เลือกกระจกตกแต่งอย่างไรให้ดูมีมูลค่า (Decorative Glass for Design)
ในปัจจุบันวัสดุตกแต่งและวัสดุปิดผิวมีให้เลือกใช้งานหลายชนิด ซึ่งผู้ออกแบบต่างก็พยายามดัดแปลงและประยุกต์ใช้วัสดุเหล่านั้นให้มีความน่าสนใจเพื่อทำให้ผลงานออกแบบดูแตกต่างและโดดเด่น สำหรับวันนี้เราจะมาแนะนำอีกหนึ่งวัสดุที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ซึ่งคือกระจกนั่นเองครับ กระจกตกแต่งแต่ละชนิดเมื่อผสานกับเทคนิคการออกแบบจะช่วยเพิ่มมูลค่าของโครงการให้ดูแพงขึ้นได้อย่างไร ไปชมกันเลยครับ
1. Double Space Design
การใช้กระจกเงามาช่วยในการออกแบบก็เป็นอีกวิธีที่นิยมใช้กับหลายๆ โครงการโดยเฉพาะอาคารที่มีพื้นที่จำกัด เช่น รีเทลช็อป ร้านอาหาร หรือจะใช้กระจกเงากับพื้นที่ขนาดใหญ่ เช่น ล็อบบี้ หรือห้องจัดเลี้ยงในโรงแรม ที่ต้องการความลักชูรี่ดูแกรนด์มากขึ้น เนื่องจากกระจกเงาช่วยสะท้อนภาพจึงช่วยเพิ่มมิติของพื้นที่ทำให้สเปซดูโอ่โถงหรือดูกว้างขึ้น แต่หากต้องการความแตกต่างที่เหนือระดับไปอีกขั้น เราขอแนะนำ "กระจกตกแต่งแบบพิเศษ" ที่จะทำให้โครงการนั้นโดดเด่นและดูมีมูลค่าที่เพิ่มขึ้นมากกว่าการใช้กระจกเงาธรรมดา กระจกตกแต่งแบบพิเศษมี 2 แบบคือ
1.1 กระจกเงาโบราณ (Antique mirror)
เป็นกระจกเงาที่ถูกสร้างลวดลายขึ้นมาโดยการทำให้สารเคลือบเงินด้านหลังกระจกผุกร่อนเพื่อให้ดูเหมือนเป็นกระจกโบราณที่ผ่านการใช้งานมานาน และยังคงไว้ซึ่งเสน่ห์แห่งกาลเวลา ผ่านลวดลายที่ถูกสร้างสรรค์มาให้ดูเป็นธรรมชาติ ไม่หลอกตา ซึ่งกระจกเงาโบราณจาก ทีวายเค มีให้เลือกใช้หลายแบบ เช่น สนิมเขียว(AM01), สนิมทองแดง(AM03) และอื่นๆ เหมาะสำหรับใช้ในการตกแต่งในหลากหลายสไตล์ไม่ว่าจะเป็น สไตล์คลาสสิคที่เป็นต้นตำหรับของความหรูหราและลักซูรี่ หรือจะประยุกต์ใช้กับงานสไตล์ลอฟท์ที่เน้นความดิบเท่ของวัสดุก็น่าสนใจมากเช่นกัน
1.2 กระจกเงาสี (Tinted Mirror)
กระจกเงาสี (Tinted Mirror) คือกระจกเงาที่มีสีสัน มี 6 สีให้เลือกคือ Pink Gold, Copper , Bright Gold, Bronze, Dark Grey และ Grey ซึ่งเหมาะกับเทรนด์การตกแต่งสไตล์โมเดิร์นคลาสสิคที่กำลังเป็นที่นิยมในช่วงนี้มากๆ เนื่องจากเป็นสไตล์ที่รวมความหรูหรากับความป๊อบแบบสดใสไว้ด้วยกัน กระจกเงาสีผลิตโดยการใช้กระจกที่มีสี (Tinted Glass) ไปเคลือบด้วยชั้นเงินด้านหลังเพื่อให้เกิดภาพสะท้อนเหมือนกระจกเงานั่นเอง
กระจกตกแต่งทั้ง 2 แบบนอกจากจะใช้กรุผนังแทนหินอ่อนหรือวอลเปเปอร์แล้ว ยังสามารถใช้กรุหน้าบานตู้ และงานเฟอร์นิเจอร์ได้อีกด้วย
2. Flow space with Partition
ปัจจุบันการออกแบบคอนโดมิเนียมกลางใจเมืองหรือบ้านจัดสรรมีแนวโน้มไปในแนว Minimal มากขึ้นเนื่องจากข้อจำกัดของพื้นที่ใช้สอย และเพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์แบบครอบครัวเดี่ยวที่มีขนาดเล็กลง การเลือกใช้ Partition แบบโปร่งแสงจะช่วยให้พื้นที่ที่จำกัดดังกล่าวนั้นถูกแบ่งการใช้งานได้อย่างเป็นสัดส่วน ในขณะเดียวกันก็มีการเชื่อมต่อพื้นที่เพื่อให้สเปซโดยรวมดูใหญ่ขึ้นเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับตัวโครงการ วัสดุโปร่งแสงที่มีดีเทลน่าสนใจและให้ความรู้สึกที่หรูหราได้แก่
2.1 กระจกลายผ้า (evalam)
คือกระจกลามิเนตที่หลอมเนื้อผ้าไว้ตรงกลางระหว่างกระจกสองแผ่นผ่านกระบวนการหล่อหลอมให้เป็นชิ้นเดียวกันด้วยวิธีลามิเนต จึงไม่ต้องกังวลเรื่องการสึกหรอของผ้าหรือการ Delaminated เนื้อผ้าที่ใช้นั้นเป็นลวดลายที่ถูกคัดสรรมาแล้วว่ามีความสวยงามเน้นเส้นสายแห่งความอ่อนนุ่มพริ้วไหว ราวกับเป็นงานศิลปะที่ถูกนำมาจัดแสดง โดยใช้เอกลักษณ์ของลายผ้าผสมผสานกับงานออกแบบทำให้งานตกแต่งพื้นที่ดูมีมิติในแบบที่แตกต่าง
2.2 กระจกลวดลาย (Patterned Glass)
เป็นกระจกที่มีเท็กซ์เจอร์ด้านเดียวหรือทั้งสองด้าน โดยลวดลายบนพื้นผิวนั้นเกิดขึ้นจากการนำกระจกโฟลตที่ยังไม่แข็งตัวมาเข้ากระบวนการวิธี Roll out process โดยใช้ลูกกลิ้งที่มีลวดลายพิมพ์ลงบนผิวของกระจกส่งผลให้เกิดเท็กซ์เจอร์ที่มีลักษณะนูนหรือลึกบนผิวของกระจก เอฟเฟกต์ที่เกิดจากการหักเหของแสงผ่านกระจกลวดลายนั้นช่วยสร้างความโดดเด่นในการตกแต่งมากกว่ากระจกใสธรรมดา มี 6 ลายให้เลือกใช้คือ PT01 Pacific, PT02 Flutelite S, PT03 Moru, PT04 Mislite, Pyramids, Mira
กระจกทั้งสองชนิดนอกจากใช้เป็น Partition แล้วยังสามารถใช้เป็นบานตู้เสื้อผ้าหรือบานประตูได้ แต่จะต้องเป็นบานตู้ที่มีลักษณะโปร่งแสงได้ และสำหรับกระจกลายผ้ามีข้อควรระวังคือไม่ควรใช้ในบริเวณที่โดนแสงแดดโดยตรง และเนื่องจากเป็นกระจกลามิเนตจึงมีความหนารวมมากกว่ากระจกชนิดอื่นจึงต้องกำหนดขนาดร่องของอุปกรณ์ยึดหรือบานกรอบต่างๆ ให้เหมาะสมกับความหนาของกระจก
3. Unique Built-in Furniture
วัสดุที่นิยมใช้กรุผนังหรือกรุหน้าบานเฟอร์นิเจอร์นั้นมีหลายชนิดด้วยกัน เช่น วอลเปเปอร์ ไฮเพรสเชอร์ลามิเนต อื่นๆ แต่หากต้องการสร้างความโดดเด่นให้กับโครงการควรเลือกใช้วัสดุที่มีความแตกต่างเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับโครงการ เช่น กระจก เนื่องจากกระจกมีลักษณะมันเงาจึงทำให้ช่วยเพิ่มความหรูหราให้กับโครงการได้ นอกจากนี้ผิวสัมผัสที่มันเงาของกระจกนั้นยังทำความสะอาดง่าย เกิดรอยเปื้อนได้ยาก และไม่เป็นแหล่งสะสมของเชื้อราและเชื้อแบคทีเรีย จึงช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและเพิ่มความสะอาดปลอดภัยให้กับผู้ที่อยู่อาศัยได้
3.1กระจก Akira
กระจกตกแต่งที่ผสมผสานเทคนิคพิเศษนั่นคือการกัดกรด ทำให้เกิดลวดลายและผิวสัมผัสที่แปลกใหม่ โดยลายที่ถูกออกแบบมานั้นมีกลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่นแบบร่วมสมัย ช่วยให้การตกแต่งมีเอกลักษณ์มากขึ้น ใช้ได้กับการตกแต่งในหลากหลายสไตล์ มีหลายลายให้เลือกคือ Akira 01- Akira 10
3.2 กระจก Karisma
คือกระจกกระจกนิรภัยที่นำมาสร้างลวดลายที่ เนื้อกระจกมีลักษณะทึบแสง ลายของกระจกมีให้เลือกทั้งแบบลายดอกไม้ซึ่งเป็นตัวแทนของเส้นสายแห่งธรรมชาติเพื่อช่วยสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย และอีก Option คือลายกราฟิกที่สื่อถึงความทันสมัยช่วยทำให้เกิดมิติที่แปลกใหม่เสมือนเป็นงานศิลปะแบบ Abstract ทั้งยังช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้กับงานออกแบบอย่างมีสไตล์ มีหลายลายให้เลือกคือ Karisma 01- Karisma 10
กระจกตกแต่งทั้ง 2 ชนิดเหมาะสำหรับใช้ในการตกแต่งผนังเพื่อช่วยสร้างบรรยากาศ แต่หากต้องการใช้ในการกรุหน้าบานเฟอร์นิเจอร์ควรใช้กระจก Akira ไม่แนะนำให้ใช้ กระจก Karisma เนื่องจากมีกระจกมีความหนามากกว่าวัสดุกรุผิวอื่นๆ จึงไม่เหมาะที่จะใช้งานในลักษณะนี้
สามารถกรอกข้อมูลความต้องการ Spec สินค้าได้ที่ลิงค์นี้
https://www.wazzadu.com/brand/104/contact
สอบถามข้อมูล และติดต่อสั่งซื้อได้ที่เบอร์ ฝ่ายขาย 02-960-2790 ,02-434-9590 -9
มือถือ 085-111-5238
Line: @tykgroup ,E-mail: info@glassform.co.th
ผู้เขียนบทความ