หลักการออกแบบช่องเปิด หรือ ตำแหน่งหน้าต่างในงานสถาปัตยกรรม เพื่อถ่ายเทอากาศ ให้สภาวะน่าสบาย และช่วยประหยัดการใช้พลังงานภายในอาคาร
หน้าต่าง หรือ ช่องเปิดนั้น ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญในการออกแบบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าหากอาคารหลังนั้นๆได้ออกแบบหน้าต่างช่องเปิดมาอย่างเหมาะสมก็จะทำให้บรรยากาศภายในอาคารมีความสว่างที่พอดี และมีลมถ่ายเท ระบายอากาศได้อย่างปลอดโปร่ง และช่วยประหยัดการใช้พลังงานไฟฟ้าภายในอาคาร แต่ถ้าหากออกแบบหน้าต่าง หรือช่องเปิดผิดไปจากหลักการออกแบบที่เหมาะสม หรือ ไม่มีความสัมพันธ์สอดคล้องกับบริบทการใช้งานของอาคาร ก็จะทำให้มีบรรยากาศที่ไม่ดี ไม่สามารถระบายอากาศได้อย่างสะดวก จึงทำให้รู้สึกอึดอัด และทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายตัวในระหว่างอยู่อาศัย ซึ่งการจะออกแบบช่องเปิดให้สัมพันธ์กับบริบทอาคาร และมีความเหมาะสมลงตัวกับลักษณะการใช้งาน จะมีหลักเกณฑ์ที่ควรคำนึงดังนี้
ทิศที่ควรหลีกเลี่ยงการเจาะช่องเปิด หรือ ช่องหน้าต่าง
- ในทิศใต้ และทิศตะวันตก สามารถมีหน้าต่าง หรือ ช่องเปิด ไม่ควรเกิน 20% ของพื้นที่ระนาบผนังทั้งหมด
ในด้านทิศใต้ และทิศตะวันตก จะเป็นด้านที่ได้รับผลกระทบจากความร้อนและแสงจ้าค่อนข้างมาก ฉะนั้นการออกแบบตำแหน่งของหน้าต่าง หรือ ช่องเปิดภายในอาคารควรหลีกเลี่ยงการติดตั้งในทิศตะวันให้มากที่สุด
ทิศที่สามารถเจาะช่องเปิด หรือ ช่องหน้าต่าง ได้อย่างเหมาะสม
- ในทิศเหนือ และทิศตะวันออก สามารถมีหน้าต่าง หรือ ช่องเปิด ได้ตั้งแต่ 50-75% ของพื้นที่ระนาบผนังทั้งหมด
สำหรับการติดตั้งหน้าต่างช่องเปิดควรติดตั้งในทิศตะวันออก และทิศเหนือ โดยออกแบบให้หน้าต่าง หรือช่องเปิดที่มีขนาดเท่ากันอยู่ตรงข้ามกันเพื่อให้ลมพัดผ่านถ่ายเทได้ตลอดเวลา ซึ่งช่วยให้บรรยากาศภายในห้องมีความปลอดโปร่ง ให้ความสว่างที่เหมาะสม และไม่ก่อให้เกิดการสะสมเชื้อโรคจากความอับทึบ
การวางตำแหน่งอาคารให้สัมพันธ์กับทิศทางแดด และกระแสลม
เพราะอาคารจะต้องอยู่คู่กับเราไปอีกหลายสิบปี ฉะนั้นควรวางแผนในการออกแบบให้ดีเพื่อให้เกิดสภาวะน่าสบายตลอดอายุการใช้งานของตัวอาคาร
- ทิศตะวันตก และทิศใต้จะได้รับผลกระทบจากแสงแดดที่รุนแรงเป็นเวลา 8-9 เดือนต่อปี เพราะมุมของแสงแดดที่ส่องนั้นเป็นมุมต่ำที่สามารถเข้าสู่อาคารได้ง่าย เพราะฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงการสร้างอาคารที่หันไปในทิศตะวันตก และทิศใต้ โดยออกแบบให้พื้นที่ในทิศดังกล่าวเป็นส่วนหลังบ้าน ,ห้องเก็บของ ,ห้องน้ำ ,โถงบันได ,ห้องครัว ,ที่จอดรถ หรือ พื้นที่ซักล้าง
- ทิศเหนือ และทิศตะวันออก จะเป็นทิศที่ได้รับลมมากที่สุด และโดนแสงแดดน้อยที่สุดตามลำดับ จึงเหมาะที่ออกแบบให้พื้นที่ในทิศดังกล่าวเป็นฟังก์ชั่นการใช้งานที่ต้องใช้เวลาอาศัยอยู่เกือบทั้งวัน หรือ เป็นฟังก์ชั่นการใช้งานที่ต้องการความผ่อนคลาย เช่น ห้องนอน ,ห้องนั่งเล่น หรือ ส่วนรับประทานอาหาร
ปลูกต้นไม้ในบริเวณบ้าน
ต้นไม้สามารถช่วยสร้างร่มเงาเพื่อบังแดด และยังช่วยลดความร้อนที่จะเข้าสู่อาคารได้โดยเฉพาะในทิศใต้ และทิศตะวันตก แต่ทว่าในการปลูกต้นไม้ใหญ่ ควรเว้นระยะจากตัวอาคารไม่น้อยกว่า 5 เมตร เพราะว่ารากไม้นั้นสามารถสร้างความเสียหายกับโครงสร้างของอาคารได้
ทำกันสาดเพื่อกรองแสงให้กับหน้าต่างกระจก หรือช่องเปิด
โดยกันสาดในระนาบแนวนอนจะเหมาะสมกับหน้าต่าง ที่อยู่ทางทิศเหนือ และทิศใต้ เพราะสามารถบังแสงอาทิตย์ในช่วงเที่ยงและช่วง บ่ายได้ ส่วนกันสาดในระนาบแนวตั้งเหมาะสมกับหน้าต่าง หรือช่องเปิดที่อยู่ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก
ติดตั้งผ้าม่าน หรือ มู่ลี่บริเวณหน้าต่างกระจก
เพื่อป้องกันความร้อนจากแสงอาทิตย์ที่จะเข้าสู่ภายในตัวอาคาร ควรติดตั้งผ้าม่าน หรือ มูลี่กรองแสง เพื่อช่วยลดความร้อน และแสงจ้าได้อย่างเหมาะสม ส่วนการติดฟิล์มกรองแสงที่กระจกหน้าต่างนั้น แม้จะป้องกันความร้อนจากแสงอาทิตย์ได้ดีกว่า แต่ค่าใช้จ่ายสูงกว่าจึงไม่ค่อยเป็นที่นิยม
อุดรอยรั่วตามรอยต่อระหว่างผนังขอบประตู หน้าต่าง
การอุดรอยรั่วตามรอยต่อระหว่างผนังขอบประตูหน้าต่างจะช่วยป้องกันความร้อน และความชื้นจากภายนอกผ่านเข้าไปภายในอาคาร ในกรณีที่ห้องนั้นเป็นห้องปรับอากาศ
แปล และเรียบเรียงโดย Wazzadu Encyclopedia
ข้อมูลอ้างอิงจาก
- Architect Data
- www.thisoldhouse.com
วัสดุเทียบเคียง "ในหมวดประตู- หน้าต่าง"
สินค้าเทียบเคียงในหมวด"หน้าต่าง - ประตู-หน้าต่าง"
สินค้าเทียบเคียงในหมวด"ประตูอลูมิเนียม"
สินค้าเทียบเคียงในหมวด"กระจกนิรภัยเทมเปอร์"
หลักการออกแบบพื้นที่ทางสถาปัตยกรรมอื่นๆที่น่าสนใจ
ผู้เขียนบทความ
โดยเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงกลุ่มผู้ใช้งานต่างๆ ตั้งแต่ สถาปนิก แบรนด์สินค้า ผู้จัดจำหน่าย และผู้ให้บริการต่างๆที่เกี่ยวข้อง ... อ่านเพิ่มเติม