ไม้วีเนียร์ (Wood Veneer) คืออะไร มีกี่ประเภท และมีคุณสมบัติข้อดี-ข้อเสียอย่างไร
ความเป็นมา และวิวัฒนาการของไม้วีเนียร์ (Wood Veneer)
ประวัติการใช้ไม้วีเนียร์ถูกค้นพบเป็นครั้งแรกบนโลก ต้องย้อนเวลากลับไปไกลเกือบ 4,000 ปีเลยทีเดียว โดยถูกค้นพบครั้งแรกภายในสุสานของฟาโรห์ในอียิปต์ การผลิตแผ่นไม้วีเนียร์ด้วยวิธีการหั่นบางๆ จากท่อนซุง ด้วยการใช้อุปกรณ์ที่คล้ายกับเลื่อย ซึ่งถือเป็นงานฝีมือชั้นยอดในยุคนั้น การผลิตไม้วีเนียร์ได้ถูกนำไปใช้ในการกรุพื้นผิวของอาคารบ้านเรือนชนชั้นสูง รวมถึงสุสานฟาโรห์อันเกรียงไกรของอาณาจักรอียิปต์โบราณ
ในช่วงปลายศตวรรษที่ 17 งานฝีมือในการผลิตแผ่นไม้วีเนียร์ ได้รับการขัดเกลาและการพัฒนาให้ดีขึ้น โดยนักออกแบบชาวอังกฤษ Thomas Chippendale ซึ่งเขาได้กลายเป็นผู้มีชื่อเสียงในช่วงต้นศตวรรษที่ 18 จากการใช้แผ่นวีเนียร์ผลิตเฟอร์นิเจอร์ที่ประณีตของเขา
ต่อมาอุตสาหกรรมเปียโนกลายเป็นอุตสาหกรรมแรกในทวีปอเมริกาเหนือที่ใช้ไม้วีเนียร์ในการผลิต และในช่วงกลางศตวรรษที่ 18 เครื่องบดอัดไม้วีเนียร์ได้รับการจดสิทธิบัตร ซึ่งเป็นจุดกำเนิดสำหรับการพัฒนาต่อยอดเครื่องกลึงในปัจจุบัน
เยื่อไม้แผ่นบางๆที่ใช้ในการผลิตแผ่นวีเนียร์ สำหรับนำไปใช้ตกแต่งจะได้รับการคัดเลือกอย่างพิถีพิถันตามขนาดอัตราการเจริญเติบโต และลักษณะทางธรรมชาติ ซึ่งแผ่นไม้วีเนียร์ส่วนใหญ่ถูกฝานเป็นชิ้นบางๆจากไม้เนื้อแข็ง ที่มีลักษณะเป็นไม้ผลัดใบ หรือ มีใบกว้าง ในปัจจุบันมีไม้เนื้อแข็งกว่า 90,000 ชนิดในโลก แต่มีเพียงประมาณ 100 ชนิดเท่านั้น ที่ถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตไม้วีเนียร์
ไม้วีเนียร์ (Wood Veneer) คืออะไร...?
วีเนียร์ คือ วัสดุปิดผิวที่ทำมาจากเยื่อไม้แผ่นบางๆที่ฝานมาจากท่อนซุง แล้วนำมาอบ และอัดต่อกันเป็นแผ่น ด้วยความหนาไม่เกิน 3 มม. โดยให้ผิวสัมผัสที่เป็นธรรมชาติสวยงามไม่ต่างจากไม้จริง เหมาะสำหรับนำไปใช้ติดตั้งปิดผิวบนวัสดุจำพวกไม้อัด ,ปาร์ติเกิลบอร์ด ,แผ่นMDF ,HDF หรือ Blockboard จนได้พื้นผิวตามขนาดของไม้นั้นๆ(ใช้กาวเป็นตัวยึดประสาน) แล้วเคลือบผิวด้วยแล็กเกอร์หรือยูรีเทนป้องกันการขีดข่วน เหมาะกับการปิดผิวเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว และเฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน รวมถึงงานตกแต่งต่างๆภายในอาคาร
ในปัจจุบันการผลิตไม้วีเนียร์มากกว่า 90% ผลิตมาจากแหล่งป่าปลูกที่มีการจัดการไม้อย่างยั่งยืนเป็นระบบ ไม้วีเนียร์จึงเป็นวัสดุปิดผิวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นับตั้งแต่แหล่งที่มาของป่าปลูกทดแทนจนถึงกระบวนการผลิตที่ใช้พลังงานน้อย
ส่วนประกอบของไม้วีเนียร์ (Wood Veneer Raw Material)
ไม้วีเนียร์ ทำมาจากเยื่อไม้แผ่นบางๆซึ่งได้จากการกระบวนการผลิต โดยการนำไม้ซุงท่อนมาฝานเป็นแผ่นบางๆ ด้วยความหนาตั้งแต่ 0.3 มม.ไปจนถึง 3 มม. ซึ่งวิธีการฝานไม้ถือเป็นส่วนสำคัญที่จะกลั่นกรองความสวยงามของลายไม้ให้ปรากฏออกมา ทั้งปัจจัยในด้านความสวยงาม เช่น สีสัน ลวดลาย หรือปัจจัยในด้านรอยตำหนิของไม้ธรรมชาติ เช่น
- เกรนไม้ (Grain) คือ ความหนาแน่นในโครงสร้างเซลล์เนื้อไม้ ซึ่งทิศทางของลายไม้ จะเป็นไปตามแกนของลำต้น ซึ่งต้นไม้ที่เจริญเติบโตอย่างสม่ำเสมอ และมีลำต้นตรงจะให้ลายเกรนที่ตรง ส่วนลายเกรนที่เป็นคลื่นเกิดจากต้นไม้ที่มีโครงสร้างเซลล์ที่เป็นคลื่น
- ฟิคเกอร์ไม้ (Figure) คือ การรวมตัวกันของลักษณะเด่นตามธรรมชาติที่สะสมมาตลอดการเจริญเติบโตของต้นไม้แต่ละชนิด ฟิคเกอร์เกิดจากความแตกต่างระหว่างการเจริญเติบโตของไม้ ที่เกิดก่อนกับเกิดทีหลัง ความหนาแน่นของวงปี ที่เป็นวงซ้อนๆ กันอยู่หรือที่เป็นวงบิดเบี้ยว การกระจายตัวของผิวเนื้อไม้ ผลกระทบจากเชื้อโรค หรือการถูกทำลายทางกายภาพ ตลอดจนวิธีการแปรรูปไม้ท่อนไปเป็นแผ่นไม้
จากนั้นจึงนำเยื่อไม้แผ่นบางๆไปเข้าเครื่องอบเพื่อนำความชื้นออกจากไม้ แล้วจึงนำแผ่นวีเนียร์ที่มีขนาดหน้ากว้างที่ไม่มากนักมาต่อลวดลายเป็นแผ่นที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งสามารถแบ่งลักษณะวีเนียร์ออกได้หลายประเภท ดังนี้
ประเภทของไม้วีเนียร์ (Wood Veneer)
- Natural Colour
เป็นไม้วีเนียร์โทนสีธรรมชาติ ซึ่งมีทั้งโทนครีมอ่อนๆ โทนน้ำตาล และโทนที่เห็นลายไม้ชัดเจน เช่น Ash, Oak, Maple, Beech ,Walnut, Cheery, Mahogany หรือ Zebrano เป็นต้น
- Recomposed Colour
เป็นการนำไม้วีเนียร์มาจัดเรียงลวดลาย และสีของชั้นไม้ แล้วย้อมสีจัดเรียงใหม่โดยไม่สามารถควบคุมความสม่ำเสมอของสี และลวดลายไม้ได้ จากนั้นนำเข้ากระบวนการบีบอัดเพื่อนำมาตัดขวาง ซึ่งจะทำให้เกิดลวดลายใหม่ และมีสีสันที่แปลกตา
- Fashion Colour
เป็นการสร้างลวดลายให้ดูแปลกตา โดยการนำวีเนียร์ไปย้อมสีในโทนต่างๆ เช่น แดง, ชมพู, เขียว, ฟ้า, น้ำเงิน เป็นต้น
- Fancy Block Colour
เป็นการนำวีเนียร์หลายชนิดมาผสมผสานกันให้เหมือนบล็อคไม้ที่เรียงต่อกันในโทนสีที่ตัดกันไปมา ซึ่งให้ความสวยงามแปลกตาไปอีกแบบ
- Woven Veneer
เป็นการนำเอาไม้วีเนียร์มาเรียงสานกันแบบตารางหมากรุก เมื่อมองเผินๆจะมีลักษณะคล้ายลวดลายของเครื่องจักรสาน หรือ ที่เรียกว่าลายขัด โดยพื้นผิวจะนูนขึ้นมา จึงให้มิติการสัมผัสที่แตกต่างจากวีเนียร์แบบอื่นๆ
- Banding Inlay Veneer
เป็นการนำเอาไม้วีเนียร์มาสร้างเป็นลวดลายสลับสีเป็นเส้นแถบยาวๆ เรียกว่าเส้นอินเลย์ โดยนำไปตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ด้วยการเจาะร่องชิ้นงาน และฝังเส้นอินเลย์ลงไป มีขนาดหน้ากว้างตั้งแต่ 3 มม. ไปจนถึง 150 มม. และยาวเฉลี่ยเส้นละ1.20 เมตร
ผู้สนับสนุน
คุณสมบัติเด่นของไม้วีเนียร์ (Wood Veneer)
- ให้ผิวสัมผัสที่เป็นธรรมชาติสวยงามไม่ต่างจากไม้จริง
- ให้ Feeling ในการสัมผัสที่ดี เหยียบแล้วไม่กรอบแกรบ
- มีลวดลายให้เลือกอย่างหลากหลาย เข้ากันได้กับงานออกแบบหลากสไตล์
- ทำความสะอาดได้ง่าย มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
- สามารถซ่อมแซมแก้ไขพื้นผิวได้ง่าย และหาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาด
คุณสมบัติด้อยของไม้วีเนียร์ (Wood Veneer)
- ใช้งานได้เฉพาะในพื้นที่ร่ม หรือ ภายในอาคารเท่านั้น
- ไม่ทนต่อรอยขูดขีด
- ถ้าหากโดนน้ำ หรือ ความชื้น จะทำให้แผ่นวีเนียร์ลอก และมีอายุการใช้งานที่ลดลงเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
การนำไม้วีเนียร์ (Wood Veneer) ไปใช้ในงานสถาปัตยกรรม
- ใช้ตกแต่งภายในอาคาร เช่น ปูพื้น หรือ ปิดผิวผนัง ฯลฯ
- ใช้ปิดผิวเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว และเฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน
ขนาด และราคาเฉลี่ยของแผ่นไม้วีเนียร์ (Wood Veneer) ในท้องตลาด
ขนาดส่วนใหญ่ในท้องตลาด คือ 4×8 ฟุต หรือประมาณ 122×244ซม.
ราคา
- เกรดทั่วไป 500 - 1,500 บาท/แผ่น
- เกรดพิเศษ 3,000 บาทขึ้นไป/แผ่น
เขียน และเรียบเรียงโดย Wazzadu Encyclopedia
ข้อมูลอ้างอิงจาก
- wood-veneer.com
- www.gee-raff.com
ไอเดียการใช้วัสดุ "วีเนียร์" ในงานตกแต่งทางสถาปัตยกรรม
ผู้เขียนบทความ
โดยเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงกลุ่มผู้ใช้งานต่างๆ ตั้งแต่ สถาปนิก แบรนด์สินค้า ผู้จัดจำหน่าย และผู้ให้บริการต่างๆที่เกี่ยวข้อง ... อ่านเพิ่มเติม