ไอเดียแต่งบ้านให้หรูโมเดินส์ด้วยกระจก
ในวงการสถาปัตยกรรมและการออกแบบตกแต่งภายใน กระจกคือผลงานแห่งความก้าวหน้าที่ไปไกลมากจากผนังแบบเรียบๆ เดิมๆ ธรรมดาทั่วไป ด้วยคุณสมบัติที่ให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาด้านในได้ เป็นตัวเลือกแรกๆ ที่เหมาะสำหรับผู้ต้องการห้องที่ดูเป็นธรรมชาติ โปร่งสบายตา และยังทำให้ดูสวยโดดเด่นเป็นโมเดินส์ขึ้นอีก การติดตั้งผนังกระจกในอาครหรือบ้านที่อยู่อาศัยนั้น คุณย่อมจะมั่นใจได้ว่าได้โชว์บรรยากาศ เฟอร์นิเจอร์ หรือของตกแต่งภายในบ้าน ให้คนเห็นจากภายนอก เพราะไม่มีผนึงทึบกั้น นั่นคือสิ่งที่ทำให้ห้องนี้ธรรมดามีบรรยากาศที่น่าอัศจรรย์ สัมผัสได้กลิ่นไอของแรงบันดาลใจของนักออกแบบและผู้อยู่อาศัยในบ้าน
ผนังกระจกโดดเด่นในการผสมผสานการออกแบบภายนอกที่สง่างามเข้ากับการตกแต่งภายใน โดยภาพรวมแล้วห้องที่ใช้กระจกเป็นส่วนออกแบบตกแต่งจะทำให้ดูโปร่ง สว่าง และเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าใครเข้ามาสัมผัสย่อมเกิดความประทับใจอย่างมาก และกระจกนั้นก็ช่วยให้บริเวณในอาคารและบ้านคุณได้รับแสงแดดอย่างทั่วถึง เนรมิตพื้นที่ห้องนั่งเล่นแสนธรรมดาให้มีความโดดเด่นขึ้น และรู้สึกอบอุ่นเป็นธรรมชาติ ด้วยโทนสีแสงแดดจากแสงภายนอก ที่หลอดไฟให้ไม่ได้
อย่างไรก็ตามชนิดของกระจกก็เป็นส่วนสำคัญที่หากใช้ถูกประเภท ถูกลักษณะการออกแบบแล้ว ก็จะทำให้ตรงกับวัตถุประสงค์ของเรา ทำให้ดูแลได้ง่ายขึ้น นี่คือความพิเศษของกระจก MAXXMA จึงขอเสนอข้อมูลแนะนำการตกแต่งบ้านด้วยกระจกอย่างไรให้ปัง และข้อควรพิจารณาประกอบต่างๆ เกี่ยวกับการติดกระจกกัน
ใช้กระจกตกแต่งบ้านแล้วมีข้อเสียอะไรบ้าง?
1. แตก ข้อเสียงอย่างหนึ่งของกระจกคือแตกได้ และเมื่อแตกแล้วอาจก่อให้เกิดอันตรายกับผู้พักอาศัย กระจกส่วนใหญ่จึงมีคุณสมบัติหลักๆ คือต้องมีความแข็งแรงไม่แตกง่าย และต้องมีความปลอดภัย คือเมื่อแตกแล้วไม่ก่อให้เกิดอันตราย โดยส่วนใหญ่สาเหตุการแตกของกระจก ก็คือ
- การแตกร้าวที่เกิดจากการที่กระจกบิดตัวหรือแอ่นตัวมากเกินไป ซึ่งน่าจะเกิดตั้งแต่การติดตั้งว่ากรอบบิดตัวไม่ได้ระนาบที่พอดี รวมไปถึงอาจมาจากการเลือกความหนาของกระจกไม่เหมาะสม ไม่สัมพันธ์กับความกว้างของกระจก
- กระจกที่แตกหรือร้าวเอง ส่วนใหญ่จะเกิดกับกระจกเทมเปอร์ ซึ่งมีสาเหตุได้จากหลายอย่างด้วยกัน ได้แก่
- การเคลื่อนย้ายและติดตั้ง ในระหว่างติดตั้งหรือเคลื่อนย้ายผิวกระจกอาจกระแทกจนเกิดรอย ซึ่งอาจจะยังไม่แตกในตอนนั้น แต่รอยเหล่านี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้กระจกพร้อมแตกได้เสมอ หรือตอนติดตั้งที่ไม่ระวังมากพอทำให้มีเศษอะไรเข้าไปเบียดกับขอบกระจก ก็ทำให้กระจกแตกได้
- อาคารหรือบ้านได้รับแรงสั่นสะเทือน
- ส่วนผสมในกระจกตอนผลิต เช่น สารนิกเกิลซัลไฟด์ในกระจกเทมเปอร์ เมื่อเนื้อกระจกโดนความร้อนสารดังกล่าวก็จะขยายตัวขึ้น และเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นมากๆ ก็ทำให้กระจกสามารถแตกเองได้
- กระจกเทมเปอร์ ถ้าไม่ผ่านการลามิเนตฟิล์ม เวลาแตก กระจกจะแตกเป็นเม็ดข้าวโพด และร่วงลงมาทันที มีความคมอยู่บ้าง
- ส่วนกระจกฮีสเตร็งเทน ถ้าไม่มีการลามิเนตฟิล์มไว้ เวลาแตกกระจกจะแตกเป็นปากฉลามเหมือนกระจกทั่วไป แต่กระจกจะไม่ร่วงลงมาทันที ตัวกระจกจะยึดเกาะกันเองอยู่ชั่วระยะหนึ่ง แล้วจึงร่วงลงมา
3. ร้อน นอกจากนั้น ปัญหาจากความร้อนของแสงแดดที่ส่องเข้ามาในตัวบ้าน โดยเฉพาะในประเทศไทยเราแล้ว ยิ่งเห็นชัดเจนว่าเป็นประเด็นที่ทำให้ไม่ค่อยอยากตกแต่งบ้านด้วยกระจกกันเท่าไหร่ ทั้งที่อยากให้บ้านสวยโดเด่นก็ตาม
หากจำเป็นต้องติดตั้งกระจกในทิศทางที่รับแสงอาทิตย์โดยตรง ซึ่งเป็นช่องรับความร้อนเข้าสู่ตัวบ้านในปริมาณมาก วิธีหนึ่งที่สามารถช่วยลดปัญหานี้ได้คือหาอะไรมาบังแดดให้กับหน้าผนังกระจกนั้น ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบให้มีชายคาที่ยื่นยาว ติดตั้งอุปกรณ์บังแดดให้กับหน้าต่าง การปลูกต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา หรือติดฟิล์มกรองแสงก็ช่วยได้
4. ขาดความเป็นส่วนตัว ถึงแม้ติดกระจก Reflective ก็ยังทำให้เราขาดความเป็นส่วนตัว เพราะนอกจากแสงแล้ว สายตาคนอื่นก็สามารถส่องผ่านเข้ามาได้
5. รบกวนผู้อื่น กระจกที่มี Reflective มาก จะสะท้อนแสงออกไปรบกวนสายตาบ้านรอบข้าง และคนที่ผ่านไปมาในบริเวณนั้น
อุบัติเหตุ เกิดจากกระจก
กิจกรรมของคนผู้ที่อยู่อาศัยในบ้าน เช่น เด็กแสนซน หรือสัตว์เลี้ยง ไม่เว้นแม้แต่กิจกรรมของคนนอกบ้านที่เผลอๆ มาโดนกระจกเราแตกได้
อุบัติเหตุจากสภาพอากาศ เช่น ลมพายุแรง ลูกเห็บเป็นต้น หากติดกระจกในทิศทางที่รับลมโดยตรงและกระจกไม่ทนแรงกระแทกพอ อาจแตกจนเป็นอันตรายแก่คนในบ้านได้
การติดตั้งกระจกบนชั้นสูงๆ ก็มีความเสี่ยงที่กระจกจะแตกแล้วหล่นลงมาโดนคนข้างล่างได้เช่นกัน
อยากใช้กระจกตกแต่งในตัวบ้านควรทำอย่างไรดี?
ด้วยคุณสมบัติของกระจกที่โดดเด่นของกระจก ถึงแม้จะมีข้อเสียอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น ก็ไม่อาจห้ามใจคุณให้อยากใช้กระจกมาตกแต่งบ้านได้ อย่างนั้นแล้ว มาดูกันว่าถ้าจะติดกระจกแล้ว ต้องทำอย่างไรกัน
การเลือกใช้กระจกที่ถูกชนิดเป็นทางออกหนึ่งที่ช่วยลดปัญหาเหล่านี้ได้ ซึ่งชนิดของกระจกนั้นมีให้เลือกหลากหลาย แต่ละชนิดก็เหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน
เลือกกระจกเพื่อตกแต่งและทำบ้านหรืออาคารให้สว่าง
ส่วนใหญ่แล้ว นิยมใช้กระจกเทมเปอร์มากที่สุด อาจจะเพราะกระจกเทมเปอร์ แข็งแรงกว่ากระจกธรรมดา ประมาณ 3-4 เท่า ส่วนกระจกฮีสเตร็งเทนก็มีการใช้งานอยู่บ้างแต่ไม่หลากหลายเท่ากับกระจกเทมเปอร์ เนื่องจากแข็งแรงน้อยกว่ากระจกเทมเปอร์ แต่ก็ยังถือว่าแข็งแรงกว่ากระจกธรรมดา 2 เท่าตัว
ถ้าเป็นผนังบ้านเป็นกระจกทั้งผนัง ประตูกระจก หน้าต่างที่เป็นกระจกทั้งบาน หรือฉากกั้นอาบน้ำ ต้องทนแรงกระแทกได้เป็นพิเศษ เพราะว่ากระจกพวกนี้จะโดนสัมผัส จับต้องอยู่บ่อยๆ กระจกที่เหมาะสมกับการใช้งานก็คือ กระจกเทมเปอร์ กับกระจกฮีตสเตร็งเทน เนื่องจาก ทนแรงกระแทกได้สูงเพราะผลิตด้วยการอบความร้อนซ้ำจนได้เนื้อกระจกที่แข็งแรง
เลือกติดกระจกเพื่อกันความร้อนด้วยกระจกฉนวน (Insulating Glass Unit = IGU)
สำหรับคนที่ต้องการกระจกที่มีคุณสมบัติป้องกันความร้อนเข้าบ้าน หรือช่วยประหยัดการใช้พลังงานในอาคาร กระจกที่เหมาะกับความต้องการนี้ จะเป็นกระจกฉนวน หรือ IGU สำหรับอาคารขนาดใหญ่ ถ้าเป็นอาคารขนาดเล็กพวกบ้านพักอาศัย ให้ใช้กระจกลามิเนตฟิลม์กันร้อนแทนจะลงทุนน้อยกว่า
- ข้อดี เห็นประสิทธิภาพการป้องกันความร้อน ช่วยประหยัดพลังงานภายในอาคารขนาดใหญ่
- ข้อเสีย ราคาสูง เหมาะกับอาคารขนาดใหญ่ที่มีการใช้พลังงานมากๆ ถ้านำมาใช้กับบ้านอาจจะไม่ค่อยเห็นว่าช่วยความเปลี่ยนแปลงของการใช้พลังงานซักเท่าไหร่ เนื่องจากพื้นที่น้อยกว่าอาคารใหญ่ๆ ส่วนบ้านพักอาศัยทั่วไป อาจจะเลือกใช้กระจกเทมเปอร์แล้วติดฟิล์มกันร้อนแทนจะช่วยประหยัดต้นทุนได้มากกว่า ซึ่งจะช่วยกรองความร้อนที่จะเข้ามาภายในบ้านได้
เลือกติดกระจกเพื่อลวดลายสวยงาม
- กระจกพ่นทราย ผิวกระจกจะพ่นเป็นลวดลาย หรือจะพ่นให้เป็นฝ้าทั้งแผ่น จุดด้อยอย่างหนึ่งของกระจกพ่นทรายก็คือ ผิวกระจกส่วนที่พ่นทรายจะมีผิวหยาบ ถ้ามีสิ่งสกปรก คราบต่างๆ ไปติดได้ง่าย แต่ทำความสะอาดยาก แต่ถ้าติดฟิล์มนอกจากจะได้ลายพ่นทรายแล้ว ยังได้ผิวที่เรียบและทำความสะอาดง่ายกว่าด้วย
- กระจกกัดกรด เป็นการนำกระจกไปกัดด้วยกรด ทำให้เนื้อกระจกเป็นฝ้า
- กระจกลายผ้า เป็นการนำกระจกไปพิมพ์ลายบนผิวกระจก กระจกที่ได้ผิวก็จะไม่เรียบ หากติดฟิล์มแทน จะได้เหมือนกรณีกระจกพ่นทราย คือนอกจากจะได้ลายผ้าแล้ว ผิวกระจกยังเรียบและทำความสะอาดง่ายกว่า
- กระจกพิมพ์ลาย (Fritted glass) เป็นการนำลวดลายพิมพ์วางลงไปตั้งแต่ตอนที่กระจกอยู่ในเตาอบ ตัวลายจะติดอยู่ในเนื้อกระจก ส่วนใหญ่นิยมใช้กับงานตกแต่งภายนอก เช่น หลังคาทางเดินนอกตัวอาคาร เนื่องจากลวดลายบนกระจกช่วยกรองแสงแดดได้ และให้เงาสะท้อนเป็นลวดลายสวยงาม แปลกตา
เลือกติดกระจกเพื่อความเป็นส่วนตัวด้วย Reflective Glass
กระจก Reflective เป็นกระจกที่คนนิยมใช้เพื่อความเป็นส่วนตัว เพราะตัวกระจกเคลือบผิวมันวาวสูง ส่วนใหญ่จะใช้ตามสถานที่ที่ไม่ต้องการให้คนภายนอกมองเข้ามาเห็นภายใน เช่น คอนโด ออฟฟิศ อาคารบ้านเรือนที่อยู่ติดถนน มีคนสัญจรพลุกพล่าน ด้วยความที่เนื้อกระจกมีการเคลือบจนเนื้อกระจกมีความทึบแสง ทำให้คนที่อยู่ข้างนอกไม่สามารถมองทะลุเข้าไปภายในได้
แต่พึงระวังเอาไว้ว่า เมื่อใดก็ตามที่ด้านใดของกระจกสว่างกว่า คนที่อยู่ด้านที่มืดกว่าจะสามารถมองทะลุกระจกเข้าไปเห็นในห้องได้ชัดแจ๋ว ที่นีลองคิดดูว่า ถ้าเป็นคอนโดฯ แล้วห้องน้ำเป็นกระจก แล้วติดกระจก Reflective ถ้าเป็นเวลากลางวันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่เมื่อใดที่ในห้องน้ำเปิดไฟตอนกลางคืน คนที่อยู่นอกตัวอาคารจะมองเห็นห้องน้ำได้ทะลุปรุโปร่ง ถ้าไม่อยากให้คนอื่นๆ ได้เห็นรสนิยมการตกแต่งห้องน้ำของเรา คนที่ซื้อคอนโดฯ แล้วห้องน้ำทำเป็นผนังกระจก อย่าลืมสอบถามให้แน่ชัดว่ากระจกติดฟิล์มอะไร ใช่กระจก Reflective หรือเปล่าด้วยนะคะ อีกปัญหาหนึ่งคือ กระจก Reflective มักจะมีสะท้อนแสงออกไปรบกวนสายตาคนที่ผ่านไปมาในบริเวณนั้น หรือไปรบกวนคนที่อยู่บ้านใกล้ๆ กัน
เลือกไอเดียตกแต่งอย่างไรดี
หลังจากที่เราได้รู้จักแต่ละประเภทของกระจกกันไปแล้ว ไปดูวิธีดีๆ ในการตกแต่งบ้านสวยของคุณด้วยกระจกกันเลย
1. ติดกระจกเงาบานใหญ่บนผนัง
ถือว่าเป็นวิธีที่ตอบโจทย์ได้ดีที่สุดสำหรับบ้านที่มีพื้นที่จำกัด ซึ่งการติดกระจกบานใหญ่ๆ บนผนัง นอกจากจะทำให้ภายในห้องดูกว้างขวางขึ้นแล้ว ยังช่วยเพิ่มความหรูหรา โอ่อ่า ให้บ้านของคุณได้อย่างไม่น่าเชื่ออีกด้วย ซึ่งเราสามารถใส่ลูกเล่น และความคิดสร้างสรรค์ลงไปบนกระจกได้อีกในหลายๆ รูปแบบ อาทิเช่น การเพ้นท์ลวดลายต่างๆ ลงไป หรือลองตกแต่งเพิ่มเติมด้วยกระเบื้องกระจกแก้วสวยๆ ก็สามารถทำได้เช่นกัน เราขอเสนอไอเดียติดกระจกบนผนัง ให้พิจารณากัน ได้แก่
1.1 ใช้กระจกทำผนังส่วนบน
ปล่อยด้านล่างของผนังให้ทึบ แล้วประดับกระจกส่วนบน นอกจากจะเป็นความสวยงามในแง่การตกแต่ง และการใช้ประโยชน์ตามฟังก์ชั่นการสะท้อนให้ห้องดูมีพื้นที่แล้ว การติดกระจกตลอดแนวผนังยังเพิ่มลุคหรูหราให้ห้องอีกด้วย โดยเฉพาะถ้าติดกระจกเงาแบบเนี้ยบๆ ในห้องนั่งเล่นหรือบริเวณที่ทานข้าว นอกจากนี้ยังอาจเลือกภาพวาดหรืองานศิลปะที่ดึงดูดสายตามาประดับให้ผนังกระจกยิ่งเด่นขึ้นได้อีกด้วย
1.2 ติดตั้งเป็นผนังส่วนล่าง
การตกแต่งผนังด้วยกระจกในรูปแบบนี้เรียกได้ว่าเป็นวิธีที่ไม่เหมือนใคร โดยจะเปิดให้นักออกแบบได้เล่นกับองค์ประกอบในการตกแต่งภายในได้สนุกขึ้น และช่วยเพิ่มลูกเล่น สร้างเท็กซ์เจอร์ต่างๆ ให้สะท้อนบนกระจกได้โดยไม่ต้องทำให้พื้นผิวกระจกเสียไป แถมยังมีพื้นที่ให้เด็กๆ ในบ้านขีดเขียนงานสร้างสรรค์ได้อีกโดยไม่ต้องกังวัลว่าจะเลอะ เพราะกระจกทำความสะอาดง่ายอยู่แล้ว
1.3 ติดเต็มทั้งผนังไปเลย!
ถ้าการติดตั้งกระจกเงาบนผนังท่อนบน ท่อนล่าง ยังไม่เพียงพอ ทำไมไม่ลองใช้กระจกเงาทำผนังสูงตั้งแต่จากพื้นจรดเพดานไปเลยล่ะ ไม่ใช่แค่ในห้องที่เป็นพื้นที่ส่วนกลาง ห้องน้ำ แต่ยังรวมถึงการใช้กระจกทำผนังรูปแบบนี้ในห้องครัวได้ด้วย ลองคิดดูว่ากระจกจะช่วยสะท้อนพื้นที่ให้ห้องครัวขนาดเล็กดูกว้างขึ้นได้แค่ไหน แล้วไหนจะเป็นการสะท้อนแสงไฟให้สว่างไสวขึ้นอีก
ในห้องครัว การใช้กระจกช่วยสะท้อนพื้นที่ทำให้ห้องดูกว้าง นับเป็นวิธีที่ฉลาดสุดๆ ทั้งยังสามารถทำตู้หรือลิ้นชักซ่อนไว้ในผนังกระจกนั้นได้อีกด้วยนะ
ถ้าห้องของคุณเล็กหรือค่อนข้างมืด สามารถใช้กระจกเงา หรือกระจกที่มีรีเฟลกซ์มากๆ ติดพนังทั้งพนังเลย นอกจากจะช่วยสะท้อนพื้นที่ให้ดูกว้างขึ้นแลว ยังเป็นการผสมผสานพื้นผิวที่สะท้อนภาพแบบกระจกเงาเข้ากับเฟอร์นิเจอร์ทึบๆ ได้เป็นการตกแต่งที่น่าสนใจ
นอกจากนี้ คุณอาจตกแต่งให้ล้ำขึ้นไปอีก โดยใช้แสงจากไฟฝังฝ้าเพดานมาสร้างลูกเล่นให้กระจก เกิดเป็นแนวไฟสะท้อนซ้ำเป็นเส้นในกระจก นอกจากจะส่องสว่างมากขึ้นแล้วยังสวยงามในแง่การตกแต่งอีกด้วย
2. ติดกระจกเงาที่ประตูตู้เสื้อผ้าหรือเฟอร์นิเจอร์
ในห้องแคบ การสร้างพื้นที่ รวมไปถึงการเลือกเฟอร์นิเจอร์ให้พอเหมาะกับห้อง อาจเป็นเรื่องยาก แต่คุณสามารถเนรมิตตู้เสื้อผ้า และฟอร์นิเจอร์ที่เป็น Bluid-in ให้ดูเหมือนใหม่ได้ ด้วยการติดกระจกเงาลงไปที่ส่วนประตูตู้ด้านหน้า ซึ่งวิธีนี้ยังเป็นทริคที่ช่วยทำให้ห้องของคุณดูกว้างขึ้นเหมือนกับการติดกระจกบนผนัง พร้อมยังสามารถใช้ในการส่องดูตอนแต่งตัว ขณะที่หลังบานกระจกยังใช้เป็นที่เก็บของได้อีกด้วย หรือถ้าใครกำลังมองหาตู้เสื้อผ้าตู้ใหม่ สำหรับตู้ที่ประตูเป็นกระจกเงา ก็เป็นตัวเลือกที่ดีอีกตัวเลือกหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม วิธีนี้ นอกจากจะประหยัดพื้นที่แล้วยังช่วยพรางตา สะท้อนภาพห้องให้พื้นที่ห้องจากเดิมที่แคบๆ ดูกว้างขึ้นอีกด้วย
3. แบ่งพื้นที่ใช้สอยในแต่ละห้องด้วยกระจก
การจัดแบ่งแต่ละห้องให้เป็นสัดส่วน เราอาจทำได้โดยไม่จำเป็นต้องทำให้แต่ละห้องดูรู้สึกทึบ และอึดอัดมากจนเกินไป โดยเปลี่ยนจากการกั้นห้องด้วย ผนังไม้ หรือผนังคอนกรีต ที่ทึบแสง มาเป็นการใช้กระจกขุ่น หรือกระจกใสแทน แต่ก็ควรเลือกที่มีความแข็งแรงทนทานพอสมควร ซึ่งการแบ่งพื้นที่ห้องเช่นนี้ เราสามารถเห็นได้บ่อยๆ ในการตกแต่งห้องน้ำ โดยการใช้กระจกกั้นแบ่งส่วนแห้งและส่วนเปียกออกจากกัน ซึ่งทำให้ดูสวยงาม เป็นสัดส่วน ทำความสะอาดง่าย และดูดีกว่าการใช้ม่านแบบธรรมดาทั่วไป ถ้าหากจะอับเกรดให้สวยงามและปลอดภัยยิ่งขึ้น เราก็เพียงแค่ติดฟิล์มกระจกเท่านั้น
4. เปลี่ยนเพดานห้องทึบๆ ให้เป็นเพดานกระจก
เพิ่มความสว่างและอบอุ่นแบบธรรมชาติให้กับบ้านในเวลากลางวัน ด้วยแสงธรรมชาติจากภายนอก และเพิ่มความโรแมนติกโดยไว้ใช้นอนดูดาวได้ในยามค่ำคืน เป็นไอเดียที่เลิศไม่เบาเลยทีเดียว ทั้งยังช่วยประหยัดไฟฟ้า โดยการรับแสงจากธรรมชาติแทนที่การเปิดใช้ไฟภายในห้องเพียงอย่างเดียว แต่ในประเทศเราต้องคำนึงถึงความร้อนที่สูงสักหน่อย ซึ่งอาจทำให้แอร์ต้องทำงานหนักขึ้น อันนี้ เพียงแค่ติดฟิล์มกรองแสงก็แก้ไขได้แล้ว แล้วยังได้วิวที่สวย เย็น เป็นธรรมชาติด้วย
5. เปลี่ยนมาใช้ประตูกระจก
สามารถใช้ได้ในส่วนของห้องที่ไม่จำเป็นต้องปิดเป็นส่วนตัวมากนัก อาทิเช่น ห้องรับแขก หรือห้องครัว เป็นต้น ซึ่งสามารถเลือกรูปแบบสวยงามได้หลากหลาย เป็นการเพิ่มความโอ่อ่าหรูหรา มีสไตล์ให้กับบ้านของคุณได้อย่างง่ายดาย
6. ใช้กระจกพรางโครงสร้างของบ้าน
จะมีจุุดไหนเพรียวและเหมาะแก่การติดตั้งกระจกเงาบานยาวไปกว่าเสากลางบ้าน ยิ่งเป็นเสาแบนที่มีความกว้างยิ่งเหมาะสำหรับการหุ้มด้วยกระจกเงา เป็นการช่วยพลางให้เสาไม่ดูเกะกะ เด่นหราอยู่กลางบ้านแล้วยังช่วยสะท้อนพื้ตำแหน่งการติดตั้งกระจกเงาในห้องไม่ใช่อะไรที่จะวางตรงไหนก็ได้ แต่ควรพิจารณาให้ได้ประโยชน์สูงสุด เช่น ออกแบบได้เปลี่ยนพื้นที่เล็กๆ ตรงหัวเตียงให้กลายมาเป็นมุมสารพัดประโยชน์ได้ เลือกตำแหน่งที่ตั้งกระจกที่ช่วยสะท้อนแสงธรรมชาติที่ส่องเข้ามานที่ในบ้านให้ดูกลมกลืนอีกด้วย
7. เอาผนังออกไป ใช้กระจกล้วนๆ ดีกว่า
เปลี่ยนผนังทึบตันเป็นกระจกใสแทน การออกแบบบ้านและห้องแบบนี้ ต้องมั่นใจในความปลอดภัยของตัวบ้าน และแน่ใจได้ว่ายังคงความเป็นส่วนตัวเอาไว้ อันนี้ โดยส่วนมากแล้วจะติดฟิล์มอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งนอกจากจะช่วยในเรื่องความปลอดภัยแล้ว ยังช่วยป้องกันรังสี UV จากแสงแดด ประหยังพลังงานของเครื่องปรับอากาศได้อีกด้วย หากทำได้ครบตามนี้ ก็ได้บ้านที่มีสไตล์เพอเฟกซ์และโมเดินสุดๆ
ติดฟิล์มกระจกดีกว่าไหม?
ทางออกอีกวิธีหนึ่ง ที่แก้ปัญหาของกระจกดังกล่าวได้คือ การติดฟิล์ม
ฟิล์มอาคารคือผลิตภัณฑ์ประสิทธิภาพสูงที่ใช้บ่อยทั้งในโครงการอาคารที่พักอาศัยและอาคารพาณิชย์ รวมถึงเรือด้วย ความต้องการฟิล์มอาคารสำหรับติดกระจกนั้นยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโครงการเชิงพาณิชย์ในขณะที่ธุรกิจต่าง ๆ เนื่องจากมีความสำคัญและประโยชน์อันมากมายของฟิล์มอาคาร ด้วยเหตุผลและเวลาที่ควรติดฟิล์มกระจกในบ้านและอาคารต่างๆ นั้น เพราะ...
1. กันความร้อน
ฟิล์มกรองแสงที่ติดกระจกจะกันรังสีอินฟราเรด เรียกว่า IR ซึ่งเป็นค่าความร้อนที่มาพร้อมแสงแดด ยิ่งกัน IR ได้มาก ความร้อนก็ผ่านกระจกได้น้อย ทำให้ไม่มีอุณหภูมิสะสมภายในบ้าน จึงสามารถลดความร้อนได้ ซึ่งในฟิล์มบางรุ่นจะกัน IR ได้ถึง 99%
2. ประหยัดพลังงาน
จากในอดีตที่ฟิล์มกรองแสงมีแค่สีและเน้นกรองแสงเป็นหลัก ได้ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนมาเป็นฟิล์มอาคารที่มีส่วนผสมของสสารซึ่งช่วยป้องกันรังสีอันตรายและลดความร้อนได้สูง ดังนั้นคำว่า “ฟิล์มกรองแสง” จึงเป็นคำนิยามที่ดูจะล้าสมัยไปแล้ว เมื่อเทียบกับความสามารถของฟิล์มในปัจจุบัน ฟิล์มที่ลดอินฟาเรด (IR) ลดความร้อนได้สูง จึงช่วยลดการทำงานของเครื่องปรับอากาศ ทั้งในรถยนต์และบ้านอาคาร ช่วยให้ประหยัดน้ำมัน และประหยัดค่าไฟฟ้า ทำให้เครื่องปรับอากาศ และตู้เย็นไม่ต้อง ทำงานหนัก ช่วยให้ประหยัดค่าไฟฟ้า และยังมีส่วนช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องใช้ไฟฟ้าได้อีกด้วย
“ฟิล์มประหยัดพลังงาน” จึงเป็นคำนิยามใหม่ที่เหมาะสมกับฟิล์มกรองแสงติดกระจก ดังนั้น ไม่เพียงแค่เราได้ความเย็นสบายจากความร้อนที่ลดลง และปลอดภัยจากรังสีอันตรายเท่านั้น แต่ยังมีส่วนช่วยเหลือสังคมด้วยการช่วยกันประหยัดพลังงานให้แก่โลกใบนี้อีกด้วย
3. สวยงาม
ข้อแตกต่างที่เด่นชัดของการใช้ฟิล์มกรองแสงประหยัดพลังงานในเวลากลางวัน แทนการใช้ผ้าม่านคือ ฟิล์มจะช่วยป้องกันความร้อน โดยยอมให้แสงผ่านเข้ามาได้ รวมทั้งยังไม่บดบังทัศนียภาพภายนอก การติดตั้งฟิล์มกรองแสงกับกระจกไม่เพียงแค่เพิ่มความสวยงามให้กับภายในและภายนอกอาคารแล้ว ยังสร้างความเป็นส่วนตัวให้แก่ผู้อยู่อาศัยในเวลากลางวันได้อีกด้วย
4. ป้องกันการโจรกรรม
กระจกที่ติดฟิล์มเป็นที่ชื่นชมกันดีว่ามีคุณสมบัติในการป้องกันการโจรกรรมและทนต่อการทำลายทรัพย์สิน ความแข็งแรงของกระจกที่ติดฟิล์มแล้วนั้น สามารถขัดขวางการบุกรุกจากโจรและผู้ทำลายทรัพย์สินได้ เพราะพังได้ยากกว่าปกติแม้ในกรณีที่กระจกแตก โจรหรือผู้ทำลายทรัพย์สินก็ยังคงต้องจัดการกับส่วนวัสดุคั่นกลางของกระจกกับฟิล์มที่เหลืออยู่
นอกจากนี้ ฟิล์มกรองแสงนิรภัยยังช่วยป้องกันการโจรกรรม ที่อาจเกิดขึ้นกับบ้านอาคารของคุณ โดยความหนาของฟิล์มกรองแสงนิรภัย จะมีคุณสมบัติช่วยชะลอการแตกร้าวที่เกิดจากการทุบกระจก ช่วยยืดเวลาในการก่อเหตุ ไปจนถึงการป้องกันอย่าง 100% ในกรณีของร้านทอง ที่โจรต้องอาศัยการปฎิบัติการอย่างรวดเร็ว ทำให้ต้องยกเลิก หรือหนีไปก่อนที่จะทำการโจรกรรมสำเร็จ
5. ปลอดภัย
หนึ่งในคุณสมบัติที่น่าสนใจที่สุดของการติดฟิล์ม คือประสิทธิภาพการทนแรงกระแทก ด้วยความหนาที่จะทำให้กระจกไม่แตกหรือพังลงหากตกลงแบบธรรมดา และถึงแม้ว่าจะแตก กระจกก็ยังคงความแข็งแรงไว้ เพราะมีวัสดุคั่นกลางที่ทำให้ชั้นของกระจกยึดติดกัน สิ่งนี้ป้องกันไม่ให้กระจกแตกออกเป็นชิ้นแหลมคมขนาดใหญ่ที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บสาหัสได้
ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ฟิล์มกรองแสงนิรภัยจะช่วยยึดเกาะเศษกระจกไม่ให้กระจายไปทั่วบริเวณ หากคุณมีกระจกบานใหญ่ในบ้าน หรืออาคารสำนักงาน ที่เสี่ยงต่อการถูกกระแทก การติดฟิล์มกรองแสงนิรภัยจะช่วยยึดเกาะเศษกระจกให้ติดเป็นแผ่นคงเดิม ต่างจากกระจกที่ไม่ได้ติดฟิล์มกรองแสงนิรภัย ซึ่งเมื่อแตก เศษกระจกจะตกลงกับพื้นและกระจายไปทั่วบริเวณ สร้างความเสียหายต่อพื้นและทรัพย์สิน รวมถึงร่างกายของผู้อยู่อาศัยจากการถูกเศษกระจกบาด
6. ป้องกันโรคร้าย
การติดตั้งฟิล์มกรองแสงกับกระจกบางรุ่น ช่วยป้องกันรังสียูวี (UV) ได้ ซึ่งเป็นรังสีที่ทำให้ผิวหนังคล้ำ เหี่ยวย่น ก่อให้เกิด ฝ้า กระจุดด่างดำ รวมไปถึงมะเร็งโรคผิวหนังและโรคต้อในตา
7. ปลอดฝุ่น ปลอดเชื้อโรค
หลายท่านเลือกติดผ้าม่านหลังผนังกระจก แต่นั่นก็ย่อมตามมาด้วยการสะสมของฝุ่นละออง และเชื้อโรคต่างๆ แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นติดฟิล์มกระจก หรือม่านฟิล์มแล้วปัญหานี้ก็หายไป เพราะฝุ่นและเชื้อโรคบนผิวฟิล์ม หรือม่านฟิล์ม เมื่อเทียบกับผ้าม่านแล้ว ถือว่าน้อยกว่ามาก การติดฟิล์มแทนการใช้ผ้าม่านจึงเหมาะกับห้องที่ต้องการความสะอาดเป็นพิเศษ เช่น ห้องของผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้
8. รักษาทรัพย์สิน
ที่พักอาศัย บ้าน คอนโด และอาคารที่ใช้กระจกตกแต่งเป็นผนังน้ันต้องโดนแสงแดดอยู่ตลอด ความร้อนและรังสี UV ทำให้อุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่ภายในเสื่อมสภาพเร็วขึ้น เฟอร์นิเจอร์หนังแห้งกรอบและขาดง่าย อาหารเสียเร็วขึ้น เครื่องใช้ไฟฟ้าเสื่อมสภาพเร็วขึ้น การติดฟิล์มกระจกที่กรองแสงป้องกันความร้อนและรังสี UV จึงช่วยยืดอายุ การใช้งานของอุปกรณ์และทรัพย์สินภายในที่พักอาศัยและอาคารให้นานขึ้น
วิธีดูแลรักษากระจก
กระจกก็เป็นวัสดุที่ต้องการการดูแลรักษาและต้องระมัดระวังในการใช้งานเป็นพิเศษ สำหรับการดูแลและบำรุงรักษากระจกนั้น มีข้อที่ควรพิจารณาดังนี้
ไม่ควรให้ลมเย็นจากแอร์กระทบกระจกโดยตรง เพราะจะทำให้อุณหภูมิของผิวกระจกภายนอกและภายในอาคารแตกต่างกันมาก ซึ่งเป็นเหตุให้กระจกแตกร้าวได้ง่าย
ไม่ควรทาสี ติดกระดาษ หรือติดผ้าม่านหนาๆ บริเวณกระจกเพราะจะทำให้เกิดการสะสมความร้อนในเนื้อกระจกและทำให้กระจกแตกร้าวได้ง่าย
ควรทำความสะอาดกระจกทุก 2 เดือน และควรตรวจสอบรอยรั่วตามขอบกระจกหน้าต่างอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันการรั่วซึมของอากาศจากภายนอกเข้ามาซึ่งจะเพิ่มภาระในการปรับอากาศ
คงได้ไอเดียดีๆ สำหรับการนำกระจกมาตกแต่งบ้าน แนวทางการใช้กระจกลดพลังงาน กันความร้อนในบ้าน และป้องป้องกันคนในบ้านจากอุบัติเหตุที่จะเกิดกระจกแตกไปปพอสมควรแล้ว ซึ่งถ้าใครยังไไม่ได้ติดฟิล์มตกแต่งกระจกอับเกรดบ้านให้สวยงามขึ้น และสนใจการติดฟิล์มกระจก ก็สามารถลองสอบถามมาที่ Maxxmafilm.com เรายินดีให้คำปรึกษาแนะนำ พร้อมบริการวัดพื้นที่ให้ฟรี
ที่ Maxxmafilm เรามีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี ในการผลิตและจัดจำหน่าย และบริการติดฟิล์มกระจกคุณภาพสูงให้กับโครงการสำคัญต่าง ๆ เช่น สนามบิน โรงพยาบาล คอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน และเรือหลวง เป็นต้น หากคุณต้องการฟิล์มติดกระจก และม่านฟิล์ม สำหรับโครงการในอนาคต ติดต่อทีมผู้เชี่ยวชาญของเราได้ที่ maxxmafilm.com
อ้างอิง
- https://thinkofliving.com/article/435228/
- https://www.lushome.com/30-ideas-glass-modern-house-exterior-interior-design/134192
- https://www.lushome.com/modern-interior-design-unique-home-interiors-reviving-traditional-cabin-designs/187001
- http://www.kncsafetyglass.com/Learn-About-Glass-Application-LaminatedGlass.html
- https://www.terrabkk.com/news/79115/
- https://community.akanek.com/th/content/กระจกชนิดต่างๆ-ในงานออกแบบ-ตกแต่งอาคาร
- https://www.hba-th.org/บ้านน่ารู้/กระจกสำหรับ-บ้านพักอาศัย
- https://www.homify.co.th/ideabooks/3102388/
- https://www.homify.co.th/ideabooks/3059360/
- https://www.sanook.com/home/4317/
ผู้เขียนบทความ
PRODUCTCORE VALUE
ด้วยความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและนำเสนอสินค้าที่มีคุณภาพสู่ผู้บริโภค เราได้ทำงานร่วมกับโรงงานผู้ผลิตทั้งในประเทศอเมริกา ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ปัจจุบัน MAXXMA มีสินค้าที่นอกเหนือไปจากฟิล์มติดกระจกเพื่อลดความร้อน เรายังมีฟิล์มนิรภัย ฟิล์มตกแต่งภายในฟิล์มกันรอยขีดข่วน ม่านม้วนฟิล์ม และน้ำยาเคลือบกระจกลดความร้อน ซึ่งช่วยเพิ่มทางเลือกในการแก้ปัญหา และตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายแก่ผู้บริโภค
สินค้าที่เรานำเสนอท่าน ด้วยคำนึงถึงหลักการสำคัญดังต่อไปนี้
SUPERB : มุ่งเน้นความเป็นเลิศในทุกๆ ด้าน
SAFETY & SECURITY : ใส่ใจในความปลอดภัยทั้งบุคคลและทรัพย์สิน
STYLE : ความสวยงามและตัวเลือกที่หลากหลาย
SMART : พัฒนาสินค้าด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ห้ทันความเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน
SAVING : ตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมและการประหยัดพลังงาน
STABILITY : เลือกสรรสินค้าที่มีความทนทานเพื่อความคุ้มค่าของผู้บริโภค ... อ่านเพิ่มเติม