เลือกผ้าม่านอย่างไรให้ตรงใจ และใช้งานได้ตรงจุด...
หากคิดจะแต่งห้องสักห้องให้ออกมาสวยสมบูรณ์แบบตามคอนเซ็ปต์หรือความชอบแล้วละก็ สิ่งสำคัญที่ต้องใส่ใจและให้ความสำคัญเป็นพิเศษก็คงจะเป็นวัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้ในการตกแต่งแต่ละจุดของห้องให้ออกมาสอดคล้องกัน ทั้งยังต้องสอดรับกับไอเดียที่วางไว้อีกด้วย ซึ่งวันนี้เราจะมาเผยกิมมิคในการเลือก “ม่าน” อุปกรณ์แต่งบ้านชิ้นสำคัญ ที่เรียกได้ว่าเป็นพระเอกของงานอินทีเรียเลยก็ว่าได้ มาดูกันว่า การเลือกม่านให้ตรงใจจะมีจุดสำคัญอะไรที่ต้องใส่ใจบ้าง
สำหรับสิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการเลือกผ้าม่านนั้นมีอยู่ 3 จุดหลักๆ ได้แก่ Function, Emotion และ Budget
เริ่มด้วยจุดแรก “Function” หมายถึง การเลือกม่านให้เหมาะสมกับพื้นที่ใช้งาน เช่น หากต้องการใช้งานในห้องนอน จุดประสงค์หลักๆ ก็คือการบังแดด จึงควรเลือกใช้ผ้าม่าน แทนการใช้ม่านม้วน หรือม่านพับ เนื่องจากผ้าม่านมีประสิทธิภาพในการบดบังแสงแดดได้ดีกว่าม่านอีกสองชนิดข้างต้น
ทางด้านของ วัสดุ หรือ ชนิดของเนื้อผ้า ที่ใช้ในการผลิต รวมไปถึงรูปแบบการติดตั้งก็มีส่วนสำคัญต่อประสิทธิภาพในการบังแดด ตัวอย่างเช่น หากหน้างานมีการเตรียมกล่องม่าน หรือหลุมที่ยกระดับฝ้าขึ้นไปเพื่อติดตั้งรางม่าน จะสามารถป้องกันแสงแดดที่ลอดผ่านเข้ามาจากด้านบนได้ดีกว่าการติดตั้งแบบโชว์ราง
หรือหากเป็นห้องที่ต้องการเปิดมุมมองและทัศนียภาพภายในห้องให้แก่ผู้ใช้งาน เช่น ห้องนั่งเล่น อาจเลือกใช้เป็นม่านม้วน เนื่องจากมีทิศทางการเก็บม่านขึ้นด้านบน ทำให้เห็นวิวทิวทัศน์ภายนอกได้ดีกว่าการใช้ผ้าม่าน แต่ก็มีข้อเสียตรงที่แสงแดดจะสามารถส่องผ่านเข้ามาทางด้านข้างของม่านได้
จุดที่ 2 “Emotion” หมายถึง ความชื่นชอบ รสนิยม และมุมมองต่อผ้าม่านแต่ละรูปแบบ ซึ่งจะส่งผลต่อการเลือกใช้งานแตกต่างกัน อันจะนำไปสู่อารมณ์หรือความรู้สึกที่มีต่อห้องนั้นๆ ได้ด้วย เช่น ม่านบางชนิดก็มีสีสันและให้ความรู้สึกที่ดูขึงขัง ในขณะที่บางชนิดกลับดูอ่อนโยน นุ่มนวล และช่วยสร้างบรรยากาศแห่งความผ่อนคลาย
จุดที่ 3 “Budget” คำว่า งบประมาณ ในความหมายนี้ไม่ได้หมายถึง เงินที่เสียไปด้วยมูลค่าสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่ยังหมายถึง ความคุ้มค่าของสินค้าชิ้นนั้นๆ ในระยะยาวอีกด้วย ปฏิเสธไม่ได้ว่า “ผ้าม่าน” นับเป็นอุปกรณ์ชิ้นสำคัญในการแต่งบ้านที่ผู้ใช้งานมักใช้กันเป็นเวลานาน ดังนั้น การเลือกม่านโดยคำนึงถึงงบประมาณ ย่อมหมายถึงความคุ้มค่าและความคงทนในระยะยาว ซึ่งสอดคล้องกับการบริการที่ดีด้วยเช่นกัน
เห็นจุดสำคัญในการพิจารณาเลือกใช้ผ้าม่านกันไปแล้ว ก็มาดูชนิดของผ้าม่านที่นิยมใช้กันทั่วไปบ้าง ม่านที่นิยมใช้กันทั่วไป แบ่งออกเป็น 7 ประเภท ได้แก่
1. ผ้าม่าน ความโดดเด่นของผ้าม่าน คือ ความทึบแสง ซึ่งหมายถึงความสามารถในการบดบังแสงแดด นอกจากนี้ เรายังสามารถปรับการใช้งานผ้าม่านได้หลากหลายรูปแบบ ให้ตรงกับความต้องการในแต่ละขณะ รวมทั้งใช้งานได้หลายส่วน เช่น ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร แต่ที่นิยมใช้กันมากที่สุด ก็คือ ห้องนอน ซึ่งผ้าม่านจาก Toso by Wanniyom ก็มีจุดเด่นในเรื่องลูกเล่นการตัดเย็บ texture สีสัน และชนิดของผ้าที่หลากหลาย รองรับทุกความต้องการได้อย่างตรงจุด
2. ม่านม้วน โดดเด่นในเรื่องของดีไซน์ที่มีความเรียบง่าย มินิมอล ขณะเดียวกันมีความทันสมัย ดูแลรักษาง่าย ราคาย่อมเยากว่าในอดีต เมื่อพับเก็บขึ้นก็จะเห็นวิวภายนอกได้อย่างเต็มที่ ให้ความรู้สึกโปร่ง โล่ง และยังใช้สเปซน้อย ไม่เกะกะพื้นที่ใช้งานภายในห้อง นิยมใช้ภายในออฟฟิศ และ Public Area เช่น ล็อบบี้โรงแรม หรือพื้นที่ Open Space อีกทั้งยังใช้งานสะดวก เนื่องจากม่านม้วนนั้นทำความสะอาดง่าย ไม่เก็บฝุ่น
3. ม่านพับ เพิ่มความนุ่มนวลและผ่อนคลายให้ห้องด้วยความพลิ้วไหวของผ้าที่เป็นวัสดุหลัก นิยมใช้เป็นเซต คู่กันกับผ้าม่าน โดยจะแยกการใช้งานระหว่างหน้าต่างบานใหญ่และบานเล็ก นับเป็น 2 องค์ประกอบที่ช่วยเสริมกันได้อย่างลงตัว หรือจะใช้ม่านพับทั้งกับหน้าต่างบานใหญ่และเล็กภายในห้องเดียวก็สามารถทำได้เช่นกัน
4. มู่ลี่ ที่นิยมใช้กันคือ มู่ลี่ไม้ และ มู่ลี่อลูมิเนียม โดยทั้ง 2 วัสดุ จะสร้างบรรยากาศภายในห้อง และให้ความรู้สึกแตกต่างกัน หากเป็นมู่ลี่ไม้ มักใช้ภายในบ้าน ให้ความรู้สึกรีแลกซ์ เข้าถึงธรรมชาติได้ด้วยไม้ที่เป็นวัสดุจากธรรมชาติ ส่วนมู่ลี่อลูมิเนียม มักใช้กับงานออฟฟิศ ซึ่งเน้นไปที่ฟังก์ชันการใช้งาน ความคงทน แข็งแรง ทั้งยังติดตั้งรวดเร็วและราคาย่อมเยา
จุดประสงค์หลักของการใช้งานมู่ลี่ก็เพื่อการเปิด-ปิดรับแสงภายในห้อง เลือกปริมาณแสงเข้าออกได้จากการพลิกใบ โดยม่านจาก Toso by Wanniyom จะโดดเด่นในเรื่องของลูกเล่นที่ดูโมเดิร์น อ่อนช้อยนุ่มนวล ขณะเดียวกันก็ให้อารมณ์ขึงขังจริงจัง ตามแต่ดีไซน์ที่เลือกใช้งาน
5. ม่านพลีท โดดเด่นในเรื่องการประหยัดพื้นที่ติดตั้ง พับเก็บ และใช้งานสะดวก ด้วยรูปลักษณ์ที่แบน ให้ความรู้สึกนุ่มนวลและมีลูกเล่นด้วยดีไซน์ฟันปลาของตัวม่าน เพิ่มความอ่อนโยนและเติมมิติให้ห้องได้อย่างน่าสนใจ แต่ทั้งนี้ ก็มีข้อควรระวังในเรื่องการใช้งาน เนื่องจากตัววัสดุค่อนข้างบอบบาง พลีทอาจแตกได้ง่าย
พื้นที่ที่เหมาะกับการใช้ม่านพลีทประดับตกแต่ง เช่น ห้องที่ต้องการกลิ่นอายความเป็น Oriental อย่างในร้านอาหารญี่ปุ่น ร้านอาหารจีน หรือสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งตกแต่งในสไตล์เอเชีย เป็นต้น โดย Toso by Wanniyom ก็มีคอลเลคชั่นม่านพลีทที่ทำจากผ้าซึ่งได้แรงบันดาลใจจากกระดาษสาสไตล์ญี่ปุ่นที่มีความพลิ้วไหว พร้อมตอบโจทย์ความต้องการในจุดนี้ได้เป็นอย่างดี
6. ม่านปรับแสง มีฟังก์ชันการใช้งานเช่นเดียวกับมู่ลี่ แต่จะมีทิศทางตรงกันข้าม โดดเด่นด้วยดีไซน์เรียบง่าย ใช้งานด้วยการพลิกใบซ้าย-ขวาเพื่อเปิดรับแสง นิยมใช้ในออฟฟิศเช่นเดียวกับมู่ลี่อลูมิเนียม เนื่องด้วยราคาที่ไม่สูงนัก
7. ฉากกั้นห้อง โดดเด่นด้วยความสะดวกสบายในการติดตั้ง สามารถติดตั้งได้ง่ายและรวดเร็วโดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างหลัก มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน หากต้องการเปิดเพื่อกั้นพื้นที่ก็ทำได้อย่างง่ายดาย เพิ่มสเปซให้ห้องได้อย่างรวดเร็ว เมื่อไม่ต้องการใช้งานก็พับเก็บได้สะดวก ประหยัดพื้นที่ ทั้งยังมีข้อดีคือช่วยกั้นแอร์ และลดเสียงลอดได้อีกด้วย ส่วนใหญ่แล้วจะนิยมใช้กั้นพื้นที่ภายในบ้าน และคอนโด เช่น กั้นโซนรับประทานอาหาร กับห้องรับแขก หรือกั้นระหว่างห้องนอน และห้องนั่งเล่น เป็นต้น
เห็นถึงหลักการเลือกผ้าม่านให้เหมาะกับความต้องการกันไปแล้ว จะเลือกใช้งานกันอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับข้อจำกัดทั้ง 3 ส่วนของผู้ใช้งานที่แตกต่างกันนะครับ
ตัวอย่างสินค้าเทียบเคียง
สามารถกรอกข้อมูลความต้องการ Spec สินค้าได้ที่ลิงค์นี้
www.wazzadu.com/page/toso/contact
สอบถามข้อมูล และติดต่อสั่งซื้อได้ที่เบอร์ 02-311-2007 , 02-331-2511
#Wazzadu #TosobyWanniyom #TOSO #วิธีเลือกม่าน #ผ้าม่านTOSO #ม่านTOSO
ผู้เขียนบทความ
... อ่านเพิ่มเติม