ในการเลือกใช้ห้องน้ำสำเร็จรูปจะต้องลงสเปค หรือกำหนดมาตรฐานสากลอะไรบ้าง เพื่อให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพ
ห้องน้ำสำเร็จรูปนั้นนับว่าเป็นสินค้าวัสดุก่อสร้างที่มีความต้องการมากขึ้นทุกวัน เนื่องจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจและตัวเมือง ส่งผลให้มีการก่อสร้างอาคารสถาปัตยกรรมมากขึ้น และห้องน้ำสำเร็จรูปนี้มักถูกใช้ในอาคารสาธารณะ เช่น ห้างสรรพสินค้า มหาวิทยาลัย อาคารสำนักงาน เพราะเป็นสถานที่ที่ต้องจัดเตรียมห้องน้ำไว้เป็นจำนวนมากเพื่อให้เพียงพอต่อการใช้งาน
เมื่อมีความต้องการใช้สินค้ามาก ก็ย่อมมีผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้ามากขึ้นเช่นกัน แล้วเราในฐานะผู้ออกแบบจะใช้เกณฑ์อะไรมาเป็นตัวชี้วัดเพื่อให้ได้สินค้าที่มีมาตรฐานและมีคุณภาพมาใช้ในโครงการ
สิ่งที่ผู้ออกแบบทั่วโลกใช้ก็คือการกำหนดมาตรฐานของสินค้า โดยมักอ้างอิงถึงมาตรฐานเช่น ASTM (American Society for Testing and Materials) ,BS (British Standard)
1. มาตรฐานด้านความคงทนของผลิตภัณฑ์ และค่าการเฟดของสี เช่น
EN 438-2 เป็นการทดสอบความซีดจางของสี และการสึกหรอของผิววัสดุในสภาวะอากาศจำลอง เช่นใช้แสงจำลอง Xenon ในการทดสอบ การปรับสภาพความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศ และอื่นๆ และเร่งปฏิกริยาสเมือนว่าได้ใช้งานผ่านไปหลายปี โดยการทดสอบทั้งหมดนี้ได้ทำการทดลองในอุปกรณ์ทดสอบระบบปิด และใช้เครื่องมือซึ่งตรงตามมาตรฐาน ISO ผลทดสอบแบ่งเป็น 5 ระดับได้แก่
Rating 5: ไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัด
Rating 4: เปลี่ยนแปลงเฉพาะความเงา
Rating 3: เกิดรอยแตกเล็กๆ เหมือนเส้นผมที่พื้นผิววัสดุ
Rating 2: เกิดรอยแตกที่พื้นผิววัสดุ
Rating 1: มีการแยกตัวของชั้นวัสดุ
แผ่นลามิเนตของแบรนด์ FINENESS ทดสอบผ่านมาตรฐาน Rating 5 และ 4 ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่ค่อนข้างดี ทดสอบโดยหน่วยงาน TNO Quality B.V. ซึ่งภายหลังถูกเปลี่ยนมาเป็น TÜV Rheinland
2. มาตรฐานด้านความทนทานต่อสารเคมี เช่น
มาตรฐาน SEFA 3-2010 เป็นการทดสอบความทนทานของวัสดุที่มีต่อสารเคมีจำนวน 49 ชนิดตามกระบวนการที่กำหนด ผลการทดสอบจะแบ่งเป็น 4 ระดับได้แก่
0 No Effect : ไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัด
1 Ecellent : มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในเรื่องของความเงางาม
2 Good : มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของความเงางามและสี
3 Fair - มีการเปลี่ยนแปลงที่มีผลกระทบกับฟังก์ชั่นการใช้งาน
แผ่นลามิเนตของแบรนด์ FINENESS ทดสอบผ่านมาตรฐาน Rating 5 และ 4 โดยส่วนใหญ่ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่ค่อนข้างดี ทดสอบโดย EPH Thermal Insulation Products
3. มาตรฐานด้านความปลอดภัยในเรื่องของอัตราการลามไฟ เช่น
มาตรฐาน BS 476 Part 7: Class 1 ซึ่งเป็นการทดสอบเพื่อกำหนดประเภทของการแพร่กระจายของพื้นผิวของเปลวไฟของผลิตภัณฑ์ ใช้เป็นหลักในการกำหนดส่วนขยายของเปลวไฟบนผิวสัมผัสของผนังและฝ้าเพดาน วิธีการทดสอบคือการเปลี่ยนแปลงความร้อนรังสีอย่างค่อยเป็นค่อยไปด้วยเปลวไฟขนาดเล็กเพื่อจุดประกายตัวอย่างและการกำหนดค่าความร้อนที่สำคัญ ผลทดสอบจะแบ่งออกเป็น 4 ระดับ
ระดับ 1 มีระยะการลามไฟน้อยที่สุด
ระดับ 2 มีระยะการลามไฟในระดับกลาง
ระดับ 3 มีระยะการลามไฟในระดับมากที่สุด
ระดับ 4 คือไม่ผ่านมาตรฐานเนื่องจากวัสดุนั้นมีการลามไฟมากเกินไป
แบรนด์ FINENESS ผ่านมาตรฐานโดยมีผลทดสอบอยู่ในระดับที่ 1 ซึ่งเป็นระดับที่ดีที่สุด ทดสอบโดย Exova Warringtonfire องค์กรที่เป็นกลางในการทดสอบผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐาน
มาตรฐาน EN 13501 มาตรฐานนี้มักมีตัวอักษรหรือตัวเลขต่อท้ายด้วย เช่น Class B-s1,do ตัวอักษร ฺB หมายถึงประเภทวัสดุที่ใช้ทดสอบการตอบสนองต่อไฟ s1 หมายถึง การทดสอบการหลอมละลายของวัสดุที่มีลักษณะเป็นหยดไฟ และ do หมายถึงการทดสอบเรื่องของการปล่อยควัน
1. การทดสอบการตอบสนองต่อไฟ มาตรฐานนี้จะถูกแบ่งเป็นคลาสต่างๆ ตามประเภทของวัสดุที่นำมาทดสอบ ดังนั้นตัวอักษรที่ต่างกันจะหมายถึงวัสดุที่ต่างชนิดกัน ไม่ได้หมายถึงระดับของการทดสอบ
A1 & A2: ใช้ในการทดสอบวัสดุที่ไม่ติดไฟ
B: ใช้ในการทดสอบวัสดุที่ติดไฟได้เพียงเล็กน้อย
C: ใช้ในการทดสอบวัสดุที่ติดไฟแต่ไม่มีการลามไฟ
D: ใช้ในการทดสอบวัสดุที่ติดไฟและมีการหน่วงเวลาเล็กน้อยก่อนมีการลามไฟ
F: วัสดุที่ไม่มีคุณสมบัติตรงกับข้อด้านบน
2. การทดสอบการหลอมละลายของวัสดุที่มีลักษณะเป็นหยดไฟ ตัวอักษรย่อคือ d (Flaming Droplets) แบ่งเป็น 3 ระดับคือ
0: คือ ไม่มีการหลอมละลายของวัสดุ
1: คือ มีการหลอมละลายของวัสดุช้า
2: คือ มีการหลอมละลายของวัสดุเร็ว
3. การทดสอบเรื่องของการปล่อยควัน ตัวอักษรย่อคือ s (Smoke Emission Level) แบ่งเป็น 3 ระดับคือ
1 คือ มีปริมาณควันและความรวดเร็ว ของกลิ่นที่เกิดขึ้นน้อยจนแทบไม่รู้สึก
2 คือ มีปริมาณควันและความรวดเร็ว ของกลิ่นที่เกิดขึ้นอยู่ในระดับมาตรฐาน
3 คือ มีปริมาณควันและความรวดเร็ว ของกลิ่นที่เกิดขึ้นอยู่ในระดับสูง
แบรนด์ FINENESS ผลการทดสอบคือได้ระดับ Class B-s1,do ซึ่งเป็นระดับที่ดีที่สุด ทดสอบโดยย Applus
4. มาตรฐานการป้องกันการก่อตัวของเชื้อราและเชื้อแบคทีเรีย เช่น
ASTM G21 – 09 หรือ ISO 22196 ซึ่งเป็นการทดสอบการเจริญเติบโตของเชื้อราและเชื้อแบคทีเรียบนพื้นผิววัสดุ โดยมีการควบคุมอุณหภูมิไว้ที่ 35 องศาเซลเซียส เป็นเวลาหนึ่งวัน ( 35 C เป็นอุณหภูมิที่เหมาะกับการเจริญเติบโตมากที่สุด) ผลที่ได้ต้องมีค่ามากกว่า 95% จึงจะถือว่าผ่านมาตรฐาน
แบรนด์ FINENESS ผ่านมาตรฐานนี้ในระดับ 99.99% ซึ่งหมายความว่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราไม่สามารถเจริญเติบโตได้บนวัสดุนี้ ทดสอบโดย IMSL ย่อมาจาก Industrial Microbiological Services LTD และ Bio Cote: Certificate of Antibacterial Analysis
ผนังห้องน้ำสำเร็จรูป Cuboid by Siamstylam นั้นผ่านการรับรองตามมาตรฐานทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ผู้ใช้งานสามารถไว้วางใจตัวสินค้าได้ทั้งเรื่องของคุณภาพสินค้าในทุกๆ ด้านที่กล่าวมาข้างต้น การเลือกใช้วัสดุที่ทนทานมีมาตรฐานจะช่วยให้งานออกแบบตกแต่งนั้นสวยงามและคงอยู่ได้นาน ทั้งยังยกระดับความเป็นมืออาชีพในการทำงาน นอกจากนี้ ผนังห้องน้ำสำเร็จรูป Cuboid by Siamstylam ยังมีให้เลือกหลายสีอีกด้วย
สอบถามข้อมูล และติดต่อแบรนด์ได้ที่ Siam Stylam Call Center: 086-3138571 หรือ 02-865-2289
Email: info@siamstylam.com and siamstylam@gmail.com, Website: www.siamstylam.com, Facebook: siamstylam, Pinterest: siamstylam, Line: @siamstylam, Youtube: Fineness Laminate
#Wazzadu #Siamstylam #Cuboid #CompactLaminate #Cubicletoilet #ToiletPartition #Locker #UrinalPartition #Handrail
#ลามิเนต #คอมแพคลามิเนตปิดผิว #ห้องน้ำสำเร็จรูป #พาร์ติชั่นห้องน้ำ #พาร์ติชั่นกั้นโถปัสสาวะ #ล็อคเกอร์สำเร็จรูป
ผู้เขียนบทความ
Brand : Siam Stylam
ชื่อ Product Brand : Cuboid
ประเภทสินค้า : เป็นวัสดุปิดผิวห้องน้ำ และห้องน้ำสำเร็จรูป (Toilet Partition)
สามารถติดต่อเพิ่มเติมได้ที่ : 086-3138571 หรือ 02-865-2289
... อ่านเพิ่มเติม