Smart Home ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อบ้านเพียงอย่างเดียว
“Smart Home” คือเทคโนโลยีที่สร้างขึ้นมาเพื่อเติมเต็มความสะดวกสบาย ความปลอดภัยและการประหยัดพลังงาน ถูกออกแบบมาพร้อม Function การใช้งานที่หลากหลายทำให้เกิดความยืดหยุ่นในการใช้งานที่สูงมากและสามารถประยุกต์การใช้งานอย่างหลากหลายทั้ง Function ของอุปกรณ์เองหรือการทำงานร่วมกันของอุปกรณ์หลายๆ อย่างและการตั้งค่าที่มาจาก Application ซึ่งความยืดหยุ่นที่เกิดขึ้นนั้นส่งผลให้ “Smart Home” ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้ใช้งานเป็นอย่างมาก
ซึ่ง "อุปกรณ์ Smart Home” ด้วยชื่อและการใช้งานส่วนใหญ่ที่เราได้เห็นกันทั่วไปมักจะใช้กับบ้านหรือที่พักอาศัยเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นคอนโด ทาวน์เฮาส์ ทาวน์โฮมส์ จึงทำให้เกิดความเข้าใจว่า “Smart Home” ต้องใช้กับบ้านหรือที่พักอาศัยเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ด้วยความยืดหยุ่นของระบบที่เราได้พูดถึงจึงทำให้ “Smart Home" นั้นมีประสิทธิภาพและนำมาประยุกต์ใช้ได้มากกว่าแค่ที่พักอาศัยเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
วันนี้เราจะพามาดูว่า “Smart Home” มีประสิทธิภาพมากแค่ไหนและการนำมาประยุกต์กับสถานที่อื่นๆนอกจากบ้านหรือที่พักอาศัยนั้น จะมาตอบโจทย์คุณได้ดีขนาดไหน ซึ่งการทำงานของระบบ “Smart Home” จะมาสร้างความแตกต่างและตอบโจทย์กับทุกความต้องการมากกว่าแค่ที่พักอาศัยได้แน่นอน เราจึงขอยกตัวอย่างสถานที่ที่เมื่อนำ “ระบบ Smart Home” เข้ามาประยุกต์ใช้ด้วยแล้วจะตอบโจทย์เป็นอย่างมาก
Hotel (โรงแรม)
“Smart Home” กับ “โรงแรม” ในปัจจุบันเริ่มมีให้เห็นกันมากขึ้นเพราะจุดเด่นของ “อุปกรณ์ Smart Home” ที่สอดคล้องกับบริการของโรงแรมที่ช่วยเติมความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้กับผู้พักอาศัยจึงถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่สร้างจุดขายและเพิ่มจุดเด่นเติมมูลค่าให้กับโรงแรม ทำให้เป็นที่สนใจของผู้เลือกใช้บริการ การนำเทคโนโลยีเข้ามาผสมผสานกับบริการจากทางโรงแรมทำให้ผู้ใช้บริการที่ต้องการมาพักผ่อนสามารถพักผ่อนได้อย่างเต็มที่และมั่นใจถึงความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว ถือเป็นการสร้างบรรยากาศวันพักผ่อนได้อีกระดับและสามารถดึงมาเป็นจุดขายให้โรงแรมมีความแตกต่างมากขึ้น
ยกตัวอย่าง การทำงานของ “ระบบ Smart Home” ร่วมกับ “โรงแรม”
- โรงแรมสามารถสร้างระบบให้กับลูกค้าผู้เข้าพักสามารถควบคุมทุกอย่างภายในห้องพักได้ผ่าน Smartphone ของตัวเอง สามารถทำเป็นการเข้าใช้ Account สำหรับห้องพักนั้นๆ ได้ด้วยการจำกัดสิทธิ์ในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมแสงสว่างภายในห้องพัก การควบคุมโทรทัศน์และเครื่องปรับอากาศภายในห้องพักได้ผ่าน Smartphone ของผู้เข้าพัก
- ระบบการทำงานอัตโนมัติของอุปกรณ์เป็นจุดขายของห้องพัก เช่น การเปิด-ปิดของแสงสว่างอัตโนมัติบริเวณห้องน้ำ ระเบียง หรือส่วนอื่นๆ ตามที่โรงแรมต้องการ
- สร้าง Scene ที่ให้ลูกค้าสามารถเลือกใช้งานได้ตามความต้องการ เช่น "Movie Scene” ปรับแสงสว่างให้เหมาะสมกับการดูหนัง หรือ “Party Scene” ปรับแสงสีให้มีความหลากหลายทำงานร่วมกับระบบ Entertainment เป็นต้น
- ตั้งระบบรักษาความปลอดภัยของห้องพักไม่ว่าจะเป็นปุ่มฉุกเฉินหรือปุ่มเรียกพนักงานใน Application ให้ลูกค้าผู้เข้าพักสามารถควบคุมได้ผ่าน Smartphone
- ในด้านของการประหยัดพลังงานโรงแรมสามารถตรวจสอบข้อมูลการใช้พลังงานไฟฟ้าได้อย่างชัดเจนและสามารถนำมาคำนวณต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
Facilities (ส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวกของโครงการ)
ในปัจจุบัน “ระบบ Smart Home” เริ่มมีแพร่หลายเป็นอย่างมากสำหรับโครงการอสังหาริมทรัพย์ ที่มาพร้อมกับที่พักอาศัยไม่ว่าจะเป็น บ้าน ทาวน์โฮมส์ ทาวน์เฮาส์ คอนโดมิเนียม แต่อีกหนึ่งจุดที่ยังมีไม่แพร่หลายมากนักและถือเป็นโอกาสในการสร้างมูลค่าได้อย่างมากและยังตอบโจทย์ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ได้เป็นอย่างดีคือการนำ “ระบบ Smart Home” มาใช้งานร่วมกับส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวกของโครงการ ไม่ว่าจะเป็น แสงสว่างบริเวณถนน, ป้อมรักษาความปลอดภัย, ทางเข้าของโครงการ, Club House, สระว่ายน้ำ, ห้องออกกำลังกาย, Co-Working Space เป็นต้น
ยกตัวอย่าง การทำงานของ “ระบบ Smart Home” ร่วมกับ “ส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวกของโครงการ”
- “ระบบ Smart Facilities” ให้กับลูกบ้านสามารถสั่งงานส่วนกลางได้โดยสามารถจำกัดสิทธิ์การเข้าถึงและการควบคุมอุปกรณ์ได้อย่างชัดเจนโดยสามารถกำหนดได้โดยผู้พัฒนาโครงการ ให้ลูกบ้านสามารถควบคุมส่วนกลางของโครงการได้ผ่าน Smartphone ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ ห้องประชุมส่วนตัว, Co-Working Space เป็นต้น
- การกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงให้ลูกบ้านเข้าถึงส่วนต่างๆ ของโครงการผ่าน Smartphone ได้ตามกำหนดของโครงการ
- ระบบรักษาความปลอดภัยที่นำมาประยุกต์ใช้ร่วมกับ “อุปกรณ์ Smart Home” ภายในที่พักอาศัยของลูกบ้านร่วมกับระบบรักษาความปลอดภัยส่วนกลางของโครงการ (ระบบ Smart Guard จากบริษัท Home Automation)
- การตั้งระบบการทำงานอัตโนมัติในทุกส่วนของโครงการเพื่อสร้างความสะดวกสบาย ความปลอดภัยและการประหยัดพลังงานได้อย่างชัดเจน เช่น ตั้งระบบการทำงานอุปกรณ์อัตโนมัติในส่วนกลางของโครงการเพื่อความสะดวกสบายของลูกบ้าน การตั้งระบบให้แสงสว่างหรือเครื่องปรับอากาศทำงานเมื่อมีคนอยู่ในสถานที่เพียงเท่านั้นหรือการตั้งเวลาการเปิด-ปิดแสงสว่างบริเวณถนนหรือทางเดินอย่างชัดเจน ถือเป็นการใช้พลังงานในสถานการณ์ที่จำเป็นเท่านั้
- โครงการสามารถติดตามข้อมูลการใช้พลังงานในส่วนต่างๆ ของโครงการได้อย่างชัดเจน
Restaurant & Café (ร้านอาหารและร้านกาแฟ)
เพราะ “ระบบ Smart Home” นำมาประยุกต์ใช้ได้อย่างหลากหลายมากซึ่งร้านอาหารและร้านกาแฟก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้อีกด้วย ในปัจจุบันยังไม่มีการนำมาประยุกต์ใช้อย่างชัดเจนถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับร้านอาหารหรือร้านกาแฟที่จะสร้างความแตกต่างและสร้างจุดเด่นเพื่อสร้างความน่าสนใจให้กับลูกค้า ในมุมของลูกค้าถือเป็นการสร้างประสบการณ์รูปแบบใหม่ที่ดีมากและในมุมของเจ้าของกิจการถือเป็นการสร้างจุดเด่นให้กับกิจการและยังมีประสิทธิภาพในการคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างแม่นยำ
ยกตัวอย่าง การทำงาน “ระบบ Smart Home” ร่วมกับ “ร้านอาหารและร้านกาแฟ”
- การให้ลูกค้ามีสิทธิ์สั่งงานอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ของร้านอาหารและร้านกาแฟในจุดที่กำหนด ยกตัวอย่างเช่น ห้องทานอาหารส่วนตัว, ห้องประชุมส่วนตัว เป็นต้น ซึ่งสิทธิ์ในการเข้าถึงและการควบคุมสามารถกำหนดได้โดยเจ้าของร้านเอง
- ระบบการทำงานอัตโนมัติมาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างจุดขายให้กับร้านอาหารและร้านกาแฟไม่ว่าจะเป็นการตั้งระบบอัตโนมัติสำหรับห้องน้ำ, ทางเข้า, ห้องประชุมส่วนตัว เป็นต้น
- ในมุมของการสร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครให้กับลูกค้า การใช้ระบบแสงสีแบบอัตโนมัติและระบบ Entertainment มาช่วยสร้างบรรยากาศที่แตกต่างในแต่ละช่วงเวลาของร้าน เช่น ตั้งแสงสว่างในช่วงเวลากลางวันให้แตกต่างจากช่วงเวลากลางคืนซึ่งแสงสว่างจะถูกเปลี่ยนอย่างอัตโนมัติตามช่วงเวลาที่กำหนดหรือจะเป็นการนำ “ระบบ Smart Home” มาสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างร่วมกับบริการจากทางร้าน เป็นต้น
- ทางร้านอาหารและร้านกาแฟสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ชัดเจนจากการตั้งเวลาเปิด-ปิดอัตโนมัติและการตรวจสอบข้อมูลการทำงานของระบบไฟฟ้า
Office (สำนักงาน)
เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในการนำ “ระบบ Smart Home” มาใช้งานสามารถทำให้สำนักงานทั่วไปกลายเป็น “Smart Office” ได้ ซึ่ง “อุปกรณ์ Smart Home” หลากหลายชิ้นมากที่ตอบโจทย์สำนักงานทั้งในมุมของพนักงานและมุมของบริษัท ถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก เป็นการสร้างมูลค่าและความแตกต่างให้กับบริษัทได้อย่างชัดเจน
ยกตัวอย่าง การทำงาน “ระบบ Smart Home” ร่วมกับ “สำนักงาน”
- บริษัทสามารถกำหนดระบบและสิทธิ์การเข้าถึงและการควบคุมระบบภายในสำนักงานให้กับพนักงานสามาถควบคุมระบบไฟฟ้าในสำนักงานได้ผ่าน Smartphone ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมแสงสว่าง การควบคุมเครื่องปรับอากาศ เป็นต้น ซึ่งสามารถกำหนดการเข้าถึงโดยแบ่งเป็นส่วนของสำนักงานหรือแบ่งเป็นแผนก เป็นต้น
- บริษัทสามารถกำหนดให้พนักงานสามารถควบคุมส่วนกลางของสำนักงานได้ เช่น ห้องประชุม, Co Working Space, Resting Area เป็นต้น สามารถตั้งให้เข้าถึงในส่วนไหนของสำนักงานได้ตามสิทธิ์และเวลา เช่น เมื่อมีการจองห้องประชุมสำหรับพนักงานที่เข้าใช้ห้องประชุมในช่วงเวลาๆ นั้นก็สามารถควบคุมระบบแสงสว่าง เครื่องปรับอากาศ ภายในห้องประชุมได้ผ่าน Smartphone
- ตั้งระบบการทำงานอัตโนมัติในบางจุดเพื่อความสะดวกสบายและการประหยัดพลังงาน เช่น การให้แสงสว่างบริเวณทางเดินหรือบันได ทำงานเมื่อมีการเดินผ่านเท่านั้น หรือในบางจุดของสำนักงานที่มีการใช้งานน้อยก็สามารถตั้งให้ระบบแสงสว่างทำงานเมื่อมีการใช้งานเท่านั้น ถือเป็นการใช้พลังงานในสถานการณ์ที่จำเป็นเท่านั้นเป็นการควบคุมค่าใช้จ่ายและการประหยัดพลังงานได้เป็นอย่างดี
- บริษัทสามารถติดตามข้อมูลการใช้พลังงานในส่วนต่างๆของสำนักงานได้อย่างชัดเจน สามารถควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพและนำข้อมูลที่ได้รับจาก “ระบบ Smart Home” มาบริหารต้นทุนได้มากขึ้น
“ระบบ Smart Home” สามารถทำอะไรได้อย่างหลากหลายมากกว่าที่คุณคิดและสามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้กับทุกสถานที่นอกจากบ้านหรือที่พักอาศัย การนำมาประยุกต์ใช้กับสถานที่อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น โรงแรม, ส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวกของโครงการ, ร้านอาหารและร้านกาแฟ, ออฟฟิศ ถือเป็นการยกตัวอย่างสถานที่และยกตัวอย่างการทำงานเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะ “ระบบ Smart Home” ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และการประหยัดพลังงานที่เหนือกว่าและ Function การทำงานที่ครบครันสำหรับตอบโจทย์ทุกความต้องการในทุกสถานที่อย่างแท้จริง
ผู้เขียนบทความ