วิวัฒนาการการใช้วัสดุปิดผิวในงานสถาปัตยกรรม

เริ่มต้นจากยุคก่อนประวัติศาสตร์ มนุษย์ได้สร้างกระท่อมหลังเล็กๆ เพื่อป้องกันตนเองจากปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมและสิ่งมีชีวิตอื่นที่จะเข้ามาทำร้าย บ้านที่พวกเขาคิดค้นกลายเป็นสถาปัตยกรรมแรกๆ ของประวัติศาสตร์มนุษย์ ในยุคนั้นสิ่งสำคัญของที่อยู่อาศัยคือโครงสร้างอาคารและความเป็นส่วนตัว แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็มีการพัฒนาเทคนิคการก่อสร้างอาคาร พื้นที่ภายในจึงค่อยๆ กลายเป็นสิ่งสำคัญต่อการอยู่อาศัยมากขึ้น จนเกิดการพัฒนาวัสดุปิดผิว (Finishing Materials) เพื่อแก้ไขพื้นผิว รวมทั้งเคลือบป้องกันพื้น ผนัง และฝ้าจากความชื้น ความร้อน รอยขีดข่วน และปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อการพักอาศัย ปัจจุบันวัสดุปิดผิวจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความสวยงาม ความแตกต่าง และกำหนดภาพลักษณ์ให้พื้นที่ในอาคาร

Egyptian Model Soul House by ancient.eu

Roman Bacchus Floor Mosaic by Mark Cartwright

ชาวอียิปต์โบราณนิยมสร้างบ้านจากดินเหนียว โคลน และตกแต่งบ้านด้วยผ้าชนิดต่างๆ พร้อมทั้งมีเฟอร์นิเจอร์พื้นฐานเพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน ซึ่งเรียกว่า Egyptian Soul House ในขณะที่ชาวกรีก โรมันใช้พื้นกระเบื้องโมเสค วาดภาพลงบนผนัง นำปูนปลาสเตอร์ฉาบพื้น ผนัง และฝ้าบางส่วน เพื่อสร้างเอกลักษณ์ให้กับบ้านของพวกเขา ความแตกต่างนี้แสดงให้เห็นว่า รูปแบบการตกแต่งและการเลือกใช้วัสดุปิดผิวในอดีตจะแปรผันตามบริบท สภาพแวดล้อม วัฒนธรรม และการปกครองในแต่ละพื้นที่

วัสดุปิดผิวที่มีดินเป็นส่วนประกอบคือวัสดุแรกๆ ที่ใช้ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ เนื่องจากเป็นวัสดุที่หาง่าย นำมาแปรรูปเพียงไม่กี่ขั้นตอน ก็สามารถใช้งานได้แล้ว เช่น เซรามิค เกิดจากการนำดินเหนียวไปผ่านกระบวนการทางความร้อน และ Terracotta (เครื่องดินเผา) คือการนำดินเหนียวไปอบในอุณหภูมิ 1000 องศาเซลเซียต ต่างนำมาใช้เป็นวัสดุปิดผิวในงานพื้น ผนัง และตกแต่งอาคาร

Neolithic Longhouse (Ancient wood house) by Open Archaeology 

ไม้เป็นอีกหนึ่งวัสดุที่ใช้ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ คุณสมบัติของไม้จะมีความแข็งแรง น้ำหนักเบา และขั้นตอนก่อสร้างไม่ซับซ้อน นักวิทยาศาสตร์ยังค้นพบว่าวัฒนธรรมอียิปต์ กรีก โรมัน และเอเชีย ต่างมีการใช้ไม้ตั้งแต่สมัยก่อน เพียงแต่นำมาใช้ในจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน เช่น ในภูมิประเทศที่ป่าไม้อุดมสมบูรณ์จะใช้ไม้ตั้งแต่ส่วนโครงสร้าง พื้น ผนัง  ฝ้า และเฟอร์นิเจอร์ ในทางกลับกันภูมิประเทศที่มีป่าไม้มากนักจะใช้แค่ ผนัง ประตูและเฟอร์นิเจอร์บางชนิดเท่านั้น

และยังค้นพบอีกว่าวีเนียร์ไม้ก็มีมาตั้งแต่สมัยโบราณด้วยเช่นกัน แต่ในสมัยนั้นจะใช้วิธีการเลื่อยไม้ ซึ่งทำให้สิ้นเปลืองไม้มากกว่าการตัดไม้แบบทั่วไป ชาวอียิปต์โบราณจึงใช้วีเนียร์ไม้ในการทำโลงศพและเฟอร์นิเจอร์ไม้ราคาแพง ในขณะที่ชาวโรมันมีปริมาณการใช้วีเนียร์ไม้เป็นจำนวนมากกว่าชาวอียิปต์โบราณ

Laminate Floor and Wall by Kronotex

อย่างไรก็ตามการใช้ไม้จริงนั้น ส่งผลให้สิ้นเปลืองทรัพยากรธรรมชาติ อีกทั้งมักจะเกิดปัญหาด้านความชื้นและปลวกตามมาอยู่เสมอ ช่วงศตวรรษที่ 19 จึงมีการพัฒนาวัสดุสังเคราะห์เลียนแบบลักษณะแต่ทดแทนจุดด้อยของไม้จริง วัสดุนี้คือ ไม้สังเคราะห์ เช่น ไฟเบอร์บอร์ด พาร์ติเคิลบอร์ด ไม้เอ็มดีเอฟ ไม้อัดเกล็ดเรียงชิ้น (OSB) และ ไม้อัด (Plywood) เป็นต้น

ในปี ค.ศ. 1977 มีการใช้พื้นลามิเนทครั้งแรกที่ประเทศสวีเดนโดยบริษัท Perstop ต่อมาปี ค.ศ. 1984 ทางบริษัทเริ่มขยายตลาดในยุโรปภายใต้ชื่อ Pergo ในช่วงกลางยุค 90 ก็เกิดการใช้งานอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกาที่เริ่มนำพื้นลามิเนทไปใช้ในงานออกแบบมากขึ้น

พื้นไม้ปาร์เก้ถูกผลิตและใช้ครั้งแรกในปีค.ศ. 1970 

ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคสมัย ไม้ก็ยังคงเป็นวัสดุที่นิยมใช้งานสถาปัตยกรรมอยู่เสมอ เพราะไม่ว่าจะเป็นส่วนพื้น ฝ้า ผนัง หากมีไม้ ก็สามารถเพิ่มความรู้สึกอบอุ่น นุ่มนวลให้กับสเปซได้เป็นอย่างดี

Terrazo and Mosaic floor by terrazzo.com

หินทราย หินอ่อน และหินแกรนิต เป็นหินที่นิยมนำมาแกะสลัก รวมทั้งนำมาใช้เป็นโครงสร้างอาคารและวัสดุปิดผิวมานานหลายศตวรรษ เนื่องจากมีความทนทานต่อสภาพแวดล้อม และมีลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ โดยมักนำใช้เป็นผนังและพื้นสำหรับตกแต่งภายในอาคาร ในยุคเรเนซองส์ การใช้หินขัด (Terrazzo) ค่อนข้างเป็นที่นิยม เห็นได้จากวัฒนะธรรมอันสอดคล้องกับศิลปะในสมัยนั้น ที่ใช้หินขัดสร้างสีสันและลวดลายลงบนพื้น และยังตบแต่งผิวพื้นด้วยหินอ่อนโมเสค (Marble Mosaic) จนกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญของศิลปะยุคนั้น

The Glass House, Phillip Johnson

ส่วนกระจก แก้วเป็นอีกวัสดุที่มีการใช้ตั้งแต่สมัย 3,000 - 4,000 ปี ก่อนคริสต์ศักราช ซึ่งสมัยนั้นจะใช้กระจกและแก้วเป็นเครื่องประดับมากกว่านำมาตกแต่งอาคาร จนกระทั่งเริ่มมีการใช้กระจกแทนช่องเปิดอาคาร เพื่อสร้างความต่อเนื่องระหว่างภายในและภายนอกให้เกิดความกลมกลืนซึ่งกันและกัน เช่นงาน The Glass House ของ Phillip Johnson ที่นำกระจกมาใช้แทบทุกส่วนในบ้าน ตั้งแต่นั้นมากระจกก็กลายเป็นส่วนประกอบสำคัญของอาคาร ประกอบกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น จึงเกิดการนำกระจกมาตกแต่งผนัง รวมทั้งใช้เป็นวัสดุกรุผนัง และฝ้านี่เอง

ช่วงศตวรรษที่ 19 โลหะเป็นอีกวัสดุที่นิยมใช้ และเริ่มใช้อย่างแพร่หลายในยุคต้นๆ ศตวรรษที่ 20 ด้วยคุณสมบัติของโลหะที่ทนทานและเงางาม ผู้ออกแบบจึงใช้โลหะในงานโครงสร้าง เพื่อความแข็งแรงของอาคารและยังสร้างความสวยงามของพื้นที่ภายในด้วย

3D Wall made by Plaswood material

ปลายศตวรรษที่ 19 มีการผลิตและใช้วัสดุจากพลาสติกเป็นครั้งแรก พลาสติกมีความทนทานต่อสิ่งแวดล้อมสูง ราคาไม่แพง สามารถผลิตได้หลายรูปแบบและรูปทรง และถ้าหากนำมาผสมกับสารเคมีอื่นๆ ก็จะกลายเป็นโพลีเมอร์ อีพ็อกซี่ พลาสวูด หรือส่วนประกอบของวัสดุปิดผิวชนิดต่างๆ ด้วยความที่พลาสติกมีน้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย จึงเป็นวัสดุที่นิยมใช้จนถึงทุกวันนี้

Aluminum Composite

ปี ค.ศ. 1960 เริ่มมีการผลิตและใช้งานแผ่น Aluminum Composite (ACP) เป็นครั้งแรก ซึ่งความตั้งใจแรกนั้นจะใช้ ACPในงานออกแบบป้ายโฆษณา อย่างไรก็ตามในปี ค.ศ. 1980 ก็เริ่มใช้ในงานอุตสาหกรรมสถาปัตยกรรมและใช้เป็นวัสดุก่อสร้างตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

Crystal board by port09

จะเห็นได้ว่าในปัจจุบันมีการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ของวัสดุปิดผิวอยู่เสมอ เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกัน เช่นเกิดการสร้างสรรค์วัสดุ P.U. Paper, Melamine Paper, Crystal Board และ Liquid Wallpaper เป็นต้น เพราะวัสดุปิดผิวไม่ใช่การป้องกันโครงสร้างและอาคารเฉกเช่นในสมัยก่อน หากแต่คือความสวยงาม ความแตกต่าง และยังสร้างความสะดวกสบายในการดำเนินชีวิตมนุษย์อีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก Interior Finishing Materialsencyclopedia2decoraid และ interior design timeline

Gee srd
Part time writer, full time wanderer. ...

บทความอื่นๆ จากผู้เขียน

Gee srd

writer

โพสต์เมื่อ

การออกแบบ และเลือกใช้วัสดุ
9 แบรนด์ผู้จัดจำหน่าย Soft Furnishing ในประเทศไทย

Gee srd

writer

โพสต์เมื่อ

Gee srd

writer

โพสต์เมื่อ

การออกแบบ และเลือกใช้วัสดุ
ประเภทของ Soft Furnishing และ คุณสมบัติที่น่าสนใจ

ไอเดียมาใหม่

โพสต์เมื่อ

โพสต์เมื่อ

โพสต์เมื่อ

บทความที่เกี่ยวข้อง

...

โพลสำรวจ

ถาม-ตอบ

Wazzadu.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานของคุณ