แนวทางการเลือกใช้พื้นไม้ 8 ประเภท ให้เหมาะกับสไตล์การตกแต่งของคุณ

สำหรับใครที่กำลังมีโปรเจคจะตกแต่ง หรือ ต่อเติมปรับปรุงห้องต่างๆภายในอาคาร แล้วกำลังมองหาพื้นไม้สวยๆอยู่ แต่ยังเลือกไม่ถูกว่าจะใช้พื้นไม้แบบใดจึงจะมีความเหมาะสมกับห้อง หรือ อาคารของตนเอง ทั้งในเรื่องคุณสมบัติ การดูแลรักษา การนำไปใช้งาน หรือแม้แต่ราคา ก็ล้วนมีความสำคัญต่อการตัดสินใจอยู่ไม่น้อย 

วันนี้จึงมีแนวทาง "การเลือกใช้พื้นไม้ 8 ประเภท ให้เหมาะกับสไตล์การตกแต่งของคุณ" มาฝากกันครับ ซึ่งพื้นไม้จริง และพื้นที่ทำมาจากวัสดุทดแทนไม้จริงแต่ละชนิด จะมีคุณสมบัติ และวิธิการใช้งานที่น่าสนใจอย่างไรบ้างนั้น ตามมาชมกันเลยครับ

พื้นไม้ลามิเนต (Laminate Wood Flooring)

รูปภาพประกอบจาก www.flickr.com

สินค้าเทียบเคียงในหมวด"พื้นไม้ลามิเนต"

1. พื้นไม้ลามิเนต (Laminate Wood Flooring)

พื้นประเภทนี้กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะความทนทาน สวยงาม และติดตั้งง่าย อีกทั้งยังราคาถูกถ้าเทียบกับพื้นไม้จริง พี้นไม้ลามิเนตมีองค์ประกอบหลายชั้นที่ถูกรวมเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นชิ้นไม้ที่มีความทนทาน ซึ่งแบ่งชั้นไม้ออกได้เป็นสัดส่วนดังนี้

1.1 โดยผิวหน้าชั้นบนสุดจะเป็นชั้นที่ใช้ป้องกันรอยขูดขีดหรือคราบต่างๆ

1.2 เป็นชั้นตกแต่งที่ทำให้ลามิเนตมีผิวสัมผัส และลวดลายเหมือนไม้จริง

1.3 ชั้นแกนกลางทำมาจาก fiberboard ที่มีความหนาแน่นปานกลางหรือสูง เพื่อใช้รับน้ำหนักและแรงกดจากการเดินไปมา

1.4 ความแข็งแรง และความคงตัวจะเกิดจากชั้นล่างสุดที่ช่วยให้คงรูปร่างได้ไม่โค้งงอ หรือ พังเสียหาย

ปัจจุบันพี้นไม้ลามิเนตมีระบบล๊อกที่เชื่อมต่อระหว่างแผ่นไม้ การเปลี่ยนจากการเชื่อมต่อด้วยกาวมาเป็นการเชื่อมโดยใช้กลไกเล็กๆน้อยๆก็ทำให้การติดตั้งเป็นไปได้อย่างง่ายดาย และรวดเร็ว อีกทั้งยังดูแลรักษาได้ง่ายอีกด้วย

พื้นไม้สำเร็จ (Engineered Wood Flooring)

รูปภาพประกอบโดย www.bdcnetwork.com

สินค้าเทียบเคียงในหมวด"พื้นไม้เอนจิเนียร์"

2. พื้นไม้สำเร็จ (Engineered Wood Flooring)

เป็นพื้นไม้จริง ที่เคลือบผิวสำเร็จ หรือ อาจจะเรียกได้หลายแบบตามการวางโครงสร้างของไม้ เช่น 3 layers, 2 layers หรือ multi layers ซึ่งหน้าไม้จริงจะมีความหนาประมาณ 3 - 4 mm.เคลือบผิวด้วย UV PU Acrylic Lacquer ส่วนไม้ชั้นล่างที่วางโครงสร้างไว้ อาจจะเป็นไม้อัดกันน้ำ หรือ ไม้ยางพารา โดยวางขวางเสี้ยนไม้เพื่อยึดเซลล์ไม้ไม่ให้มีการขยายตัวหรือบิดตัว (เพราะธรรมชาติของไม้จริง จะมีการขยายตัวออกทางด้านข้าง)ไม้ชนิดนี้จะมีลิ้นล็อครอบตัว

ข้อดีของพื้นไม้สำเร็จ คือ เมื่อติดตั้งเสร็จก็สามารถใช้งานได้ทันที เพราะไม่ต้องขัดทำสีหน้างาน ไม่มีฝุ่น ยืดหดตัวน้อย ลดปัญหาพื้นไม้บวมแตก ซ่อมงานได้ง่ายเพียงเปลี่ยนแผ่นที่ชำรุดออกเพียงไม่กี่แผ่นโดยไม่ต้องรื้อออกทั้งแผง จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ หากต้องการพื้นไม้จริงที่ราคาไม่สูงเท่ากับไม้จริงทั้งแผ่น

พื้นไม้พลาสติกคอมโพสิต (wood plastic composite)

รูปภาพประกอบโดย www.rehau.com

สินค้าเทียบเคียงในหมวด"พื้นไม้เทียม"

3. พื้นไม้พลาสติกคอมโพสิต (wood plastic composite)

พื้นประเภทนี้มีคุณสมบัติเหมือนไม้ และพลาสติก ซึ่งคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์นั้นๆจะโน้มเอียงไปทางไหนก็จะขึ้นอยู่กับสัดส่วนของไม้ และพลาสติกที่นำมาผสมกัน โดยทั่วไปแล้วขั้นตอนการผลิต wood plastic composite จะมี2ขั้นตอนหลัก คือ การนำไม้ และเม็ด พลาสติกมาผสมกัน และการขึ้นรูป wood plastic composite โดยใช้วิธีที่ต่างกัน โดยไม้สังเคราะห์ที่มีส่วนผสมของ PVC  จะเหมาะกับการใช้ภายในอาคาร  ส่วนไม้สังเคราะห์ที่มีส่วนผสมของ PP และ PE  จะเหมาะกับการใช้ภายนอกอาคาร เช่น พื้นที่ระเบียง หรือ พทื้นที่สวนนอกอาคาร เนื่องจากทนแดด ทนฝนได้ดีกว่าแบบ PVC

ข้อดีของพื้นไม้พลาสติกคอมโพสิตที่เด่นชัด คือ ไม่มีมอด และแมลงรบกวน มีความทนทานต่อความชื้น (ขึ้นอยู่กับส่วนผสมระหว่างไม้กับพลาสติกว่าอันไหนเยอะหรืออันไหนน้อย) มีสีภายในตัว ลดขั้นตอนในการทาสี นอกจากนี้ยังติดตั้งง่าย ตัดแต่งได้เหมือนไม้จริง มีอายุการใช้งานนานกว่า 10 ปี และไม่ลามไฟ

พื้นไม้จริงทำสีสำเร็จ (Solid Wood Flooring)

รูปภาพประกอบโดย blog.naver.com

สินค้าเทียบเคียงในหมวด"พื้นไม้จริง"

4. พื้นไม้จริงทำสีสำเร็จ (Solid Wood Flooring)

พื้นประเภทนี้เป็นไม้จริงมาจากธรรมชาติ พร้อมทั้งทำผิวหน้าทางวิทยาศาสตร์ให้มีความคงทนสูง ขัด และทำสีไม้ให้สวยงาม ก่อนทำการติดตั้งไม่จำเป็นต้องขัด และทำสีอีก มีคุณสมบัติเหมือนไม้แผ่นเข้าลิ้น จึงทำให้การติดตั้งมีความรวดเร็ว สวยงาม คงทน ให้ความรู้สึกในการสัมผัสที่ดี แต่ยังไม่เป็นที่นิยมในเมืองไทยมากนัก

ข้อดีของไม้ชนิดนี้คือ การติดตั้งที่ทำได้รวดเร็ว ไม่ต้องรอขัดทำสี เพราะไม้ถูกทำผิวหน้าให้มีผิวเคลือบพร้อมใช้เลย เมื่อใช้งานมานานหลายปี แล้วต้องการขัดทำสีก็สามารถขัดทำสีได้หลายครั้งตามความต้องการ เพราะมีชั้นไม้ที่หนาจึงไม่ต้องกลัวว่าจะผิวสัมผัสจะบาง และเสียหายจากการขัด

พื้นไม้จริง (Wood Flooring)

รูปภาพประกอบโดย www.hemtrender.com

สินค้าเทียบเคียงในหมวด"พื้นไม้จริง"

5. พื้นไม้จริง (Wood Flooring)

ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัยพื้นไม้จริงจากธรรมชาติก็ยังได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย ด้วยลวดลายของผิวสัมผัส และคุณค่าของไม้จริงนั้นก็ยังไม่มีวัสดุทดแทนใดๆมาแทนที่ในด้านความเป็นธรรมชาติได้ ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีวัสดุทดแทนไม้จริงผลิตออกมาใช้กันมากมายในท้องตลาดก็ตาม ในด้านคุณสมบัติไม้จริงมีข้อจำกัดที่ไม่สามารถใช้ภายนอกอาคาร หรือ พื้นที่กลางแจ้งได้ ถ้าหากโดนน้ำฝนเป็นเวลานานหลายปีก็จะทำให้ผุพังง่าย จึงจัดเป็นวัสดุที่เหมาะสมเเก่การใช้ภายในอาคารเสียมากกว่า สมัยก่อนบ้านทุกหลังไม่ว่าจะเป็นงานเฟอร์นิเจอร์ หรือ งานปูพื้นภายในบ้านก็ล้วนแล้วแต่ใช้ไม้จริง  แต่ปัจจุบันเมื่อไม้จริงเริ่มลดน้อยลง มีราคาสูงขึ้น จึงมีวัสดุทดแทนไม้จริงผลิตมาเพื่อให้เป็นทางเลือกมากขึ้น 

กระเบื้องยางลายไม้ (Rubber Floor Tile)

รูปภาพประกอบโดย www.dorisleslieblau.com

สินค้าเทียบเคียงในหมวด"กระเบื้องยาง"

6. กระเบื้องยางลายไม้ (Rubber Floor Tile)

กระเบื้องยางลายไม้แบบคลิ๊กล๊อค หรือ แบบมีลิ้น ทำมาจากวัสดุประเภทพีวีซี และโพลียูรีเทน เป็นที่นิยมมากในยุคปัจจุบัน โดยมีความหนาประมาณ 3-4 มม. มีระบบคลิ๊กเพื่อล๊อคในตัว โดยไม่ต้องใช้กาวในการติดตั้ง จึงทำให้ติดตั้งได้รวดเร็ว และสามารถรื้อไปใช้ที่อื่นได้ภายหลัง แต่การเตรียมพื้นที่จะปูกระเบื้องยางควรปรับพื้นให้ได้ระดับเรียบเสียก่อน โดยจะต้องไม่เป็นแอ่ง สุง-ต่ำ สำหรับราคากระเบื้องยางแบบคลิ๊กล๊อคในไทยนั้นมีราคาในระดับกลาง ไล่ไปจนถึงค่อนข้างสูง ตามเกรดของวัสดุที่ใช้ในการผลิต

กระเบื้องปูพื้นลายไม้ (Tile Flooring)

รูปภาพประกอบโดย blog.officestar.net

สินค้าเทียบเคียงในหมวด"กระเบื้อง - วัสดุปูพื้น ลายไม้"

7. กระเบื้องปูพื้นลายไม้ (Tile Flooring)

กระเบื้องปูพื้นลายไม้ เป็นวัสดุตกแต่งที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน ถือได้ว่าเป็นวัสดุที่จะช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับบ้านได้ด้วยวิธีการติดตั้งที่สะดวกรวดเร็วที่สุด อีกทั้งช่างก็มีความคุ้นเคยจึงไม่ใช่เรื่องยากในการปูพื้น ซึ่งในปัจจุบันกระเบื้องปูพื้นถูกนำมาพัฒนาให้มีหลากหลายรูปแบบทั้งลวดลาย เนื้อวัสดุ และผิวสัมผัส ที่ใกล้เคียงเสี้ยนไม้จริงมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถทำความสะอาดได้ง่าย หาซื้อได้ทั่วไปตามท้องตลาด และราคาก็ไม่สูงจนเกินไป 

พื้นไม้คอร์ก (Cork Wood Flooring)

รูปภาพประกอบโดย House Pienaar Joinery​

8. พื้นไม้คอร์ก (Cork Wood Flooring)

พื้นประเภทนี้มีคุณสมบัติพิเศษที่แตกต่างจากวัสดุปูพื้นชนิดอื่นๆ ซึ่งสามารถช่วยลดเสียงรบกวนภายในห้องได้จึงทำให้ห้องเงียบ เพราะมีการดูดซับเสียงที่ดีกว่าวัสดุปูพื้นประเภทอื่นๆ อีกทั้งยังช่วยลดแรงกระแทกเนื่องจากผิวสัมผัสที่มีความนุ่มนวล และยืดหยุ่นสูง จึงทำให้ลดแรงกระแทกในการเดิน นั่งนอน โดยเฉพาะลดการเกิดอันตรายต่อเด็ก และผู้สูงวัย ซึ่งสามารถปรับตัวเข้ากับอุณหภูมิ และความดันภายในห้องได้ดี จึงทำให้อุณหภูมิของร่างกายไม่เย็นจนเกินไป เนื่องจากพื้นไม้คอร์กจะรักษาอุณหภูมิภายในตัววัสดุให้มีความอบอุ่นอยู่ตลอดเวลา มือเท้าที่สัมผัสไม่เย็นจนเกินไป ทำให้เกิดสภาวะสบายในการอยู่อาศัย นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นฉนวนกันความร้อน และรักษาอุณหภูมิให้คงที่อยู่ตลอดเวลา

พื้นไม้คอร์กจัดเป็นวัสดุธรรมชาติ 100% และเป็น ECO Material ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีผิวสัมผัสที่สวยงามแปลกตา ชั้นเนื้อไม้ประกอบไปด้วยเซลล์ขนาดเล็กที่รวมตัวกันในลักษณะรวงผึ้ง จึงทำให้มีน้ำหนักเบา และง่ายต่อการบีบอัด

สินค้าเทียบเคียงในหมวด"พื้นไม้คอร์ก"

แพลตฟอร์ม และเครื่องมือสำหรับการออกแบบตกแต่งบ้าน และงานสถาปัตยกรรม
โดยเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงกลุ่มผู้ใช้งานต่างๆ ตั้งแต่ สถาปนิก แบรนด์สินค้า ผู้จัดจำหน่าย และผู้ให้บริการต่างๆที่เกี่ยวข้อง ...

บทความอื่นๆ จากผู้เขียน

โพสต์เมื่อ

โพสต์เมื่อ

...

โพลสำรวจ

ถาม-ตอบ

Wazzadu.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานของคุณ