รูปแบบโครงทรัส หรือ โครงถัก (Truss structures) ในงานสถาปัตยกรรมโครงสร้างเหล็ก

โครงทรัส หรือ โครงถัก (Truss structures)

โครงถักในงานโครงสร้างสถาปัตยกรรม มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าโครงข้อหมุน เป็นโครงสร้างที่เกิดขึ้นจากการนำเอาชิ้นส่วนวัสดุอย่างเหล็ก และไม้เนื้อแข็ง (ส่วนมากนิยมใช้เหล็ก) มาประกอบเข้าด้วยกันเป็นโครงสร้างรูปทรงเรขาคณิตแบบต่างๆ 

โดยยึดปลายทั้งสองของชิ้นส่วนต่างๆให้ยึดติดกัน และสามารถถ่ายแรงเฉือน แรงตามแนวแกน และโมเมนต์ดัดให้กันได้อย่างทั่วถึงด้วยวิธีการเชื่อม การใช้หมุดย้ำ หรือ การใช้น๊อต เพื่อให้ได้โครงสร้างที่มีน้ำหนักเบา รับน้ำหนักได้มาก ให้ความสวยงาม และสามารถวางพาดในรูปแบบโครงสร้างช่วงพาดกว้าง หรือ โครงสร้างช่วงยาวได้ โดยไม่ต้องมีเสามาค้ำตรงกลาง เพื่ออรรถประโยชน์ในการใช้งานพื้นที่ได้สูงสุด และลดการบดบังทัศนียภาพจากเสาค้ำที่อยู่ภายในอาคาร 

โครงทรัส หรือ โครงถักนิยมนำไปใช้ในงานโครงสร้างทางวิศวกรรม และสถาปัตยกรรมประเภทต่างๆมากมาย อย่างเช่น  

  • โครงหลังคาโรงอาหาร 
  • โครงสร้างรับน้ำหนักอัฒจรรย์  
  • โครงสร้างอาคารขนาดกลาง-ใหญ่พิเศษ
  • โครงหลังคาหอประชุม หรือ โรงมหรสพขนาดใหญ่
  • โครงหลังคาสนามกีฬาในร่ม 
  • โครงหลังคาสนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่
  • โครงหลังคาห้องโถงนิทรรศการ
  • โครงหลังคาโรงงานอุตสาหกรรม
  • โครงหลังคาศูนย์จัดแสดงสินค้า
  • โครงหลังคาศูนย์การค้า 
  • โครงหลังคาสถานีรถไฟ สนามบิน และสถานีขนส่ง
  • โครงหลังคาโดมอเนกประสงค์
  • โครงสร้างสะพาน และอาคารพิเศษแบบต่างๆ

โดยหลักการออกแบบแล้ว ประเภทของโครงทรัส หรือ โครงถัก (Truss structures) สามารถแบ่งออกเป็น  2  ประเภท  คือ

  1. โครงถักอย่างง่าย หรือ โครงถักแบบดีเทอร์มิเนทสแตติกส์ (Statically Determinate Truss) เป็นรูปแบบโครงถักที่สามารถวิเคราะห์หาค่าแรงกระทำต่างๆได้ด้วยสมการสมดุล  
  2. โครงถักอย่างยาก หรือ โครงถักแบบอินดีเทอร์มิเนทสแตติกส์ (Statically Indeterminate Truss) เป็นรูปแบบโครงถักที่จำเป็นต้องคำนวณหาค่าแรงกระทำต่างๆด้วยหลักการทางคณิตศาสตร์ขั้นสูง ซึ่งจะแปรผันไปตามรูปแบบของโครงถักในการนำไปใช้งานกับโครงสร้างที่ค่อนข้างมีความซับซ้อน

ในขณะเดียวกันรูปแบบของโครงถัก ก็สามารถแบ่งตามลักษณะการใช้งานได้ 3 รูปแบบ คือ 

  1. โครงถักแบบโครงหลังคา
  2. โครงถักแบบโครงสะพาน
  3. โครงถักแบบโค้งประทุน

โครงถักโดยทั่วไปทำจากเหล็ก และไม้ แต่ส่วนมากแล้วจะนิยมใช้เหล็ก แม้เหล็กจะมีราคาที่สูงกว่าไม้ แต่เนื่องจากเหล็กมีความเหนียวคงทนต่อแรงกระทำในระนาบต่างๆได้ดี ประกอบติดตั้งได้เร็ว มีคุณสมบัติในการต้านภัยธรรมชาติได้ดี เนื่องจากเหล็กมีความยืดหยุ่นและรับการบิดได้มากกว่าโครงถักที่ทำจากไม้ อีกทั้งยังสามารถทำโครงถักสำหรับโครงสร้างช่วงพาดกว้าง หรือ โครงสร้างช่วงยาว ในอาคารขนาดกลาง-ใหญ่พิเศษได้ ซึ่งโครงถักไม้มีข้อจำกัดที่ไม่สามารถทำได้นั่นเอง

สำหรับในประเทศไทยนั้น เหล็กที่สามารถนำมาประกอบทำโครงทรัส หรือ โครงถัก (Truss structures) แบบต่างๆไม่ว่าจะเป็นเหล็กกลม หรือ เหล็กกล่อง จะต้องได้รับมาตรฐานดังนี้ 

  • ม.อ.ก.107
  • ม.อ.ก. 276 
  • BS 1387
  • JIS G3444
  • JIS G3452(SGP)
  • ASTM A500
  • AS 1163
  • EN 10219 

Spec ขนาด และความหนาของท่อเหล็กดำ สำหรับใช้ประกอบเป็นโครงทรัส หรือ โครงถัก (Truss structures)

ดูรายละเอียดสินค้า "ท่อเหล็กดำ และเหล็กรูปพรรณตัวซี" ได้ที่

  • ท่อเหล็กดำ เหล็กกล่อง

    โครงสร้าง เหล็ก

    ราคาเริ่มต้น 35 บาท/กิโลกรัม

    Online
  • เหล็กโครงสร้างรูปพรรณตัวซี มอก.

    โครงสร้าง เหล็ก

    ราคาเริ่มต้น 33.50 บาท/กิโลกรัม

    Online

สำหรับท่านที่สนใจ 

สามารถสอบถามข้อมูล และติดต่อแบรนด์ได้ที่ Cotco Call Center  02-285-2700​ ​

Website : www.cotcometalworks.co.th  ,FB Page : Cotco Metal Works Ltd.​

บริษัท คอทโก้เมททอลเวอร์คส จำกัด / COTCO METAL WORKS LIMITED
ผู้ผลิตท่อเหล็ก เหล็กรูปพรรณขึ้นรูปเย็น และศูนย์บริการเหล็ก ...

ไอเดียมาใหม่

บทความที่เกี่ยวข้อง

...

โพลสำรวจ

ถาม-ตอบ

Wazzadu.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานของคุณ