หลักการออกแบบ และวิธีการปูพื้นทางเดินในสวน (Garden floor design for Architecture)
การออกแบบสวนภายนอกบ้าน หรืออาคาร เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้บรรยากาศรอบ ๆ อาคารเกิดความผ่อนคลาย ทำให้อาคารสวยงาม และยังทำให้พื้นที่รอบ ๆ เกิดการใช้ประโยชน์ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย นั่งเล่นพักผ่อน หรือปาร์ตี้สังสรรค์กับครอบครัว และเพื่อน ทางเดินภายในสวนเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่จะทำให้สวนสวยงามมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันมีวัสดุปูพื้นทางเดินในสวนมากมายให้เลือกใช้ตามความชอบ และสไตล์ที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็น
- พื้นไม้ (Wood Flooring)
- พื้นกรวดล้าง (Washed Gravel Flooring)
- พื้นทรายล้าง (Washed Sand Flooring)
- พื้นกรวดแม่น้ำ (Pebbles)
- พื้นหินธรรมชาติ (Natural Stone flooring) หินที่นิยมนำมาใช้ คือ หินกาบ (Brown Slate) หินชนวน (Black Slate) หินแกรนิต (granite) หินทราย (Sandstone) และหินอ่อน (Marble)
- พื้นคอบเบิ้ลสโตน (Cobblestone Flooring)
- บล็อกคอนกรีตปูพื้น (Paving Block)
- พื้นสแตมป์คอนกรีต (Stamp Concrete)
- แผ่นปูทางเดินปูนเปลือย (Concrete Tile)
- กระเบื้องดินเผา (Clay Tile)
- อิฐมอญ (Brick Flooring)
เพื่อป้องกันไม่ให้พื้นทางเดินในสวนเกิดการทรุดตัวลง วิธีการปูพื้นทางเดินในสวนอย่างถูกวิธีถือเป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน วันนี้ Wazzadu Encyclopedia ได้รวบรวมข้อมูลหลักการออกแบบ และวิธีปูพื้นทางเดินในสวน โดยจะมีรายละเอียดที่น่าสนใจอย่างไรบ้างนั้น ติดตามชมได้เลยครับ
หลักการออกแบบ และวิธีการปูพื้นทางเดินในสวน
การออกแบบทางเดินภายในสวน มีขั้นตอนดังนี้ คือ
- กำหนดทางเดินภายในสวน ทางเดินควรอยู่ในตำแหน่งที่เชื่อมการใช้งานจากในบ้านสู่นอกบ้าน หรือนอกบ้านสู่ในบ้าน หรือจะเป็นพื้นที่รอบๆ สำหรับเดินวนทั่วโดยรอบอาคาร ควรเลือกวางแผ่นทางเดินขนาด 50-60 เซนติเมตรสำหรับเดินคนเดียว 80-100 เซนติเมตรในกรณีที่เดิน 2 คน และวางในระยะห่าง 30-50 เซนติเมตรโดยวัดจากศูนย์กลางของแผ่นทางเดิน
- การเลือกแผ่นทางเดิน นิยมกันในท้องตลาดนั้นแบ่งเป็น 2 หมวดใหญ่ๆ ด้วยกัน คือแผ่นทางเดินจากธรรมชาติและแผ่นทางเดินซีเมนต์ ดีไซน์หลากหลายให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน
- แผ่นทางเดินจากธรรมชาติ เช่น แผ่นศิลาแลง หินภูเขา หินทราย ไม้หมอน มักจะอยู่ในงานดีไซน์สวนแบบทรอปิคัล หรือสวนป่าดิบชื้น เนื่องจากมีคุณสมบัติที่สามารถกักเก็บความชื้นได้นาน ทำให้พื้นที่สวนมีความชุ่มชื่น และเย็นสบาย
- แผ่นทางเดินสำเร็จรูป ได้แก่ แผ่นทางเดินซีเมนต์ และแผ่นหินสังเคราะห์ มีหลากหลายขนาด ตั้งแต่ 20 x 20 และ 40x40 เซนติเมตรขึ้นไป ทำให้สามารถกำหนดการจัดวางได้ง่าย และมีความแข็งแรง - ตกแต่งระหว่างแผ่นทางเดินเพื่อความสวยงาม สามารถโรยหินแกลบ ซึ่งดูแลได้ง่าย และยังระบายนำ้ฝนลงสู่ดินได้อย่างรวดเร็ว หรือปลูกหญ้าสลับ เช่น หญ้ามาเลเซีย เฟิร์นกนกนารี มอสส์ ถั่วบราซิล เป็นต้น ควรเลือกปลูกพืชชนิดที่ต้องดูแลรักษาง่าย ทนต่อการเหยียบย่ำ สามารถทนฝนได้ดี และสามารถระบายน้ำขังลงสู่ดินได้อย่างรวดเร็ว
การปูพื้นทางเดินนั้นสามารถทำได้หลากหลายวิธี โดยมีขั้นตอนวิธีการปูพื้นทางเดินทั่วไป คือ
- ปรับหน้าดินให้เรียบเป็นทางเดินตามแบบที่ต้องการ
- ใช้ทรายรองหน้าดินอีกชั้นเพื่อให้ระบายน้ำลงสู่ดินได้อย่างรวดเร็ว หรือใช้ตาข่ายพลาสติก ซีเมนต์ เจาะรูระบายน้ำก็จะทำให้พื้นแข็งแรงมากขึ้น
- วางแผ่นทางเดินตามระยะที่กำหนดไว้จากนั้นก็ตกแต่งรอบๆ ทางเดินตามความต้องการ
แบบที่ 1 การปูพื้นทางเดินลงบนชั้นดินเดิม
วิธีการปูพื้นแบบนี้ สามารถใช้ได้กับสภาพดินที่มีความแข็งแรง ช่วยให้ระบายน้ำลงบนดินได้รวดเร็ว โดยการเสริมทรายหยาบบีบอัดแน่นจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงของพื้นทางเดินมากยิ่งขึ้น
- ปรับเกลี่ยนหน้าดินเดิมให้แน่น
- กั้นขอบพื้นที่แนวทางเดินด้วยอิฐขอบปูน (Curb) หรือ ขอบสำเร็จรูป เพื่อช่วยให้ทางเดินคงทนแข็งแรงมากขึ้นและง่ายต่อการปูพื้น
- ปูด้วยแผ่นใยสังเคราะห์ Geotextile เพื่อป้องกันทรายไหลรวมกับดิน
- โรยทรายหยาบเพื่อช่วยปรับระดับดินให้มีความเรียบสม่ำเสมอ หนา ประมาณ 3-5 เซนติเมตร
- ปูด้วยแผ่นตะแกรงพลาสติก และวางแผ่นปูพื้นทางเดินตามต้องการ
แบบที่ 2 การปูพื้นทางเดินลงบนคอนกรีต
เหมาะสำหรับพื้นที่ต้องการความแข็งแรงเป็นพิเศษ โดยสามารถใช้คอนกรีตเสริมเหล็กหล่อในที่ หรือแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป และเททรายหยาบบีบอัดแน่นอีกหนึ่งชั้นเพื่อปรับหน้าดิน
- ปรับเกลี่ยนหน้าดินเดิมให้แน่น
- กั้นขอบพื้นที่แนวทางเดินด้วยอิฐขอบปูน (Curb) หรือ ขอบสำเร็จรูป เพื่อช่วยให้ทางเดินคงทนแข็งแรงมากขึ้นและง่ายต่อการปูพื้น
- เทคอนกรีต หรือใช้แผ่นพื้นคอนกรีตเพื่อเสริมความแข็งแรง
- โรยทรายหยาบเพื่อช่วยปรับระดับให้มีความเรียบสม่ำเสมอ หนา ประมาณ 3-5 เซนติเมตร
- วางแผ่นปูพื้นทางเดินตามต้องการ
แบบที่ 3 การปูพื้นทางเดินลงบนทรายหยาบ
วิธีการปูพื้นแบบนี้เหมาะสำหรับหน้าดินที่มีความแข็งแรง และเลือกใช้บล็อกพื้นทางเดินคอนกรีต ช่วยให้ระบายน้ำได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับพื้นที่สวนขนาดเล็ก และประหยัดงบประมาณ
- ปรับเกลี่ยนหน้าดินเดิมให้แน่น
- กั้นขอบพื้นที่แนวทางเดินด้วยอิฐขอบปูน (Curb) หรือ ขอบสำเร็จรูป เพื่อช่วยให้ทางเดินคงทนแข็งแรงมากขึ้นและง่ายต่อการปูพื้น
- โรยทรายหยาบเพื่อช่วยปรับระดับดินให้มีความเรียบสม่ำเสมอ หนา ประมาณ 3-5 เซนติเมตร
- ปูด้วยแผ่นตะแกรงพลาสติก และวางแผ่นปูพื้นทางเดินตามต้องการ
แบบที่ 4 การปูพื้นทางเดินลงบนแผ่น Geotextile 2 ชั้น
วิธีการปูพื้นแบบนี้เหมาะสำหรับหน้าดินที่มีความแข็งแรง แผ่น Geotextile จะช่วยให้ทราย และวัสดุตกแต่งพื้นไม่ไหลรวมกัน ยังช่วยให้ระบายน้ำลงดินได้ดีไม่เกิดน้ำขังอีกด้วย
- ปรับเกลี่ยนหน้าดินเดิมให้แน่น
- กั้นขอบพื้นที่แนวทางเดินด้วยอิฐขอบปูน (Curb) หรือ ขอบสำเร็จรูป เพื่อช่วยให้ทางเดินคงทนแข็งแรงมากขึ้นและง่ายต่อการปูพื้น
- ปูด้วยแผ่นใยสังเคราะห์ Geotextile เพื่อป้องกันทรายไหลรวมกับดิน
- โรยทรายหยาบเพื่อช่วยปรับระดับดินให้มีความเรียบสม่ำเสมอ หนา ประมาณ 3-5 เซนติเมตร
- ปูด้วยแผ่นใยสังเคราะห์ Geotextile เพื่อไม่ให้วัสดุตกแต่งพื้นรวมกับพื้นทราย
- วางแผ่นปูพื้นทางเดินตามต้องการ
องค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับหลักการออกแบบอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
เขียน และเรียบเรียงโดย Wazzadu Encyclopedia
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
www.scgbuildingmaterials.com/th/
www.baanlaesuan.com/
ผู้เขียนบทความ
โดยเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงกลุ่มผู้ใช้งานต่างๆ ตั้งแต่ สถาปนิก แบรนด์สินค้า ผู้จัดจำหน่าย และผู้ให้บริการต่างๆที่เกี่ยวข้อง ... อ่านเพิ่มเติม