กระจกกันเสียง (Acoustic Glass) คืออะไร มีกี่ประเภท และมีคุณสมบัติข้อดี-ข้อเสียอย่างไร
ก่อนจะรู้จักกับกระจกกันเสียง (Acoustic Glass) ต้องรู้จัก และเข้าใจการดูค่า STC เสียก่อน
ก่อนจะรู้จักกับกระจกกันเสียง เราจำเป็นต้องรู้จักกับค่า STC กันก่อนครับ ซึ่งเป็นค่ามาตรฐานที่ใช้กันในระดับสากล โดยค่า STC จะเป็นตัวบ่งชี้ว่าค่าที่อยู่ในระดับใดจึงจะเหมาะสมกับการป้องกันเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความสอดคล้องกับประเภทพื้นที่การใช้งานแบบใดบ้างนั่นเอง
Sound Transmission Class หรือค่า STC เป็นค่าที่ได้จากการทดสอบในห้องทดลอง ด้วยการแบ่งห้องว่างออกเป็น 2 ห้อง ห้องแรกจะเป็นห้องที่มีผนังหนามิดชิดเพื่อป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอก จากนั้นก็จะนำวัสดุที่ต้องการทดสอบ เช่น ประตู แผ่นผนังสำเร็จรูป แผ่นฝ้าเพดาน หรือ กระจก มาติดตั้งขั้นกลางระหว่าง 2 ห้อง จากนั้นจะปล่อยพลังเสียงที่มีความดัง แล้วทำการวัดเสียงแบบแยกความถี่ทั้ง 2 ห้อง เพื่อหาส่วนต่าง หรือเรียกว่าค่า Transmission Loss คือ ค่าที่วัสดุที่ทำการทดสอบสามารถป้องกันเสียงได้นั่นเอง จากนั้นจะนำค่า Transmission Loss หรือ TL ออกมาแยกความถี่ในระดับต่างๆ เพื่อดูความสัมพันธ์ระว่างความถี่ (Hz) และค่าเดซิเบลที่ได้ จากนั้นจะนำความสัมพันธ์ในระดับต่างๆไปคำนวนด้วยกราฟเพื่อหาค่า Sound Transmission Class หรือค่า STC ที่เหมาะสมต่อไป
ค่า STC นั้นสามารถแบ่งได้หลายระดับ ซึ่งแต่ละระดับจะมีความสัมพันธ์กับลักษณะเสียงรบกวนแบบต่างๆ มีดังนี้
STC 30-39 ลดความดังของเสียงพูดคุยปกติได้ แต่ยังเข้าใจเนื้อหาการสนทนา
STC 40-49 สามารถป้องกันเสียงพูดคุยปกติได้ จนไม่เข้าใจ หรือ จับใจความเนื้อหาการสนทนาไม่ได้
STC 50-59 ลดความดังของเสียงคนทะเลาะได้ แต่ยังจับใจความเข้าใจบทสนทนาได้
STC 60-69 ป้องกันเสียงรบกวนจากคนทะเลาะกัน และเสียงรถวิ่งได้เกือบ 100%
STC 70-74 ลดความดังของเสียงดนตรีที่เล่นอีกฝั่งได้ แต่ยังได้ยินอยู่บ้าง
STC 75 ขึ้นไป ป้องกันเสียงรบกวนจากการเล่นดนตรีได้เกือบ 100%
กระจกกันเสียง (Acoustic Glass) คืออะไร...?
กระจกกันเสียง คือ กระจกที่มีคุณสมบัติในการป้องกันเสียงรบกวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะนำกระจกประเภทใดมาทำก็จะต้องมีความหนารวมไม่น้อยกว่า 12 มม.(ในกรณีที่ใช้กระจกแบบสองชั้น จะต้องมีช่องว่างระหว่างกระจก 70 มม.ขึ้นไป) และควรมีค่า Sound Transmission Class หรือค่า STC ตั้งแต่ 30 ขึ้นไป ถ้าหากกระจกมีความหนามากกว่า 12 มม. ก็จะยิ่งมีค่า STC สูง ยิ่งค่า STC สูงมากเท่าใด ก็จะยิ่งป้องกันเสียงรบกวนได้มากขึ้นตามไปด้วย
ส่วนประกอบของกระจกกันเสียง (Acoustic Glass Raw Material)
ในการทำกระจกกันเสียงนั้น ประเภทกระจกที่นิยมนำมาใช้เป็นส่วนประกอบมีอยู่ 3 ประเภท ดังนี้
1. กระจกชั้นเดียว (Single Glazing) คือ กระจกที่มี Layer เดียวแบบเพียวๆไม่ว่าจะเป็นกระจกใส หรือ กระจกนิรภัยเทมเปอร์ฯลฯ
2. กระจกลามิเนต (Laminated Glass) คือ การนำกระจก 2 แผ่นขึ้นไป มาประกบกันแบบสนิท โดยมีชั้นฟิล์ม PVB (Polyvinyl Butyral) ,EVA (Ethylene-vinyl acetate) หรือ SentryGlas ขั้นกลางระหว่างกระจกทั้งสองแผ่น ซึ่งฟิล์มจะช่วยยึดเกาะแผ่นกระจกไม่ให้ร่วงหล่นเวลาแตก
3. กระจกสองชั้น (Double Glazing) คือ การนำกระจก 2 แผ่น (จะใช้กระจกชั้นเดียว หรือ กระจกลามิเนต ก็ได้) มาประกบกันโดยเว้นช่องว่างระหว่างกระจกไว้
ประเภทของกระจกกันเสียง (Acoustic Glass)
มี 4 ประเภท ดังนี้
1. กระจกชั้นเดียว (Single Glazing) กระจกประเภทนี้ยิ่งมีความหนามาก ยิ่งป้องกันเสียงได้ดี ส่วนใหญ่ใช้เป็นกระจกสำหรับประกอบทำกระจกกันเสียง ไม่นิยมนำไปติดตั้งแบบเดี่ยวๆ เนื่องจากกระจกชั้นเดียวเวลาแตกจะร่วงหล่น และมีความแหลมคนเป็นอันตราย
2. กระจกลามิเนต (Laminated Glass) เป็นกระจกที่นิยมใช้กันค่อนข้างมากเพราะให้ความปลอดภัยสูง เวลากระจกแตกชั้นฟิล์มที่อยู่ตรงกลางระหว่างกระจกทั้งสองแผ่นจะยึดเกาะแผ่นกระจกเอาไว้ไม่ให้ร่วงหล่นลงมา กระจกลามิเนตถ้าหากมีความหนาใกล้เคียงกับกระจกชั้นเดียว กระจกลามิเนตจะกันเสียงได้ดีกว่า เช่น กระจกลามิเนต 6 + 0.38 + 6 มม. (กระจก+ชั้นฟิล์ม+กระจก) = ความหนารวม 12.38 มม. จะหนา และกันเสียงได้ดีกว่ากระจกชั้นเดียว 12 มม. และจะมีค่า STC ที่สูงกว่า
3. กระจกสองชั้น (Double Glazing) กระจก 2 ชั้นที่จะกันเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะต้องมีช่องว่างตรงกลางระหว่างกระจกไม่น้อยกว่า 70 มม. (7 ซม.) ถึงจะได้ค่า STC ที่สูงขึ้น
4. กระจกสองชั้น แบบผสมผสาน (Double Glazing Mix & Match) ลักษณะจะคล้ายกับข้อ 3 แต่จะให้ประสิทธิภาพในการป้องกันเสียงที่เพิ่มขึ้น โดยแผ่นกระจกจะเปลี่ยนจากกระจกชั้นเดียว เป็นกระจกลามิเนตแทนในส่วนที่เป็นผนังด้านใน หรือ ด้านที่ใกล้ชิดกับผู้ใช้งาน เพราะเวลากระจกแตกจะให้ความปลอดภัยโดยไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้งาน จึงกลายเป็นกระจกกันเสียงอีกประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมในการนำไปใช้งาน แต่ค่อนข้างราคาสูง
คุณสมบัติเด่นของกระจกกันเสียง (Acoustic Glass)
- มีความแข็งแรง ทนต่อการบุกรุก หรือ โจรกรรม มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
- สามารถทำความสะอาดได้ง่าย
- ช่วยลดรังสียูวี และป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คุณสมบัติด้อยของกระจกกันเสียง (Acoustic Glass)
- มีน้ำหนักค่อนข้างมาก เพราะหนากว่ากระจกทั่วไป
- ขนาดของกรอบเฟรม มีขนาดที่กว้างขึ้นกว่ากระจกทั่วไป
การนำกระจกกันเสียง (Acoustic Glass) ไปใช้ในงานสถาปัตยกรรม
โดยส่วนใหญ่แล้วกระจกกันเสียงจะถูกนำไปติดตั้งเป็นผนัง ประตู หรือ หน้าต่าง เป็นหลัก การนำกระจกกันเสียงไปใช้งาน ค่า STC จะต้องมีความสัมพันธ์เหมาะสมกับลักษณะพื้นที่การใช้งานแบบต่างๆ ดังนี้
STC 30-39 เหมาะกับอาคารที่พักอาศัยทั่วไป
STC 40-49 เหมาะกับร้านค้า ร้านอาหาร และอาคารสาธารณะทั่วไป
STC 50-59 เหมาะกับห้องประชุม พื้นที่สำนักงาน พิพิธภัณฑ์ หรืออาคารพักอาศัยที่ต้องการความเป็นส่วนตัว
STC 60-69 เหมาะกับห้องโฮมเธียเตอร์ ห้องคาราโอเก๊ะ ห้องอัดเสียงจัดรายการ หรือ สนามบิน
STC 70-74 เหมาะสำหรับโรงภาพยนตร์ โรงละคร หรือ เธียเตอร์สำหรับจัดงานคอนเสิร์ต
STC 75 ขึ้นไป เหมาะกับสถานบันเทิง
ราคาเฉลี่ยของกระจกกันเสียง (Acoustic Glass) ในท้องตลาด
- กระจกชั้นเดียว (Single Glazing) ความหนามากกว่า 12 มม. ราคา ตร.ม.ละ 2000 บาทขึ้นไป
- กระจกลามิเนต (Laminated Glass) ราคาตั้งแต่ 1,200 - 1,500 บาท ต่อ ตร.ม. ขึ้นอยู่กับความหนาของกระจก
- กระจกสองชั้น (Double Glazing) ราคาตั้งแต่ 2,000 - 2,500 ขึ้นอยู่กับความหนาของกระจก และขนาดของช่องว่างระหว่างกระจก
เขียน และเรียบเรียงโดย Wazzadu Encyclopedia
ข้อมูลอ้างอิงจาก
- Allard Double Glazing Blog
- http://www.zen-acoustic.com
วัสดุเทียบเคียงในหมวด "กระจกกันเสียง (Acoustic Glass)"
สินค้าเทียบเคียงในหมวด"กระจกนิรภัยลามิเนต"
ข้อมูลอื่นๆของ "กระจกกันเสียง" สำหรับงานตกแต่งสถาปัตยกรรม
ผู้เขียนบทความ
โดยเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงกลุ่มผู้ใช้งานต่างๆ ตั้งแต่ สถาปนิก แบรนด์สินค้า ผู้จัดจำหน่าย และผู้ให้บริการต่างๆที่เกี่ยวข้อง ... อ่านเพิ่มเติม