ออกแบบ ตกแต่งสไตล์ "Tropical Countries" ใช้วัสดุอะไรบ้าง?

Tropical Countries สไตล์ที่กำลังสร้างปฏิสัมพันธ์แทรกซึมกับวิถีชีวิตของผู้คนได้อย่างเป็นมิตร และกลมกลืน

ในปัจจุบันเรามักจะเห็นบ้านพักอาศัย รีสอร์ต ร้านอาหาร หรือ ร้านกาแฟ ในต่างจังหวัด หรือ ตามสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ เช่น เขาค้อ ,ภูทับเบิก หรือ เขาใหญ่ มักนิยมตกแต่งในสไตล์ธรรมชาติกันอย่างแพร่หลาย และในอนาคตจะยังคงมีการตกแต่งในรูปแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆตามรสนิยมของผู้คนที่เปลี่ยนไป ซึ่งมีแนวโน้มที่ชัดเจนว่าต้องการสภาวะอันผ่อนคลาย และบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไม Tropical Countries ถึงเป็นสไตล์ที่กำลังสร้างปฏิสัมพันธ์แทรกซึมกับวิถีชีวิตของผู้คนได้อย่างเป็นมิตร และกลมกลืน อีกทั้งยังกำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบันอีกด้วย

องค์ประกอบวัสดุศาสตร์ในสไตล์ "Tropical Countries" มีอะไรบ้าง

งานสถาปัตยกรรมแบบ Tropical Countries คือ สไตล์การตกแต่งที่ผสมผสานระหว่างความย้อนยุค และความเป็นธรรมชาติ จัดเป็นศาสตร์ของการตกแต่งที่มีความสัมพันธ์แทรกซึมเข้ากับบริบทสภาพแวดล้อมธรรมชาติภายนอกทั้งทางตรง และทางอ้อมอย่างกลมกลืน การออกแบบ Space จึงเน้นให้ผู้ใช้งานรับรู้ถึงปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา (เปรียบเสมือนสัจจะการรับรู้ที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติเพียวๆ) ผ่านการ Design ผัง ,ช่องเปิด และการใช้วัสดุที่สัมพันธ์สอดคล้อง และให้กลิ่นอายธรรมชาติทั้งการรับรู้ด้วยการมองเห็น และการสัมผัส โดยองค์ประกอบวัสดุศาสตร์ที่เป็นเสมือนสัญลักษณ์เด่นของสไตล์ "Tropical Countries" ที่น่าสนใจมีดีงนี้

ไม้จริง ทั้งเนื้อแข็ง และเนื้ออ่อน (Natural Wood)

ไม้จริง (ทั้งเนื้อแข็ง และเนื้ออ่อน) ถือ เป็นวัสดุหลัก และวัสดุดั้งเดิมที่ใช้ในการตกแต่งในรูปแบบ Tropical Countries มาช้านาน เนื่องจากอัตลักษณ์ความเป็นตัวตนของไม้จริง ไม่ว่าจะเป็นความโดดเด่นของลายวงปี ผิวสัมผัสลายเสี้ยนไม้ และโทนสีที่ไม่ซ้ำกัน ยากที่จะมีวัสดุอื่นๆมาทดแทนได้อย่างสมบูรณ์ โดยไม้จริงที่นิยมนำมาใช้ตั้งแต่ดั้งเดิมประกอบด้วย

- ไม้สัก จัดเป็นไม้เนื้ออ่อนที่ให้โทนสีเหลือง อมทอง ไปจนถึงสีน้ำตาลเข้ม เฉลี่ยแล้วมีขนาดความหนา 1.2 นิ้ว เหมาะกับการใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ เช่น โต๊ะ ,เก้าอี้ ,เตียงฯลฯ โดยมีราคาประเมิณในท้องตลาด เริ่มต้นที่ 2,000 บาทขึ้นไป

- ไม้มะค่า จัดเป็นไม้เนื้อแข็งปานกลางที่ให้โทนสีน้ำตาลอมส้ม หรือ ออกเหลืองอ่อน โดยแก่นของไม้มะค่าจะมีสีน้ำตาลอมแดง เฉลี่ยแล้วมีขนาดหน้ากว้าง 10-12 นิ้ว เหมาะกับการใช้งานปูพื้น ทำไม้บันได ,ไม้บัว และราวบันได โดยมีราคาประเมิณในท้องตลาด เริ่มต้นที่ 1,500 บาทขึ้นไป

- ไม้เต็ง จัดเป็นไม้เนื้อแข็งที่ให้โทนสีน้ำตาลอ่อน ออกเทา เหมาะกับการใช้ในงานโครงสร้าง เช่น คาน ,ตง ,ระแนง หรือ ไม้โครงหลังคา โดยมีราคาประเมิณในท้องตลาด เริ่มต้นที่ 750 บาท/คิวฟุต ขึ้นไป

ไม้ไผ่ (Bamboo)

ไม้ไผ่ ถือเป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมนำมาใช้ในงานตกแต่งสถาปัตยกรรมแบบ Tropical Countries กันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากเป็นวัสดุธรรมชาติที่สามารถหาได้ง่ายตามท้องถิ่นทั่วทุกภูมิภาค ซึ่งลำต้นมีคุณสมบัติที่แข็งแรง มีความเหนียว มีน้ำหนักเบาเมื่อเทียบกับไม้ประเภทอื่นๆ อีกทั้งยังสามารถดัดโค้งได้ โดยถูกนำมาใช้เป็นโครงสร้างอาคาร ทั้งเสา ,พื้น และ โครงหลังคาในกรณีที่ตัวอาคารมีขนาดไม่ใหญ่นัก และส่วนมากใช้ในการประดับตกแต่งในส่วนต่างๆของอาคาร เช่น ปูพื้น ผนัง ระแนงบังสายตา และเพดาน รวมถึงใช้ทำเฟอร์นิเจอร์บางประเภท นอกจากนี้ยังเป้นวัสดุที่มีราคาถูก โดยมีราคาประเมิณในท้องตลาด เริ่มต้นที่  40 บาท/ลำ ลำนึงมีความยาว  6 เมตร และหน้ากว้าง 2 นิ้ว ขึ้นไป

พื้นไม้ลามิเนต (Laminate Wood Flooring)

จัดเป็นวัสดุทดแทน ที่นิยมนำมาใช้แทนไม้จริงที่หายากมากขึ้น พื้นประเภทนี้กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะความทนทาน สวยงาม และติดตั้งง่าย อีกทั้งยังราคาถูกถ้าเทียบกับพื้นไม้จริง พี้นไม้ลามิเนตมีองค์ประกอบหลายชั้นที่ถูกรวมเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นชิ้นไม้ที่มีความทนทาน ซึ่งแบ่งชั้นไม้ออกได้เป็นสัดส่วนดังนี้

- ผิวหน้าชั้นบนสุดจะเป็นชั้นที่ใช้ป้องกันรอยขูดขีดหรือคราบต่างๆ

- ชั้นตกแต่งที่ทำให้ลามิเนตมีผิวสัมผัส และลวดลายเหมือนไม้จริง

- ชั้นแกนกลางทำมาจาก fiberboard ที่มีความหนาแน่นปานกลางหรือสูง เพื่อใช้รับน้ำหนักและแรงกดจากการเดินไปมา

- ชั้นล่าง ความแข็งแรง และความคงตัวจะเกิดจากชั้นล่างสุดที่ช่วยให้คงรูปร่างได้ไม่โค้งงอ หรือ พังเสียหาย

ปัจจุบันพี้นไม้ลามิเนตมีระบบล๊อกที่เชื่อมต่อระหว่างแผ่นไม้ การเปลี่ยนจากการเชื่อมต่อด้วยกาวมาเป็นการเชื่อมโดยใช้กลไกเล็กๆน้อยๆก็ทำให้การติดตั้งเป็นไปได้อย่างง่ายดาย และรวดเร็ว อีกทั้งยังดูแลรักษาได้ง่าย โดยมีราคาประเมิณในท้องตลาด เกรดธรรมดาเริ่มต้นที่  400 บาท/กล่องขึ้นไป ส่วนเกรดพรีเมี่ยมเริ่มต้นที่  1,500 บาท/กล่อง ขึ้นไป

กระเบื้องปูพื้นเซรามิค​ (Ceramic Tile Flooring)

กระเบื้องปูพื้นเซรามิค​ ทำจากดินเผาที่อบด้วยไฟความร้อนสูง จึงทำให้ตัวกระเบื้องมีความแข็งแรงทนทาน แตก และเป็นรอยได้ยาก ทนทานต่อความร้อน และความชื้น จัดเป็นวัสดุตกแต่งที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน และเป็นวัสดุที่จะช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับการตกแต่งแบบ Tropical Countries ได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะผิวหน้ากระเบื้องที่เป็นลายไม้ หรือ โทนสีธรรมชาติ เช่นสีน้ำตาล สีส้มดิน สีเทา ฯลฯ 

นอกจากนี้ยังมีวิธีการติดตั้งที่สะดวกรวดเร็วที่สุด อีกทั้งช่างก็มีความคุ้นเคยจึงไม่ใช่เรื่องยากในการปูพื้น ซึ่งในปัจจุบันกระเบื้องปูพื้นถูกนำมาพัฒนาให้มีหลากหลายรูปแบบทั้งลวดลาย เนื้อวัสดุ และผิวสัมผัส ที่ใกล้เคียงเสี้ยนไม้จริงมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถทำความสะอาดได้ง่าย มีขนาดให้เลือกอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น 60x60 cm ,30x30 cm 45x45cm หรือ 15x60cm โดยมีราคาประเมิณในท้องตลาด เกรดธรรมดาเริ่มต้นที่  300 บาท/ตารางเมตร ขึ้นไป ส่วนเกรดพรีเมี่ยมเริ่มต้นที่  750 บาท/ตารางเมตร ขึ้นไป

ไม้สังเคราะห์ไฟเบอร์ซีเมนต์ (Wood Fiber Cement)

ไม้สังเคราะห์ไฟเบอร์ซีเมนต์ หรือ ไม้เทียม คือ วัสดุทดแทนไม้จริงที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน โดยสามารถนำมาใช้ในส่วนต่างๆ ของอาคารได้อย่างหลากหลาย เช่น งานทำพื้นไม้เทียม ,ระแนงไม้เทียม ,ไม้มอบ ,ไม้เชิงชาย ,ฝ้า และงานตกแต่งส่วนอื่นๆ ในสไตล์ Tropical Countries

ไม้สังเคราะห์ไฟเบอร์ซีเมนต์ผลิตมาจากปูน ,ทราย และเยื้อไม้โดยผ่านกรรมวิธีอัดแท่ง และอบเพื่อให้ได้ขนาดต่างๆตามการใช้งาน ฉะนั้นไม้สังเคราะห์ไฟเบอร์ซีเมนต์จึงมีคุณสมบัติ ไม่บิดตัว ,ไม่ผุกร่อน ,ปราศจากปลวก มอด และแมลงต่างๆที่มารบกวน นอกจากนี้ยังสามารถติดตั้งได้ง่าย สามารถตัดแต่ง และเจาะสกรูได้เหมือนไม้จริง โดยมีราคาประเมิณในท้องตลาดเริ่มต้นที่  600 บาท/ตารางเมตร ขึ้นไป

ต้นไม้ (Tree)

ต้นไม้ คือ องค์ประกอบที่เป็นหัวใจสำคัญของสไตล์ Tropical Countries เลยก็ว่าได้ ทั้งในการตกแต่งภูมิทัศน์ และการตกแต่งภายใน โดยมีเกณฑ์การเลือกพรรณไม้ดังนี้

- ขนาด และทรงพุ่มกับข้อควรระวัง

การเลือกขนาดทรงพุ่มของต้นไม้ ไม่ควรเลือกพรรณไม้ที่มีการเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว หรือ มีขนาดความสูงที่ใหญ่โตเร็วจนเกินไป เพราะรากจะไม่สามารถยึดเกาะชั้นดินที่มีขนาดจำกัดได้อย่างเต็มที่(ในกรณีที่มีพื้นที่ปลูกจำกัด และบ่อดินตื้น)  จึงมีความเสี่ยงที่จะทำให้ต้นไม้ที่มีขนาดพุ่มที่ใหญ่โตปลิวไปตามแรงลมได้ง่าย และอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ที่อยู่รอบๆอาคาร 

- ขนาดของรากไม้ที่เหมาะสม

ควรเลือกพรรณไม้ที่มีระบบรากเป็นรากฝอยซึ่งมีความแข็งแรงในการยึดเกาะดิน มากกว่าพรรณไม้ระบบรากแก้ว ฉะนั้นการเลือกพรรณไม้ควรเลือกจากการปลูกด้วยกิ่งตอนเป็นส่วนใหญ่ 

- ลักษณะกิ่ง ก้าน ใบ ของพรรณไม้ที่เหมาะสม 

แสงแดด ลม และพายุฤดูมรสุม คือปัจจัยสำคัญที่จะต้องระวังตลอดทั้งปี ฉะนั้นควรเลือกพรรณไม้ที่มีลักษณะใบหนาละเอียด และมีขนาดเล็ก เพื่อป้องกันการพัดกรรโชกของลม ซึ่งลักษณะใบที่หนาละเอียด และมีขนาดเล็ก จะทำให้ใบมีความแข็งแรงไม่ฉีกขาดเมื่อปะทะกับกระแสลมกรรโชก 

- การเลือกพรรณไม้ให้สามารถรับมือกับแดด ลม และพายุฤดูมรสุม  

พรรณไม้ที่เหมาะสมจะนำมาปลูกก็ควรเป็นต้นไม้ที่ทนแดดทนฝน อดน้ำได้ 3-4วัน (กรณีที่เราไม่อยู่จะได้ไม่กังวลว่าต้นไม้จะตายไหมเมื่อขาดน้ำ) ไม่ควรเลือกพรรณไม้ที่มีพุ่มใบแผ่กว้าง หรือ พุ่มมีความหนาแน่น เพราะลักษณะพุ่มที่ใหญ่ และหนาจะกลายเป็นแนวต้านลมกรรโชก ซึ่งอาจจะทำให้ต้นไม้ที่ปลูกไว้โดนลมพัดกระชากจนใบแตกขาดเป็นริ้วๆ  และที่ร้ายแรงกว่านั้นลมอาจจะพัดโยกต้นไปมาจนถอนรากถอนโคนต้นไม้ขึ้นมาได้ ฉะนั้นควรเลือกพรรณไม้ที่มีลักษณะใบหนาละเอียด มีขนาดเล็ก และมีกิ่งก้านที่แข็งแรง ใบร่วงไม่บ่อย ซึ่งช่วยลดปัญหาการเก็บกวาดทำความสะอาดบ่อยๆได้  โดยมีราคาประเมิณในท้องตลาดเริ่มต้นที่หลัก XXX บาท ไปจนถึงหลัก XX,XXX บาท/ต้น ขึ้นไป (ราคาขึ้นอยู่กับขนาดของต้นไม้ซึ่งมีหลายระดับ ตั้งแต่ ไม้ประดับ ,ต้นไม้ขนาดเล็ก ,ต้นไม้ขนาดกลาง และต้นไม้ขนาดใหญ่)

ของตกแต่งประเภทจักสาน (Wooden Basket)

ของตกแต่งประเภทจักสานที่หาได้ในท้องถิ่น ถือเป็นสิ่งที่จะช่วยเติมเต็มบรรยากาศให้สไตล์ Tropical Countries ดูมีเสน่ห์มากขึ้น ซึ่งวัสดุตกแต่งเหล่านี้จะทำมาจากวัตถุดิบที่หาได้จากธรรมชาติ เช่น ไม้ไผ่ หรือ หวาย จึงให้ความรู้สึกที่ย้อนยุคแบบธรรมชาติ และสะท้อนกลิ่นอายความเป็นชนบทได้อย่างตรงไปตรงมา โดยของตกแต่งประเภทจักสานนี้มีราคาประเมิณในท้องตลาดเริ่มต้นที่หลัก XXX บาท/ชิ้น ขึ้นไป (ราคามีหลากหลายตามความยากง่ายของชิ้นงาน)

Wazzadu Academy : ข้อมูลวัสดุศาสตร์ในหมวดอื่นๆที่น่าสนใจ