กระเบื้องพอร์ซเลนกับกระเบื้องเซรามิค ต่างกันอย่างไร
กระเบื้องพอร์ซเลนและกระเบื้องเซรามิค เป็นหนึ่งในกระเบื้องปูพื้นที่คนนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ถ้าพูดถึงความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างกระเบื้องพอร์ซเลนและกระเบื้องเซรามิคก็คือเรื่องอัตราการดูดซึมน้ำ กระเบื้องพอร์ซเลนดูดซับน้ำได้น้อยกว่า 0.05% ในขณะที่กระเบื้องเซรามิคและกระเบื้องประเภทอื่นๆ จะดูดซับน้ำมากกว่า 0.5% เหตุผลนี้เองที่ทำให้กระเบื้องพอร์ซเลนมีข้อได้เปรียบกระเบื้องเซรามิคเรื่องทนความชื้นและน้ำได้ดีกว่า
นอกจากคุณสมบัติดูดซึมน้ำแล้ว ยังมีหลายประเด็นที่เรานำมาเสนอ เช่น กระบวนการผลิต ลักษณะเนื้อกระเบื้อง ความทนทานต่อน้ำและความร้อน การดูแลรักษา ความทนทานของวัสดุ และการติดตั้ง เพื่อช่วยให้คุณเห็นถึงความแตกต่างกันของกระเบื้องทั้งสองแบบนี้ คุณจะได้ไม่เกิดความสับสนระหว่างกระเบื้องสองชนิดนี้ และยังช่วยให้แยกประเภทกระเบื้องได้ถูกต้อง ไม่เข้าใจผิดคิดว่าเป็นกระเบื้องชนิดเดียวกันอีกต่อไป
กระบวนการผลิตกระเบื้อง
กระเบื้องเซรามิค: กระเบื้องเซรามิคมักจะสร้างโดยการผสมดินเหนียวกับแร่ธาตุและน้ำประเภทต่างๆ ตัวดินสโตนแวร์จะถูกเผาที่อุณหภูมิประมาณ 1,800-2,000 องศาฟาเรนไฮต์ และมีการดูดซึมน้ำระหว่าง 0.5%-3.0% โดยบางส่วนอาจสูงถึง 20% กระเบื้องเซรามิคจึงมีเนื้อกระเบื้องที่หนาแน่นน้อย น้ำหนักเบา และรูพรุนเยอะ
กระเบื้องพอร์ซเลน: ทำมาจากดินเหนียว ทราย และเฟลด์สปาร์ เฟลด์สปาร์เป็นแร่ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในหินแกรนิต ทรายทำให้ส่วนผสมมีความแข็งแรง ในขณะที่เฟลด์สปาร์ละลาย โดยหลอมรวมวัสดุทั้งหมดเข้าด้วยกันทำให้กระเบื้องมีความหนาแน่นมากกว่ากระเบื้องเซรามิคมาตรฐานทั่วไป และทนต่อคราบสกปรกมากขึ้น
กระเบื้องพอร์ซเลนจะถูกเผาที่อุณหภูมิสูงถึง 1,300 °C อุณหภูมิการเผาที่สูงขึ้นจะทำให้น้ำไหลออกมามากขึ้น และเมื่อเฟลด์สปาร์หลอมละลายกลายเป็นแก้วที่มีลำดับต่ำ กระเบื้องจะกันการซึมผ่านได้มากขึ้น มาตรฐานอเมริกันที่กำหนดโดย TCNA (Tile Council of North America) สำหรับผลิตภัณฑ์พอร์ซเลนคือ ต้องดูดซับน้ำน้อยกว่าหรือเท่ากับ 0.5%
ดีไซน์และลวดลาย
กระเบื้องเซรามิคและกระเบื้องพอร์ซเลนผลิตด้วยกระบวนการผลิตที่มีการเคลือบผิวกระเบื้อง (Glazed Surface) และเมื่อมองผ่านๆ ก็อาจจะแยกแยะไม่ออก
กระเบื้องพอร์ซเลน: นวัตกรรมล่าสุดของกระเบื้องพอร์ซเลนคือ ความสามารถในการผลิตให้มีลักษณะคล้ายกับวัสดุต่าง ๆ ได้อย่างสมจริง ทั้งสีสันและลวดลาย กระเบื้องพอร์ซเลนที่จำหน่ายอยู่ในท้องตลาดตอนนี้ สามารถเลียนแบบวัดสุธรรมชาติได้อย่างสมจริง เช่น หินอ่อน หินธรรมชาติ หินทราโวทีน หรือแม้แต่ลายไม้ ทำให้กระเบื้องพอร์ซเลนเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม สำหรับการตกแต่งบ้านให้มีบรรยากาศความเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องใช้วัสดุธรรมชาติที่ดูแลรักษายากและมีค่าใช้จ่ายสูง
กระเบื้องเซรามิค: เป็นกระเบื้องที่มีขนาดหลากหลายและมีโทนสีสไตล์ต่าง ๆ ให้เลือกใช้มากที่สุดในบรรดากระเบื้องปูพื้น ทั้งลายกราฟฟิก ลายประดิษฐ์ ลายดอกไม้ต่าง ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นสีและลายจากการพิมพ์ลายก่อนนำไปเผา ส่วนการจำลองลายไม้หรือหินธรรมชาติจากวัสดุจริงนั้น สามารถทำได้ แต่ก็ดูไม่สมจริงเท่ากระเบื้องพอร์ซเลน
ทนทานต่อน้ำและความร้อน
ทั้งกระเบื้องเซรามิคและกระเบื้องพอร์ซเลนนั้น มีความทนทานต่อความร้อนได้ดีมาก และบางครั้งก็ใช้ปูบนเคาน์เตอร์ในห้องครัวได้
กระเบื้องพอร์ซเลน: เนื้อกระเบื้องพอร์ซเลนจะมีความหนาแน่นมากกว่า อัตราดูดซึมน้ำเพียง 0.05% สามารถกันน้ำได้ดีเยี่ยม ดังนั้นจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่ากระเบื้องเซรามิค หากต้องการปูในพื้นที่กลางแจ้งหรือพื้นที่เปียก ถ้าต้องการปูในพื้นกลางแจ้งให้เลือกแบบที่มีสภาพอากาศที่ไม่รุนแรง นอกจากกระเบื้องพอร์ซเลนยังทนต่อความร้อนได้ดี จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับปูบนเคาน์เตอร์ในห้องครัวที่ต้องเจอกับน้ำและความร้อนจากการทำอาหาร
กระเบื้องเซรามิค: ค่อนข้างอ่อนไหวต่อการแทรกซึมของความชื้นและน้ำ ควรหลีกเลี่ยงใช้ปูในห้องน้ำหรือพื้นภายนอกบ้าน แต่กระเบื้องเซรามิคมีคุณสมบัติทนความร้อนได้ดีเยี่ยม จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับวางบนเคาน์เตอร์ สามารถติดตั้งได้ไม่มีปัญหา
สรุปได้ว่า กระเบื้องพอร์ซเลนมีความทนทานต่อน้ำได้ดีกว่า ทำให้สามารถปูในพื้นที่กลางแจ้งได้ในบริเวณที่มีสภาพอากาศไม่รุนแรงนัก แต่ไม่แนะนำให้ใช้กระเบื้องเซรามิคสำหรับพื้นที่กลางแจ้งในทุกสภาพแวดล้อม
การดูแลรักษาและทำความสะอาด
กระเบื้องพอร์ซเลน: ทำความสะอาดง่ายมาก ด้วยไม้ถูพื้นที่ชุบน้ำผสมน้ำยาถูพื้นแบบอ่อน ๆ ทั้งบนแผ่นกระเบื้องและบริเวณร่องยาแนวกระเบื้องเป็นประจำ เพื่อป้องกันคราบสกปรกและเชื้อโรคไม่ให้มาเกาะบนพื้น นอกจากนี้กระเบื้องพอร์ซเลนยังมีคุณสมบัติดูดซึมน้ำต่ำ ทำให้การฝังตัวของคราบหรือรอยด่างเป็นไปได้ยาก ไม่ค่อยดูดซึมคราบเปื้อนจากสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่หกลงบนพื้น
กระเบื้องเซรามิค: มีวิธีการดูแลและทำความสะอาดแบบเดียวกับกระเบื้องพอร์ซเลน การถูพื้นแบบหมาดเป็นประจำและทำความสะอาดร่องยาแนวกระเบื้องอย่างสม่ำเสมอ ช่วยลดการสะสมของเชื้อราและสิ่งสกปรกต่าง ๆ แต่ต้องระวังเรื่องปริมาณน้ำในการทำความสะอาดแต่ละครั้งให้ดี อย่าให้เปียกหรือชุ่มน้ำมากจนเกินไป เพราะเนื้อกระเบื้องเซรามิคดูดซึมน้ำง่าย อาจมีปัญหาพื้นบวมน้ำและเชื้อราตามมาได้
ความทนทานต่อการใช้งาน
กระเบื้องพอร์ซเลน: มีเนื้อกระเบื้องที่หนาแน่นมากกว่าและมีรูพรุนน้อยกว่ากระเบื้องเซรามิค ทำให้กระเบื้องพอร์ซเลนรับน้ำหนัก ทนแรงกระแทก และกันความชื้นได้ดีกว่ากระเบื้องเซรามิค ถือว่าเหมาะกับการใช้งานหนักมากกว่ากระเบื้องเซรามิค หากลองขูดกระเบื้องพอร์ซเลน ความเสียหายจากรอยขีดข่วนนั้นแทบจะมองไม่เห็น กระเบื้องพอร์ซเลนจึงเป็นวัสดุปูพื้นที่ดูแลรักษาง่าย เหมาะจะใช้ปูพื้นภายในและภายนอกได้
กระเบื้องเซรามิค: เมื่อลองขูดกระเบื้องเซรามิค คุณจะพบสีเนื้อกระเบื้องที่แตกต่างกันอย่างมากภายใต้การเคลือบด้านบน หมายความว่ามีแนวโน้มที่จะมองเห็นรอยขีดข่วนได้ชัดเจน ดินเหนียวที่ใช้สำหรับทำกระเบื้องเซรามิคนั้น มีความหนาแน่นน้อยกว่าดินเหนียวที่ใช้ทำกระเบื้องพอร์ซเลน เนื้อกระเบื้องเซรามิคจึงค่อนข้างเปราะและแตกหักง่าย ควรหลีกเลี่ยงนำไปปูในพื้นที่ที่มีการใช้งานหนักหรือรับน้ำหนักมาก เช่น พื้นโรงรถ พื้นภายนอก
การติดตั้ง
กระเบื้องทั้งสองประเภทนี้ จะติดตั้งโดยใช้วิธีการที่คล้ายกัน คือ แผ่นกระเบื้องถูกยึดติดกับแผ่นรองพื้นซีเมนต์โดยใช้กาวซีเมนต์เพิ่มการยึดเกาะ เมื่อปูกระเบื้องเรียบร้อยแล้ว รอยต่อระหว่างกระเบื้องจะเติมด้วยยาแนว เพื่อป้องกันกระเบื้องระเบิดหรือแตกร้าว ส่วนวิธีตัดแผ่นกระเบื้องเซรามิคและกระเบื้องพอร์ซเลนจะมีความแตกต่างกันเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของเนื้อกระเบื้องที่แตกต่างกัน
กระเบื้องพอร์ซเลน: เนื้อกระเบื้องพอร์ซเลนจะมีความแข็งเป็นอย่างมาก ทำให้ต้องระวังเรื่องแตกหรือเปราะง่ายระหว่างตัดกระเบื้อง ควรใช้เครื่องมือที่มีคุณภาพ ใบมีดคม และช่างผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการตัดกระเบื้อง เพื่อลดความเสียหายของแผ่นกระเบื้อง
กระเบื้องเซรามิค: แม้ว่ากระเบื้องเซรามิคจะมีความหนาแน่นน้อยกว่ากระเบื้องพอร์ซเลนและมีความทนทานน้อยกว่า แต่ก็เป็นวัสดุปูพื้นที่ตัดง่ายกว่า สำหรับเจ้าของบ้านที่ต้องการตัดและติดตั้งด้วยตนเอง โดยใช้เลื่อยกระเบื้องแบบเปียก หรือด้วยเครื่องตัดกระเบื้องแบบสแน็ป (Snap tile cutter)
อายุการใช้งาน
กระเบื้องพอร์ซเลน: คุณสมบัติของกระเบื้องพอร์ซเลนนั้นมีความแข็ง ทนทาน และทนการสึกหรอได้ยาวนาน สามารถติดตั้งในอาคารได้หลายสิบปี โดยไม่ต้องเปลี่ยนกระเบื้องบ่อย เหตุผลนี้เองทำให้อาคารเชิงพาณิชย์ ห้างสรรพสินค้าหรือโรงแรม นิยมเลือกกระเบื้องพอร์ซเลนเป็นวัสดุปูพื้นและผนัง เพราะไม่ต้องเสียค่าบำรุงรักษาและดูแลบ่อย ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ความแข็งของกระเบื้องนี้เอง ทำให้ง่ายต่อการแตกร้าว หากโครงสร้างในอาคารมีการขยับตัว
กระเบื้องเซรามิค: สามารถอยู่ได้นานหลายสิบปี หากยาแนวได้รับการบำรุงรักษาอย่างเหมาะสมและปิดสนิทอย่างสม่ำเสมอ แม้ว่าเนื้อกระเบื้องจะนิ่มกว่าและไม่หนาแน่นเท่ากระเบื้องพอร์ซเลน แต่ก็มีแนวโน้มที่จะต้านทานการแตกร้าวเนื่องจากโครงสร้างอาคารขยับตัวได้ดีกว่ากระเบื้องพอร์ซเลน
กระเบื้องทั้งสองประเภทนี้ เป็นวัสดุก่อสร้างที่คล้ายคลึงกัน มีความเหมาะสมพอ ๆ กันหากใช้เป็นวัสดุปูพื้นและผนัง กระเบื้องเซรามิคนั้นมีจุดเด่นตรงมีดีไซน์ให้เลือกเยอะ ราคาถูก สามารถหาซื้อได้ง่าย แต่หลายปีมานี้ กระเบื้องพอร์ซเลนกำลังกลายเป็นตัวเลือกต้น ๆ ในกลุ่มนักออกแบบและเจ้าของบ้าน ด้วยเหตุผลหลายข้อ เช่น ความทนทานต่อน้ำและสิ่งสกปรก สีสันและลวดลายของกระเบื้องที่ทำออกมาได้ใกล้เคียงกับวัสดุจริงเป็นอย่างมาก มีความสวยงามและหลากหลาย เช่น ลายหินอ่อน ลายหิน และลายไม้
คุณสามารถ ดูและเลือกกระเบื้องพอร์ซเลน ที่ทาง CASA ROCCA มีจำหน่ายได้ หากคุณมีคำถามหรืออยากสอบถามข้อมูลกระเบื้อง สามารถเข้ามาพูดคุยกับเราได้ ผ่านทางเบอร์ 02-618-5577 และ 08-9125-2525 หรือสนใจอยากเข้ามาชมสินค้าตัวอย่างที่ CASA ROCCA Gallery กรุณาติดต่อนัดหมายล่วงหน้าผ่านทาง Line @casaroccathailand
ผู้เขียนบทความ
- CASA Porcelain กระเบื้องพอร์ซเลน ปูพื้นและผนัง
- CASA Floor กระเบื้องยางแบบแผ่น LVT ทั้งแบบติดกาวและคลิ๊กล็อค
- CASA Wood วัสดุไม้สังเคราะห์ (WPC)
- กระเบื้องยางแบบม้วน TARKETT
การันตีคุณภาพด้วยประสบการณ์ขายและติดตั้งมากกว่า 25 ปี ... อ่านเพิ่มเติม