สร้างเครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก รถยนต์ไฟฟ้า (EVs) พร้อมที่จะมีบทบาทสำคัญในความพยายามระดับโลกในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จากข้อมูลของInternational Energy Agency (IEA) ผู้บริโภคใช้เงิน 120 พันล้านเหรียญสหรัฐ (USD) ในการซื้อ EV ในปีที่แล้ว เพิ่มขึ้น 50% จากปี 2020 และมีรถยนต์ไฟฟ้ามากมายอย่าง รถตู้ รถบรรทุก และรถบัสมากกว่า 11 ล้านคันทั่วโลกที่นำมาขับออกบนท้องถนน อย่างไรก็ตาม รถยนต์ไฟฟ้ามีสัดส่วนน้อยกว่า 1% ของยานพาหนะทั้งหมดที่ใช้งานอยู่ การเพิ่มอัตราการนำมาใช้จริงขึ้นอยู่กับการขยายเครือข่ายสถานีชาร์จไฟฟ้าที่มีความน่าเชื่อถือได้ทั่วโลกเป็นส่วนใหญ่

Climate Group เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรระหว่างประเทศมีรายงานว่าสมาชิกของ โครงการ EV100 อ้างว่าการไม่มีโครงสร้างพื้นฐานในการชาร์จเป็นอุปสรรคสำคัญในการนำ EV มาใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร ในการสำรวจเจ้าของ EV 3,500 รายในสหรัฐอเมริกาในปี 2022 โดยกลุ่มผู้สนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า มีผู้ตอบแบบสอบถามมากกว่าครึ่ง รายงานว่ามีปัญหากับสถานีชาร์จไฟฟ้าสาธารณะ ข้อร้องเรียนที่พบบ่อยที่สุดคือเครื่องชาร์จที่ไม่ทำงาน และจากการศึกษาล่าสุดของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเปิดเผยว่าเจ้าของรถ EV ประมาณ 1 ใน 5 เปลี่ยนกลับไปใช้รถที่ใช้แก๊สเนื่องจาก “ ไม่พอใจกับความสะดวกในการชาร์จ ”

ในขณะที่ความก้าวหน้าใน ระบบอิเล็กทรอนิกส์พลังงานใต้ฝากระโปรงรถและแบตเตอรี่ ทำให้เกิดการผลิตรุ่นใหม่ๆที่มีราคาถูกกว่าเดิมพอสมควร ซึ่งช่วยในการตัดสินใจของผู้บริโภคและลดความวิตกกังวลในการใช้งานในชีวิตประจำวันของผู้บริโภค การชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ที่เสถียรเชื่อถือได้ยังคงเป็นประเด็นสำคัญ เมื่อผู้ขับขี่ EV วางแผนการเดินทางระยะยาว สิ่งที่ต้องพบเจอคือความท้าทายการค้นหาสถานีชาร์จไฟฟ้าตามเส้นทางของพวกเขา จากนั้นเมื่อพวกเขาเข้าไปในสถานี พวกเขาต้องเผชิญกับคำถามที่ไม่ได้รับคำตอบมากมาย - เทคโนโลยีการชาร์จจะทำงานร่วมกับยานพาหนะของพวกเขาได้หรือไม่ ? จะมีรถเข้าแถวยาวเพื่อรอร้านถัดไปหรือไม่ ? จะต้องใช้เวลานานเท่าใดในการชาร์จแบตเตอรี่ใหม่ ? ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ?

รัฐบาลทั่วโลกตระหนักดีว่านี่เป็นปัญหาที่ซับซ้อน และกำลังดำเนินการเพื่อขยายโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จ EV การแพร่ระบาดทำให้ความคืบหน้าช้าลงในปีที่แล้ว แต่การติดตั้งเพิ่มขึ้น 45% ในปี 2020 ขณะนี้มีเครื่องชาร์จที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ 1.3 ล้านเครื่องทั่วโลก โดย 30% เป็นเครื่องชาร์จแบบเร็ว DC ที่ชาร์จในอัตรา 25-50 กิโลวัตต์ ตลาดสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าคาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 103.6 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2018 ที่อัตรา CAGR 26.4%

• ระดับ 1 ใช้ไฟ 110/120 โวลต์ และแม้ว่าจะเป็นไฟที่ช้าที่สุดในสามตัวเลือก แต่ก็เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการติดตั้ง ทำให้ระดับ 1 เหมาะสำหรับการใช้งานในที่พักอาศัย ซึ่งเจ้าของรถ EV สามารถปล่อยให้รถชาร์จข้ามคืนได้

• ระดับ 2 ใช้ 208/240 โวลต์เพื่อเติมแบตเตอรี่ได้เร็วขึ้น - ประมาณ 4 ถึง 6 ชั่วโมงในการชาร์จแบตเตอรี่ที่หมดประจุจนเต็ม - และใช้สำหรับสถานีชาร์จในที่พักอาศัยและเชิงพาณิชย์

• ระดับ 3 เครื่องชาร์จแบบเร็ว DC ใช้ไฟระหว่าง 200 ถึง 600 โวลต์เพื่อให้ได้การชาร์จที่อัตรา 25-50 กิโลวัตต์ ทำให้สามารถชาร์จได้ 80% ในเวลาเพียง 30 นาที ใช้สำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์

เมื่อบริษัทข้ามชาติที่มีชื่อเสียงหรือ OEM ในระยะเริ่มต้นกำลังพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับสถานีชาร์จระดับ 1, 2 หรือ 3 ขอความช่วยเหลือในการออกแบบและวิศวกรรม การผลิตและทดสอบบริการ การจัดการห่วงโซ่อุปทาน บริการหลังการขาย และการสนับสนุน - หรือทั้งหมดข้างต้น ประสบการณ์มากกว่า 20 ปีของ Celestica ในตลาดอุตสาหกรรมและพลังงานอัจฉริยะ ที่หลากหลาย ช่วยให้สามารถเร่งวงจรชีวิตการพัฒนาผลิตภัณฑ์และนำผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น

เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีดำเนินการออกแบบสำหรับการวิเคราะห์ความสามารถในการผลิตเพื่อกำหนดวิธีขยายขนาดการผลิตของผลิตภัณฑ์ใหม่ ความแตกต่างระหว่างการผลิตจำนวนหลายสิบหน่วยและหลายพันหน่วยนั้นสำคัญมาก ปัญหาที่ไม่ปรากฏในช่วงแรกมักจะทำให้เกิดความล่าช้าและการทำงานซ้ำหลังจากการผลิตจำนวนมากเริ่มขึ้น ผู้เชี่ยวชาญของซิเลซติกาตรวจสอบผลิตภัณฑ์ลึกถึงระดับโครงร่างบอร์ดและให้คำแนะนำสำหรับการเปลี่ยนแปลงการออกแบบเพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์ที่มีค่าใช้จ่ายสูงนั้นเกิดขึ้น

นอกจากนี้ การใช้ประโยชน์จาก กระบวนการและเทคโนโลยีที่ช่วยในการทำความสะอาดส่วนที่ทำได้ยาก สำหรับการทำความสะอาดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ การอุดด้านล่าง การเคลือบตามรูปร่าง และการเติมน้ำยา มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการปกป้องชิ้นส่วนไฟฟ้าที่บอบบางและรับประกันประสิทธิภาพในระยะยาวในสภาพแวดล้อมที่สมบุกสมบัน

การสร้างแพลตฟอร์มสำหรับความทนทานและกระบวนการทดสอบผลิตภัณฑ์จะช่วยให้ OEM หลีกเลี่ยงการทำงานซ้ำของผลิตภัณฑ์ที่มีค่าใช้จ่ายสูง ความล่าช้าในการจัดส่ง และความล้มเหลวในภาคสนาม ตัวอย่างหนึ่งคือโครงการระบบนิเวศที่นำโดย Celestica โดยร่วมมือกับREMAPและพันธมิตร EV เชิงกลยุทธ์รายอื่นๆ ซึ่งกล่าวถึงความสอดคล้องของการทดสอบเครื่องชาร์จ EV ความน่าเชื่อถือ และมาตรฐานอุตสาหกรรม สิ่งนี้จะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสนับสนุน OEM ในการปรับผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสม การพัฒนา EV รุ่นต่อไป และปรับปรุงประสิทธิภาพในภาคสนาม

ข้อมูลชัดเจนและเถียงไม่ได้ การเปลี่ยนจากรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นรถยนต์ไฟฟ้าจะมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้โลกมีความก้าวหน้าอย่างมากในการบรรลุเป้าหมายในการลดการปล่อย CO2 ลงครึ่งหนึ่งภายในปี 2030 และกำจัดทั้งหมดภายในปี 2050

แต่สำหรับสิ่งนั้นที่จะเกิดขึ้น ผู้บริโภคต้องรู้สึกมั่นใจว่าสถานีชาร์จเร็วที่มีอยู่ทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ง่ายในทุกที่ที่เดินทางไป

สรุปว่าทำไมการขยายสถานีชาร์จทั่วโลกจึงมีความสำคัญต่อการโน้มน้าวใจผู้คนให้ซื้อ EV มากขึ้น: ในขณะที่ EV สามารถขับเคลื่อนได้ที่บ้าน นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมและนักวิชาการเชื่อว่าโครงสร้างพื้นฐานที่ชาร์จเร็วนั้นจำเป็นต่อการก้าวข้ามการยอมรับที่จำกัดในปัจจุบัน คลื่นลูกต่อไปของผู้ที่เริ่มใช้งานน้อยแต่เนิ่นๆ มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกที่เดิมพันอย่างหนักกับพลังงานแบตเตอรี่