“โรงงานสร้างป่า ไม้จริงสร้างคุณค่า” หลังคาไม้ไผ่ จากโครงการแม่แจ่มโมเดลพลัส ต่อยอดสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน
จากความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่า ต่อยอดสู่การแก้ไขปัญหาป่าไม้ที่ดินและเศรษฐกิจชุมชนอย่างเป็นองค์รวม ไม่แบ่งแยกโดยเปิดโอกาสให้ทุกหน่วยงาน ทุกภาคส่วน หรือแม้แต่บุคคล เข้ามามีส่วนร่วมจัดการป่าไม้ที่ดิน ฟื้นฟูระบบนิเวศควบคู่ไปกับการสร้างอาชีพสร้างรายได้ ภายใต้โครงการ “แม่แจ่มโมเดลพลัส” ก่อเกิดเป็นผลผลิตจากวัสดุธรรมชาติ “หลังคาไม้ไผ่” ผลิตภัณฑ์แรกภายในโครงการ
แต่ก่อนจะไปทำความรู้จักกับ “หลังคาไม้ไผ่” ผลิตภัณฑ์แรกของโครงการ เรามาเรียนรู้จุดเริ่มต้นของโครงการดังกล่าวกันก่อน เริ่มต้นจากโครงการแม่แจ่มโมเดล ที่ต้องการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้รับผลกระทบมาจากปัญหาเรื่องสิทธิในที่ดินทำกินของประชาชนในอำเภอแม่แจ่ม อันเนื่องมาจากพรบ.ฉบับใหม่ ทำให้ประชาชนในชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิมกลายเป็นผู้บุกรุก ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยของตน
ซึ่งปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาข้างต้น ก็เช่น ปัญหาภัยแล้ง หมอกควันจากการเผาป่า แหล่งน้ำตื้นเขิน เป็นต้น จึงเกิดเป็นโครงการต้นแบบการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเน้นที่การจัดระเบียบควบคุมที่ดินทำกิน เพื่อยับยั้งการบุกรุกพื้นที่ป่า ลดปัญหาหมอกควันจากการเผาเศษซากพืชไร่ เป็นต้น ทั้งหมดนี้คือการดำเนินงานภายใต้โครงการแม่แจ่มโมเดล
ต่อมาจึงได้ต่อยอดเป็น โครงการแม่แจ่มโมเดลพลัส ยกระดับการจัดการปัญหาบุกรุกป่าและหมอกควันสู่การแก้ไขปัญหาทั้งระบบ เช่น ปลูกพืชเชิงเดี่ยว ลดการใช้สารเคมี เพื่อการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นอย่างยั่งยืน ส่งผลให้อัตราการขยายตัวของพื้นที่ทำกินในป่าต้นน้ำแม่แจ่มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ พื้นที่ในเขตป่าสงวนฯ แม่แจ่ม กลายเป็นไร่ข้าวโพดซึ่งถูกส่งต่อไปยังโรงงานผลิตอาหารสัตว์ นอกจากนี้ ยังมีการส่งเสริมการปลูกไผ่ ปลูกกาแฟ ฯลฯ ให้เป็นพืชเศรษฐกิจ สร้างเมืองแม่แจ่มให้เป็น “เมืองป่าไม้” ในที่สุด
ทางด้านของโรงงานไม้ไผ่ โรงงานสร้างป่าภายใต้โครงการแม่แจ่มโมเดลพลัส เกิดจากความคิดที่ต้องการเพิ่มมูลค่าสินค้า และควบคุมต้นทุนไม่ให้สูงจนเกินไป หากนำไผ่ทั้งลำไปเผาถ่าน ต้นทุนจะสูง จึงจำเป็นต้องมีโรงงานที่คอยจำแนก แยกแยะส่วนประกอบต่างๆ ของไผ่ สำหรับนำไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ ให้เหมาะสม เช่น ลำสวย นำไปใช้ก่อสร้าง คัดแยกไปแช่น้ำยา หรือคัดแยกไผ่ที่เหมาะสำหรับทำเครื่องจักสาน ไผ่สำหรับทำเป็นไม้แป้น เป็นต้น โดยจะทำการคัดแยกและประกอบขั้นต้น สำหรับเป็นพื้นฐานให้วิสาหกิจชุมชนทำการแปรรูปต่อไป
และผลผลิตแรกจากโรงงานไม้ไผ่ ก็คือ “หลังคาไผ่” นั่นเอง มาพร้อมคุณสมบัติที่น่าสนใจ ผ่านกระบวนการอัดน้ำยากันปลวก จึงส่งผลให้วัสดุชิ้นนี้มีความทนทานนานถึง 15 ปี โดยปราศจากปลวก มอด และแมลงที่คอยกัดกินเนื้อไม้ นอกจากนี้ วัสดุหลังคาไผ่ยังมีความแข็งแรงกว่าการใช้ใบจากเทียม สถาปนิกส่วนใหญ่จึงให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
ซึ่งจากการทดลองผลิตสินค้าตัวนี้มานานกว่า 1 ปีเต็ม ทำให้พบปัญหาระหว่างการผลิต โดยเกิดขึ้นในกรณีที่เกิดความต้องการสินค้าจำนวนมาก และต้องควบคุมสินค้าให้ได้คุณภาพมาตรฐาน ทั้งยังต้องควบคุมปริมาณให้ได้ตามที่กำหนด การผลิตชิ้นงานด้วยมือจึงไม่เพียงพอต่อความต้องการดังกล่าว จึงจำเป็นต้องใช้ระบบโรงงานเข้ามาช่วย เพื่อให้สามารถตอบสนองกับความต้องการของตลาดขนาดใหญ่ได้เต็มที่ และหากเครื่องจักรในโรงงานสามารถทำงานได้เต็มอัตรา จะส่งผลให้ชาวบ้านเข้ามาศึกษา รับชิ้นงานกลับไปทำที่บ้าน และนำสินค้ามาแลกเงินในโรงงาน เป็นการส่งเสริมอาชีพให้แก่ชาวบ้านได้อีกทาง
โดยนอกจาก หลังคาไผ่ แล้ว ผลงานชิ้นต่อไปที่จะผลิตขึ้นโดยใช้ไม้ไผ่เป็นวัสดุ ก็คือ ฟาซาด นั่นเอง โดยมีแนวความคิดในการออกแบบให้มีลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ของผ้าทอในอำเภอแม่แจ่ม เช่น ลายตีนจก อีกทั้งวัสดุยังมีความแข็งแรงทนทาน ทนต่อแรงกระแทก และแรงดึงได้ดีกว่าไม้ชนิดอื่น เช่น ไฟเบอร์ซีเมนต์ เมื่อผ่านกระบวนการผลิตทั้งหมดแล้ว จะได้ออกมาเป็นสินค้าที่มีคุณค่าทั้งทางด้านสถาปัตยกรรม และคุณค่าทางด้านศิลปะ
ดังที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้นว่า โครงการแม่แจ่มโมเดลพลัส เกิดจากความต้องการแก้ไขปัญหาความยากจน และปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยการก่อตั้งโรงงานเพื่อให้สามารถต่อยอด สร้างประโยชน์ในด้านต่างๆ ต่อไปได้ ซึ่งหากสามารถเปลี่ยนแปลงที่ดินที่กำลังมีปัญหาการชะล้างหน้าดิน ปัญหาไฟป่าหมอกควัน มาสร้างเป็นระบบวนเกษตรได้สำเร็จ จะสามารถสร้างรายได้ให้ชาวบ้านได้ ด้วยความคิดนี้ จึงเกิดเป็น “แปลงไผ่” ขึ้นในโครงการแสนกล้าดี ปีแรก ซึ่งกำไรที่ได้จากโรงงาน สามารถนำไปต่อยอดสร้างสิ่งแวดล้อมโดยการปลูกป่า เช่น ปลูกไม้มีค่า และนำไม้เหล่านั้นไปสร้างบ้าน สร้างอาคาร เป็นต้น
ทางด้านคุณสมบัติของ หลังคาไม้ไผ่ ก็มีจุดเด่นเรื่องความสวยงาม ทนทาน ผ่านกระบวนการอัดน้ำยากันปลวก รับประกันนานถึง 15 ปีเต็ม ทั้งยังช่วยให้บ้านเย็น ไม่ร้อนอบอ้าว เนื่องจากไม้ไผ่มีสัมประสิทธิ์นำความร้อนน้อยกว่าใบจากเทียมถึง 3 เท่า จึงเหมาะแก่การนำไปใช้งานกับสถาปัตยกรรมบริเวณรีสอร์ทริมทะเล เชิงเขา ให้อารมณ์แห่งการผ่อนคลายด้วยบรรยากาศที่เย็นสบายจากวัสดุธรรมชาติ นอกจากนี้ ไผ่ยังเป็นพืชมากประโยชน์ใช้สอย ช่วยป้องกันการพังทลายและชะล้างหน้าดิน ปลูกเพียงครั้งเดียวก็สามารถเก็บเกี่ยวต่อเนื่องได้นานหลาย 10 ปี
จะเห็นได้ว่า “ไผ่” เป็นพืชที่ตอบโจทย์ทั้งการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม และช่วยส่งเสริมรายได้ให้แก่เกษตรกรในเวลาเดียวกัน
ซึ่งจากข้อมูลทั้งหมดข้างต้น คงจะช่วยส่งเสริมคำกล่าวที่ว่า “โรงงานสร้างป่า ไม้จริงสร้างคุณค่า” ได้เป็นอย่างดี เพราะไม่เพียงช่วยพัฒนาสิ่งแวดล้อม แต่ยังช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนให้ดีขึ้นตามลำดับอีกด้วย
รายละเอียดสินค้า
สินค้า : หลังคาไม้ไผ่ ชาเล่ต์
ประเภท : วัสดุมุงหลังคา
วัสดุ : ไม้ไผ่
พื้นผิวสัมผัส : ผิวสัมผัสธรรมชาติ
สี : สินค้าดังกล่าวเป็นผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ อาจมีสี และขนาดที่แตกต่างกัน
พื้นที่การใช้งาน : ภายนอก
การรับรองมาตรฐานสากล : ISO 9001 : 2015
การรับรองเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม : ใช้ไม้ไผ่จากโครงการ "แม่แจ่มโมเดล"
การันตี : รับประกันปลวก 15 ปี
สั่งซื้อขั้นต่ำ : 1 ตร.ม.
ผลิตได้ตามแบบ : มีสินค้าให้เลือกตามแบบ
ราคาประเมิน : 690 บาท/ตร.ม.
ตัวอย่างสินค้าเทียบเคียง
สามารถกรอกข้อมูลความต้องการ Spec สินค้าได้ที่ลิงค์นี้
https://www.wazzadu.com/page/chalet/contact
สอบถามข้อมูล และติดต่อสั่งซื้อได้ที่เบอร์ 089-444-9100
#Wazzadu #Chale't #หลังคาไผ่ #หลังคาไม้ไผ่ #แม่แจ่มโมเดลพลัส #แม่แจ่มโมเดล #โครงการแม่แจ่มโมเดลพลัส #หลังคาไม้จริง #ไม้จริงชาเล่ต์ #ไม้แท้ #โครงสร้างไม้แท้
ผู้เขียนบทความ