สรุปวิวัฒนาการของประตู-หน้าต่างในงานสถาปัตยกรรม EP.2 ช่วงเกือบ 40 ปี (ค.ศ.1981 - ปัจจุบัน)

จากวิวัฒนาการของประตู-หน้าต่าง EP.1 ได้นำเสนอประเด็นมโนทัศน์ของสังคมที่แฝงมากับความเชื่อของประตู และประเด็นของประเภทประตูและวัสดุผลิตประตูที่ถูกสร้างสรรค์ตามเทคโนโลยีของแต่ละยุคสมัย จากเนื้อหาภายในบทความได้ยุติประวัติศาสตร์ของงานประตูที่คศ.1981 บริษัทสเปเชียล-ลิท (Special-Lite, Inc.) ได้สร้างสรรค์ประตูพลาสติกเสริมแรงด้วยเส้นใย (FRP; Fiber Reinforced Polymer) ครั้งแรกของโลก

แต่เกือบ 40 ปีต่อมาหลังจากนั้น ประตู-หน้าต่างมีวิวัฒนาการอย่างไรจนถึงยุคปัจจุบัน?

บทความ EP.2 นี้ มีคำตอบ

ประตู-หน้าต่างในช่วงเวลาเกือบ 40 ปีต่อมา (ค.ศ.1981 – ค.ศ. 2020) ผลิตจากวัสดุที่หลากหลาย ได้แก่ ไม้จริง, ไม้สำเร็จรูปประเภทต่างๆ, ไม้ Engineer, ไม้เทียม WPC, กระจกประเภทต่างๆ, อลูมิเนียม, พลาสติก PVC (Polyvinyl Chloride) และ uPVC (Unplasticized Poly Vinyl Chloride)

วัสดุดังกล่าวถูกนำมาผลิตประตู-หน้าต่างหลากประเภทหลายรูปแบบดีไซน์

ประตู-หน้าต่างประเภทไหนถูกเลือกขึ้นมาใช้ในงานออกแบบขึ้นอยู่กับความเหมาะสมกับฟังก์ชั่น สไตล์งานออกแบบ และความชื่นชอบส่วนตัวของเจ้าของโครงการ ซึ่งตลอดเกือบ 40 ปีที่ผ่านมา งานออกแบบหลากหลายสไตล์ ได้แก่ สไตล์โมเดิร์น (Modern style) สไตล์ร่วมสมัย (Contemporary style) สไตล์โมเดิร์นคลาสสิก (Modern classic style) สไตล์มินิมอล (Minimal style) สไตล์ลอฟท์ (Loft style) ถูกสลับขึ้นมาเป็นที่นิยมในสังคมและวนซ้ำไปมาภายในช่วงเวลาสั้นๆ จึงไม่สามารถระบุเป็น Timeline ที่ชัดเจน

จึงขอสรุปเป็น infographic ดังภาพด้านล่างนี้

จากภาพข้างต้น แสดงให้เห็นว่าแต่ละสไตล์งานออกแบบ สามารถหยิบยกวัสดุประเภทต่างๆ มาผลิตประตู-หน้าต่าง ได้ตามความเหมาะสมดังที่กล่าวมา

สรุปวัสดุสำหรับผลิตประตู-หน้าต่างในช่วงเวลาเกือบ 40 ปี ดังต่อไปนี้

1. ไม้จริง เป็นวัสดุธรรมชาติที่มีคุณสมบัติแข็งแกร่ง มีลวดลายสวยงาม แต่ปัจจุบันป่าไม้เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกอนุรักษ์ การนำไม้จริงมาใช้ในงานก่อสร้างจึงไม่หายากและมีราคาสูง อีกทั้ง ไม้จริงมีการยืดหดตัวตามสภาพภูมิอากาศ และต้องบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่องตลอดอายุการใช้งาน ต่อมาจึงมีการคิดค้นวัสดุทดแทนไม้จริงหลายประเภท

ประตูไม้จริง

2. ไม้สำเร็จรูป เป็นวัสดุทดแทนไม้จริง ทำจากไม้อัดและรีดทับด้วยแผ่นลามิเนต

ไม้สำเร็จรูป แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่

  • ไม้ MDF (Medium Density Fiber Board) เหมาะสำหรับใช้งานภายในอาคาร เนื่องจากไม่ทนความชื้น ฝน และแสงแดด
  • ไม้ HDF (High Density Fiber) เหมาะสำหรับใช้งานภายในอาคาร เนื่องจากไม่สามารถทนฝนได้โดยตรง แต่ทนความชื้นและปลวก ความแข็งแรงไม่เท่าไม้จริงแต่คงทนกว่าไม้อัด

ประตูไม้สำเร็จรูป : ไม้ MDF (Medium Density Fiber Board)

3. ไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineered wood) เป็นวัสดุทดแทนไม้จริง ทำโครงสร้างจากไม้จริงและทับหน้าด้วยผิวไม้สำเร็จรูป มีความคงทนดีกว่าไม้ HDF แข็งแรงเทียบเท่าไม้จริง แต่ไม่หดตัว แตกร้าวเหมือนไม้จริง

ประตูไม้เอ็นจิเนียร์ (Engineered wood)

4. ไม้เทียม WPC (Wood-Plastic Composite) เป็นวัสดุทดแทนไม้จริง ทำจากเศษไม้ผสมผงพลาสติก มีความแข็งแรง ทนปลวก ทนแดด ฝน ความชื้น

ประตูไม้เทียม WPC (Wood-Plastic Composite)

5. กระจก มีหลายประเภท ได้แก่

  • กระจกธรรมดา (Float Glass) คือ กระจกโปร่งแสงไม่มีสี มองผ่านได้ชัดเจน ไม่มีค่าการตัดแสง

ประตู-หน้าต่างกระจกธรรมดา (Float Glass)

  • กระจกใส (Clear Float Glass) คือ กระจกโปร่งแสงและไม่มีสี มองผ่านได้ชัดเจน มีค่าการตัดแสงมากขึ้นตามความหนาของกระจก เช่น กระจกใสหนา 12 มิลลิเมตร มีค่าตัดแสง 8% เป็นต้น ความหนาของกระจกที่นิยมกับงานทั่วไปจะอยู่ที่ 5 - 6 มิลลิเมตร

ประตูกระจกใส (Clear Float Glass)

  • กระจกลามิเนต (Laminated Glass) คือ กระจกนิรภัย ทำจากกระจก 2 แผ่นขึ้นไปประกบกับฟิล์มนิรภัยที่สามารถเก็บเสียง กรองแสง และกันยูวีได้ถึง 95% จากนั้นปิดทับแผ่นกระจกด้วยเรซิน PVB (Polyvinyl Butyral) เมื่อกระจกแตก ชิ้นส่วนจะไม่หลุดออกจากฟิล์ม จึงปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน กระจกลามิเนตทนต่อแรงดันลมในที่สูง ทนต่อแรงอัดกระแทก และเคลือบสีได้ตามต้องการ

ประตูกระจกลามิเนต (Laminated Glass)

  • กระจกเทมเปอร์ (Tempered Glass) คือ กระจกนิรภัย มีความหนา 4, 5, 6, 8, 10, 12, 15, 19 มิลลิเมตร ผ่านวิธีการอบด้วยความร้อนสูง เมื่อกระจกแตก ชิ้นส่วนจะกระจายคล้ายเม็ดข้าวโพด มีความคมน้อย จึงปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน กระจกเทมเปอร์ไม่มีฟิล์มตรงกลางเหมือนกระจกลามิเนตจึงไม่สามารถกรองแสง แต่สามารถทนต่อแรงกระทบจากลมคนและน้ำมากกว่ากระจกที่มีความหนาเท่ากันถึง 3 – 5 เท่า

ประตูกระจกเทมเปอร์ (Tempered Glass)

  • กระจกฉนวน (IGU; Insulated Glass Unit) ทำจากกระจก 2 แผ่นขึ้นไปมาประกบกัน มีช่องว่างบรรจุก๊าซเฉื่อยอยู่ตรงกลาง จึงสะท้อนความร้อนได้มากถึง 95 - 98% ไม่เกิดฝ้าจากไอน้ำ เหมาะสำหรับใช้อาคารประหยัดพลังงาน เนื่องจากแสงผ่านได้มากแต่ความร้อนผ่านได้น้อย

หน้าต่างกระจกฉนวน (IGU; Insulated Glass Unit)

  • กระจกเขียวตัดแสง (Green Tinted Glass) ทำจากการเคลือบกระจกด้วยสารโลหะ ทำให้เกิดสีสะท้อน แสงผ่านได้มาก 75% แต่ความร้อนผ่านได้ 49% และป้องกันรังสี UV 50% ช่วยประหยัดพลังงาน
    กระจกตัดแสง มีคุณสมบัติต่างกันตามสี ดังนี้
    • กระจกสีฟ้า แสงผ่านได้ 58% ความร้อนผ่านได้ 43%
    • กระจกสีชา แสงผ่านได้ 22% ความร้อนผ่านได้ 34%
    • กระจกสีเทา หรือกระจกยูโรเกรย์ (Eurogrey) แสงผ่านได้น้อยมาก ความร้อนผ่านได้ 49%

ประตูกระจกเขียวตัดแสง (Green Tinted Glass)

  • กระจก Low-E (Low Emission) กระจกถูกเคลือบด้วยสารเงินบางๆ ที่มีคุณสมบัติสะท้อนความร้อน ทำให้กระจก Low-E มีค่าการถ่ายเทความร้อนต่ำ
    • Hard Coat Low-E ค่าการถ่ายเทความร้อน 15% – 36%
    • Soft Coat Low-E ค่าการถ่ายเทความร้อน 2% – 10%

แต่แสงยังคงผ่านได้มาก หากนำกระจก Low-E ทำกระจกลามิเนตและกระจกฉนวนจะช่วยประหยัดพลังงานภายในอาคาร

หน้าต่างกระจก Low-E (Low Emission)

6. อลูมิเนียม (Aluminum) วัสดุอลูมิเนียมเป็นโลหะ จึงมีคุณสมบัติทนแดด ฝน ความชื้น แต่ไม่ทนต่อไอทะเลที่ทำให้เกิดการกร่อนตัว อะลูมิเนียมที่ใช้ทำประตู-หน้าต่างควรมีความหนาไม่น้อยกว่า 1.2 มิลลิเมตร

อลูมิเนียมมี 2 ประเภท ได้แก่

  • อลูมิเนียมชุบสีด้วยไฟฟ้า (Anodizing) มี 3 สี ได้แก่ สีชาอ่อน สีชาเข้ม และสีดำ
  • อลูมิเนียมพ่นอบสี (Powder Coating) มีหลายเฉดสี มีราคาสูงกว่าอลูมิเนียมชุบสีด้วยไฟฟ้า เนื่องจากป้องกันรอยขีดข่วนได้ดี

ประตูอลูมิเนียม (Aluminum)

7. พลาสติก PVC (Polyvinyl Chloride) ด้วยคุณสมบัติของวัสดุพลาสติก จึงทนความชื้นแต่ไม่ทนแสงแดด น้ำหนักเบา และปลวกไม่กิน แต่ไม่แข็งแรง แตกหักง่าย

ประตูพลาสติก PVC (Polyvinyl Chloride)

8. uPVC (Unplasticized Poly Vinyl Chloride) หรือไวนิล วัสดุสังเคราะห์จากกระบวนการผลิตปิโตรเคมี เป็นโพลิเมอร์พื้นฐานที่มีคุณสมบัติพิเศษกว่าโพลิเมอร์หรือพลาสติกทั่วไป จึงแข็งแรงและทนต่อความร้อน ความเย็น กันน้ำ กันเสียง มีอายุการใช้งานยาวนาน แต่การติดตั้งประตู-หน้าต่าง uPVC ต้องติดตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากแก้ไขงานที่ผิดพลาดได้ยาก

หน้าต่าง uPVC (Unplasticized Poly Vinyl Chloride)

นอกจากประเด็นประเภทวัสดุข้างต้นแล้ว 

วิวัฒนาการของประตู-หน้าต่างในปัจจุบัน ยังมีประเด็นเรื่องประเภทรูปแบบ ซึ่งถูกปรับเปลี่ยนหน้าตาและฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัย 

ประเภทของประตู-หน้าต่าง มีการพัฒนาปรับเปลี่ยนจนเกิดเป็นรูปแบบต่างๆ ดังนี้

  • ประเภทของประตู ได้แก่ ประตูบานเปิด (Swing Door), ประตูบานสวิง หรือ บานเปิดแบบคู่ (Swing Bifold Door), ประตูบานเฟี้ยม (Accordion Door), ประตูบานหมุน (Pivot Door), ประตูบานเลื่อน (Sliding Door)
  • ประเภทของหน้าต่าง ได้แก่ หน้าต่างบานเปิด (Swing Window), หน้าต่างบานเลื่อน (Sliding Window), หน้าต่างบานยก (Slide-hung Window), หน้าต่างบานกระทุ้ง (Awning Window), หน้าต่างบานพลิก (Center pivot Windows), หน้าต่างบานเกล็ด (Louver Window), หน้าต่างบานฟิกข้างประตูทางเข้าหลัก (Sidelights Window), และหน้าต่างบานชัตเตอร์ (Shutter Window)

สำหรับรายละเอียดของประเภทประตู-หน้าต่าง และคุณสมบัติที่น่าสนใจ จะนำเสนอในบทความต่อไป 

 

ประตู-หน้าต่างในอนาคตต่อจากนี้จะถูกวิวัฒน์อย่างไร
ขึ้นอยู่กับการนำความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ และความสามารถในการบริหารจัดการ
มาสร้าง ‘นวัตกรรมใหม่’ ให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม

และประตู-หน้าต่างในอนาคตจะกลายเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาต่อไป....

 

 

 

 

anattā

บทความอื่นๆ จากผู้เขียน

anattā

writer

โพสต์เมื่อ

anattā

writer

โพสต์เมื่อ

ไอเดียมาใหม่

บทความที่เกี่ยวข้อง

...

โพลสำรวจ

ถาม-ตอบ

Wazzadu.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานของคุณ