“Red Sea Project” โครงการท่องเที่ยวใหม่โดยพลังงานหมุนเวียนของซาอุดิอาระเบีย

โครงการ Red Sea Project ถือเป็นหนึ่ง ในโครงการ giga project ของซาอุดีอาระเบีย ที่จะพัฒนาหมู่เกาะริมชายฝั่งทะเลแดงในมณฑล Tabouk ซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองมรดกโลก Alula ให้กลายเป็น “Luxury resort destination” เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั้งในและต่างประเทศ

ขอบคุณภาพจาก

https://www.theredsea.sa/en/media-center/news/trsdc-awards-facilities-management-contract-for-its-coastal-village?fbclid=IwAR3FRW1pwgmtRqxP0nmsvAdc0vt64rqGxHbDpsi_4GFb-sUlw4ULd8AOP1k

หมู่เกาะดังกล่าวมีแนวชายฝั่งความยาวกว่า 200 กิโลเมตร ประกอบด้วย เกาะน้อยใหญ่กว่า 90 แห่ง มีธรรมชาติที่สมบูรณ์ เนื่องจากไม่เคยมีผู้อยู่อาศัยมาก่อน ประกอบด้วยป่าโกงกาง ภูเขาไฟ และเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเลทรายหายากหลายชนิด ด้วยเหตุนี้โครงการ Red Sea Project จึงได้เน้นจุดขายของธรรมชาติใต้ท้องทะเลและบนฝั่ง ซึ่งจะรวมกับกิจกรรมต่างๆ สำหรับนักท่องเที่ยว เช่น การดําน้ำ การปีนเขา กีฬาผาดโผนประเภทต่าง ๆ

Red Sea Project มีวัตถุประสงค์สูงสุดเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้กลายมาเป็นเครื่องยนต์สําคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีมูลค่ากว่าร้อยละ 10 ของ DGP ให้สามารถลดการพึ่งพาอุตสาหกรรมน้ำมันดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ที่สำคัญการก่อสร้างโครงการจะก่อให้เกิดการจ้างงานกว่า 70,000 ตําแหน่ง และเพิ่ม GDP ให้แก่ประเทศกว่า 1 แสนล้านริยาล ขณะที่เป้าหมายระยะยาวจะเพิ่ม GDP ให้แก่ประเทศปีละกว่า 1.5 หมื่นล้านริยาล และจะเกิดการจ้างงานกว่า 35,000 ตําแหน่ง

ขอบคุณภาพจาก

https://www.theredsea.sa/en/media-center/news/trsdc-awards-facilities-management-contract-for-its-coastal-village?fbclid=IwAR3FRW1pwgmtRqxP0nmsvAdc0vt64rqGxHbDpsi_4GFb-sUlw4ULd8AOP1k

ด้านโครงสร้างพื้นฐานได้มีการทําสัญญากับ ACWA Power บริษัทพลังงานสัญชาติซาอุดิอาระเบีย ที่ผลิตไฟฟ้าและกลั่นน้ำจืดจากทะเล เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน เพื่อผลิตไฟฟ้า 6.5 แสน MWh (1 MWh เพียงพอสําหรับบ้าน 300 หลัง ใน 1 ชั่วโมง) โดยจะผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม

นอกจากนี้พื้นที่ทั้งหมดของโครงการจะใช้กฎหมายพิเศษที่เป็นสากลในการปกครอง ซึ่งทําให้เชื่อได้ว่านโยบายดังกล่าวนี้จะเป็นรากฐานสําคัญที่จะทําให้เมืองใหม่นี้ สามารถอยู่นอกเหนือกฎระเบียบทางสังคมที่เคร่งครัดของซาอุดิอาระเบีย โดยเฉพาะเรื่องของการขายเครื่องดื่มมึนเมา การแต่งกายแบบตะวันตก และการปะปนกันระหว่างชายหญิง ซึ่งเป็นส่วนสําคัญที่จะช่วยดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเลือกที่จะเดินทางมาท่องเที่ยว ในโครงการนี้

ขอบคุณภาพจาก

https://www.theredsea.sa/en/media-center/news/trsdc-awards-facilities-management-contract-for-its-coastal-village?fbclid=IwAR3FRW1pwgmtRqxP0nmsvAdc0vt64rqGxHbDpsi_4GFb-sUlw4ULd8AOP1k

หากโครงการนี้สามารถดําเนินการได้สําเร็จในอนาคต จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเปิดประสบการณ์ใหม่ๆได้ และจะผลิกโฉมภาพลักษณ์ของภาคตะวันตกของซาอุดิอาระเบียไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งในขณะเดียวกันก็จะเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยอย่างมหาศาลในหลายสาขา ทั้งภาคการก่อสร้าง ภาคการบริการ ความร่วมมือทางธุรกิจ การศึกษา การท่องเที่ยว การอนุรักษ์วัฒนธรรม และการส่งออกสินค้าไปยังซาอุดิอาระเบีย โดยเฉพาะ สินค้าอาหารฮาลาล อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ชิ้นส่วนยานยนต์และประดับยนต์ และข้าว ที่กำลังเป็นที่นิยมในการนำเข้าจากไทย โดยจะสามารถเติมเต็มความต้องการของนักท่องเที่ยวจากหลากเชื้อชาติได้อย่างสมบูรณ์แบบ

โครงการนี้ตั้งเป้าเปิดตัวเฟสแรกภายในปลายปี 2022 ซึ่งจะประกอบด้วยรีสอร์ทและที่อยู่อาศัย 14 แห่งบน 5 เกาะ และ 2 เขตบนฝั่ง พร้อมด้วยสิ่งอํานวยความสะดวกต่าง ๆ และมีกําหนดก่อสร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี 2030 ซึ่งจะประกอบด้วยโรงแรม 50 แห่ง จํานวน 8,000 ห้อง และที่อยู่อาศัย 1,300 ยูนิต กระจายตัวอยู่ใน 22 เกาะ และ 6 เขตบนฝั่ง ซึ่งจะพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวสูงสุด 1 ล้านคนต่อปี ซึ่งจะเป็นจํานวนสูงสุดที่จะให้การต้อนรับเพื่อมิให้สร้างผลกระทบต่อระบบนิเวศในพื้นที่ และเพื่อให้สอดคล้องกับแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังได้ตั้งเป้าหมายที่จะใช้พลังงานหมุนเวียนทั้งหมดภายในโครงการด้วย

อ้างอิงโดย : https://globthailand.com/saudiarabia-250621/

เรียบเรียงโดย Wazzadu Encyclopedia ซึ่งเป็นทีมวิจัย และพัฒนาความรู้ด้านการออกแบบ และวัสดุศาตร์ทางด้านสถาปัตย์ฯ

สำหรับท่านที่สนใจในนวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อม สามารถติดต่อเพื่อโปรโมตผลงานของท่านเกี่ยวกับนวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อมทั้งการออกแบบ, เทคโนโลยี, วัสดุศาสตร์ เพื่อคุณภาพชีวิตของผู้คนได้แล้วที่ wazzadu .com. โดย inbox เข้ามาได้ที่  www.facebook.com/Wazzadu

ติดตามเนื้อหาอื่นๆที่น่าสนใจของ Wazzadu Green ได้ที่


Material and Design Innovation

Wazzadu Low Carbon Material Library คือ ห้องสมุดวัสดุคาร์บอนฯ ต่ำ สำหรับงานสถาปัตยกรรม ที่รวบรวมความรู้และสเปควัสดุคาร์บอนฯ ต่ำ ทั้งจากนักวิจัย, สตาร์ทอัพ และผู้ผลิต เพื่อให้สถาปนิกและเจ้าของโครงการสามารถเลือกใช้สเปควัสดุคาร์บอนฯ ต่ำ สำหรับนำไปออกแบบอาคาร หรือ งานสถาปัตยกรรมเพื่อความยั่งยืนได้ ช่วยสร้างความมีส่วนร่วมในการเร่งสถาปัตยกรรมคาร์บอนต่ำให้เกิดขึ้น โดยเร็วเพื่อช่วยลดการแก้ปัญหาโลกร้อน

ด้วยการเกณฑ์การประเมินคาร์บอนฯ ที่แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่
1. Low Carbon CFO (Carbon Footprint for Organization) : การประเมิน carbon footprint ขององค์กร
2. Low Carbon CFP (Carbon Footprint of Product) : การประเมิน carbon footprint ของผลิตภัณฑ์

ทั้งนี้เพื่อผลักดันให้ผู้ผลิตและผู้พัฒนาวัสดุที่มีความมุ่งมั่นในการลดคาร์บอนจากวัสดุที่จำหน่าย มุ่งสู่เส้นทาง Low Carbon material ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทางโครงการมีการแบ่งเฟสที่บอกระดับว่าแต่ละองค์กรอยู่ที่จุดไหนแล้วบ้าง ได้แก่

Phase 1 : Committed เข้าร่วมโครงการ Wazzadu Low Carbon Material Library สู่เส้นทาง Low Carbon
Phase 2 : On-Track ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
Phase 3 : Achieved สามารถปล่อยคาร์บอนฯ ต่ำได้แล้วเมื่อเทียบจากครั้งก่อนๆ

หวังว่าห้องสมุดที่รวมวัสดุคาร์บอนฯ ต่ำนี้จะช่วยให้ทุกท่านได้พบกับวัสดุที่สามารถใช้ออกแบบให้เกิดเป็นสถาปัตยกรรมคาร์บอนต่ำได้จริง ...

ไอเดียมาใหม่

บทความที่เกี่ยวข้อง

...

โพลสำรวจ

ถาม-ตอบ

Wazzadu.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานของคุณ