาปรุงอาหาร และเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทต่างๆให้อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกันในระยะที่เดินได้ไม่เกิน 1-2 เมตร และไม่ควรมีสิ่งกีดขวาง เพื่อความสะดวก และความปลอดภัยในการใช้งาน
ข้อมูลวัสดุศาสตร์อื่นๆ ที่น่าสนใจ
ผู้เขียนบทความ
โดยเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงกลุ่มผู้ใช้งานต่างๆ ตั้งแต่ สถาปนิก แบรนด์สินค้า ผู้จัดจำหน่าย และผู้ให้บริการต่างๆที่เกี่ยวข้อง ... อ่านเพิ่มเติม